ตามความเป็นจริง ลำดับที่ 85

วันที่ 21 กันยายน 2557

ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ ให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง ด้วยการสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่าง ๆ เอาไว้ ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราหยุดไม่ได้เด็ดขาด ถึงเราละไม่ได้เด็ดขาด ก็ขอให้รู้จักวิธีการเจริญสติ การสร้างความรู้สึกรับรู้ เวลาลมหายใจเข้า หายใจออกเราก็รู้ให้ต่อเนื่อง รู้ให้เชื่อมโยง

นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย อันนี้เป็นพื้นฐานในการที่จะเน้นสติลงอยู่ที่กายของเรา ให้รู้ทุกอิริยาบถ พลั้งเผลอแล้วเริ่มขึ้นมาใหม่ พลั้งเผลอแล้วเริ่มขึ้นมาใหม่

ใจของทุกคนนั้นมีบุญอยู่แล้ว มีบุญได้สร้างบุญสร้างอานิสงส์มากันดีพอ ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ทีนี้เราก็มาเจริญสติ เข้าไปทำความเข้าใจ เข้าไปสำรวจให้รู้แจ้งเห็นจริง จนมองทะลุปรุโปร่งทุกเรื่องในชีวิต ว่ากายของเราเป็นอย่างไร วิญญาณในกายของเราเป็นอย่างไร อะไรคือรูป อะไรคือนาม เราจะเดินอย่างไร ไปอย่างไร มาอย่างไร ในชีวิตของเรา จนกว่าจะถึงจุดหมายคือความสะอาด ความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้น ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน

เวลานี้เราเกิดอยู่ในภพมนุษย์  ความหลง  ชักนำมาให้เกิด แต่มาเกิดอยู่ในภพภูมิที่ประเสริฐ พอที่จะเข้าใจ ศึกษาธรรมะ ชีวิตของตัวเราได้ เราก็อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง ทุกลมหายใจเข้าออกมีคุณค่ามากมายมหาศาล

การได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่การลงมือนี่ต้องเป็นคนขยันหมั่นเพียร เราขาดตกบกพร่องอะไร เราก็รีบดู รีบแก้ไขปรับปรุง

ภาษาธรรม ภาษาโลกเป็นอย่างไร พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอะไร ก็สอนเรื่องชีวิตของเรานั่นแหละ แล้วก็สอนเรื่องวิธีการดำเนินการ แนวทาง จนกว่าจะหมดลมหายใจ บุคคลที่มีบุญมีอานิสงส์ฟังนิดเดียว การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การละกิเลสเป็นอย่างนี้ การปรับสภาพจิตใจเป็นอย่างนี้ สมมติเราขาดตกบกพร่องตรงไหน เราก็รีบแก้ไข จากน้อย ๆ ไปหามาก ๆ ก็ส่งผลถึงวิมุตติ อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง

ทุกคนเกิดมาด้วยแรงเหวี่ยงของกรรม เราต้องทำความเข้าใจ อะไรคือกรรม ความหมายของกรรม ‘กรรม’ หมายถึงการกระทำ กรรมระดับของสมมติ กรรมระดับวิมุตติ กรรมส่วนนามธรรม ส่วนรูปธรรม เราต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องหมด อะไรควรละ อะไรควรเจริญ

สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจให้ชัดเจนให้เชื่อมโยงสักนิดนะ

พากันไหว้พระพร้อม ๆ กัน ค่อยไปศึกษาทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถกันนะ