แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง พุทธะที่แท้จริง ตอนที่ ๓๔ ปัจจุบันถ้าเราไม่ประพฤติไม่ปฏิบัติ ก็เท่ากับตั้งอยู่ในความประมาทตั้งอยู่ในความเพลิดเพลิน
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
คำเทศนา วันอังคารที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๗
การประพฤติการปฏิบัติของพวกเราทุกๆ คนที่เป็นประชากรของโลกซึ่งมีอยู่ 8 พันกว่าล้านคนในปัจจุบัน ต้องพากันรู้พากันเข้าใจการดำเนินชีวิตที่ประเสริฐเพื่อเป็นทางสายกลางที่ไม่เคร่งไม่หย่อน เป็นทางสายกลาง ยกเลิกอวิชชายกเลิกความหลง ทั้งผู้เป็นฆราวาสผู้ครองเรือนทั้งผู้ที่เป็นนักบวชต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาสมมุติบัญญัติที่เป็นกฎหมายบ้านเมืองนำชีวิต เน้นการประพฤติเน้นการปฏิบัติโฟกัสมาในปัจจุบัน ปัจจุบันให้เป็นการประพฤติเป็นการปฏิบัติ อดีตให้เป็นประสบการณ์ไป อนาคตเราก็ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเอาธรรมนำชีวิต เอากฎหมายบ้านเมืองนำชีวิต วันหนึ่งคืนหนึ่งสำหรับผู้ที่ประชาชนไม่ได้เป็นนักบวชพากันนอน 6-8 ชั่วโมง ชั่วโมงสำหรับนักเรียนนักศึกษาวัยเด็กนอน 8-12 ชั่วโมง สำหรับนักบวชพากันจำวัด 5-6 ชั่วโมง สำหรับผู้ที่ป่วยผู้ที่อาพาธจำวัด 6-8 ชั่วโมง เพื่อซ่อมแซมสรีระร่างกาย สำหรับผู้ที่ไม่เจ็บไม่ป่วย 5-6 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว พระพุทธเจ้าทรงบรรทมทรงพักผ่อนวันหนึ่งเพียง 4 ชั่วโมง พระอรหันต์ท่านพักผ่อน 4-5 ชั่วโมงนี่แหละ
มนุษย์เราต้องมีความเห็นถูกต้องความเข้าใจถูกต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง เพื่อจะได้เป็นทางสายกลาง ไม่เคร่งเกินไปไม่หย่อนเกินไป เป็นผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ยกเลิกตัวตนทั้งหมด คำว่าทางสายกลางก็หมายถึงกฎหมายบ้านเมืองหมายถึงพระทำธรรมวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่เพื่อมายกเลิกตัวยกเลิกตน ตัวตนนี้ไม่ใช่ทางสายกลาง พระพุทธเจ้าบอกสอนเรา ให้พวกเราพากันรู้จัก การรู้จักนี้คือรู้อริยสัจ 4 รู้ความจริง ความจริงนั้นไม่ใช่นิติบุคคลไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนหากเป็นเหตุเป็นปัจจัยเพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปจึงมี มาจากเหตุจากปัจจัย เราต้องพากันเดินสายกลาง เพื่อเราจะได้ยกเลิกตัวยกเลิกตน ยกเลิกสิ่งที่ไม่ถูกต้อง พระพุทธเจ้าท่านบอกให้พวกเราเข้าใจง่ายๆ เรามีตาหูจมูกลิ้นกายใจนั้น ที่เป็นอายตนะภายในเปรียบเหมือนเจ้าของบ้าน สิ่งที่มาสัมผัสตาหูจมูกลิ้นกายใจ คือรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธัมมารมณ์ที่เป็นอายตนะภายนอก เปรียบเสมือนแขกที่มาเยี่ยม ปกติแล้วแขกไปเยี่ยมเรามาเยี่ยมบ้านเราเขาก็ต้องจากไป ทุกคนต้องพากันเข้าใจอย่างนี้ เราจะได้รู้อริยสัจ 4 จะได้ยกสิ่งเหล่านี้เข้าสู่พระไตรลักษณ์ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นไม่แน่ไม่เที่ยง มีความเปลี่ยนแปลงไป หาใช่ตัวหาใช่ตนไม่ เพียงแต่เหมือนแขกที่มาเยี่ยมบ้านแล้วก็จากไป จนกว่าจะหมดอายุขัยของเราทุกคน ให้ทุกคนพากันปฏิบัติง่ายๆ อย่างนี้ จะได้พากันดูอริยสัจ 4 อรหันต์ขีณาสพคือผู้ที่รู้อริยสัจ 4 อย่างสมบูรณ์เหมือนกันหมด
การประพฤติการปฏิบัติของเราถึงเป็นเรื่องที่ปัจจุบัน ถ้าเราไม่ประพฤติไม่ปฏิบัติ ก็ตั้งอยู่ในความประมาทตั้งอยู่ในความเพลิดเพลิน ทุกท่านทุกคนต้องพากันปฏิบัตินะ เราไม่ประพฤติไม่ปฏิบัติน่ะไม่ยกสิ่งเหล่านี้เข้าสู่พระไตรลักษณ์อย่างนักบวชก็ต้องพากันต้องอาบัติทุกกฏจนถึงอาบัติถุลลัจจัย เพราะการประพฤติการปฏิบัติทุกวันจะทำให้ทุกคนชำนิชำนาญ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตประจำวันมันก็จะมีสิ่งเก่าๆ นี่แหละมาเยี่ยมมายามเราแล้วก็จากไป ถ้าเราไม่ปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง ก็จะไม่ตอนเนื่องเป็นหยดน้ำที่เป็นสายน้ำเป็นแม่น้ำเป็นมหาสมุทรได้ ต้องพากันเข้าใจ ทุกคนต้องมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ถ้าเรามีฉันทะมีความพอใจ ความทุกข์มันก็จะไม่มีหรอก เพราะความทุกข์นั้นมันมาจากสาเหตุที่เรามีความเห็นผิดเข้าใจผิดว่าสิ่งต่างๆนั้นมันเป็นตัวเป็นตนเป็นเราเป็นของเรานะ ความทุกข์มันเกิดได้ตอนนี้แหละ ผู้ที่เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ท่านถึงบอกเราทั้งหลายว่าตัวตนนั่นแหละมันมีแต่ทุกข์เกิดขึ้นมีแต่ทุกข์ตั้งอยู่มีแต่ทุกข์ดับไป นอกจากทุกข์มันไม่มีนะ เพราะตัวตนมันคือความทุกข์ ทุกทั้งกายทุกข์ทั้งใจ ให้พวกเราเข้าใจ ทุกคนต้องยกเลิกความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงให้กับตนเอง เพื่อเป็นทางสายกลาง เพราะทางสายกลางนั้นเป็นความดับทุกข์ของหมู่มนุษย์ ถ้าอย่างนั้นไม่ได้ พวกเราจะพากันไปได้แต่เพียงคน คำว่าคนคืออวิชชาคือความหลงนะ คือสังสารวัฏคือการเวียนว่ายตายเกิดนะ เราเป็นสามัญชนเราต้องรู้เราต้องเข้าใจ เพื่อจะได้เข้าสู่ภาคประพฤติเข้าสู่ภาคปฏิบัติ เพื่อจะไม่เคร่งเกินไม่หย่อนเกินเป็นทางสายกลาง
ระบบการประพฤติการปฏิบัติของพระพุทธเจ้าเป็นทางสายกลาง ยกเลิกตัวตน เอาพระธรรมเอาพระวินัย พระพุทธเจ้าเมื่อท่านเป็นพระพุทธเจ้า ไม่มีใครใหญ่กว่าพระพุทธเจ้า แล้วพระพุทธเจ้าเคารพใคร พระพุทธเจ้าทรงเคารพสักการะนอบน้อมต่อพระธรรม เมื่อเรายกเลิกตัวตนยกเลิกความเห็นผิดเข้าใจผิด นั่นแหละคือเคารพพระธรรมเคารพพระวินัย เคารพกฎหมายบ้านเมือง การประพฤติการปฏิบัติให้พวกเราเข้าใจง่ายๆอย่างนี้ ทั้งที่ประชาชนคนที่บวช ทั้งที่ประชาชนคนที่ไม่ได้บวช ความเป็นพระก็เป็นได้กับทุกๆ คนนั่นแหละ นักบวชก็เป็นพระได้ ประชาชนที่ไม่ได้บวชก็เป็นพระได้ เพราะพระนั้นคือผู้ที่เดินทางสายกลาง ยกเลิกตัวยกเลิกตนเอาธรรมนำชีวิต เอากฎหมายบ้านเมืองนำชีวิต เราต้องจับหลักจับประเด็นให้ได้ เพราะมันเป็นเหตุเป็นปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปถึงมีได้ เราทุกคนไม่ต้องไปหาความดับทุกข์ที่ไหนหรอก หาความดับทุกข์ที่กายวาจาใจกิริยามารยาทตลอดอาชีพของเราที่ในปัจจุบันนี่แหละ
ผู้ที่ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจก็ต้องอาศัยผู้นำ ผู้นำก็ได้แก่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้บำเพ็ญพุทธบารมีมาหลายอสงไขยหลายล้านชาติจนได้มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เราต้องเอาพระพุทธเจ้าเป็นที่ตั้ง เมื่อพระพุทธสรีระของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้วเหลือแต่พระบรมสารีริกธาตุที่เป็นส่วนทางสรีระร่างกาย แต่พระพุทธเจ้าที่แท้จริงนั้นคือพระธรรมคือพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ที่พระพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติได้ทรงแสดงไว้ 84,000 พระธรรมขันธ์ในพระไตรปิฎก เป็นพระวินัยปิฎก 21,000 พระธรรมขันธ์ มาในภิกขุปาฏิโมกข์ 227 สิกขาบท พระสุตตันตะปิฎก 21,000 พระธรรมขันธ์ พระอภิธรรมปิฎก 42,000 พระธรรมขันธ์ รวมเป็น 84,000 พระธรรมขันธ์ ให้พวกเราเข้าใจว่าพระพุทธสรีระถึงจะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปเหลือแต่พระบรมสารีริกธาตุ แต่พระธรรมพระวินัยที่เป็นศาสดาองค์แทนยังมีอยู่ที่เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม เป็นสิ่งที่อยู่คู่ชีวิตอยู่คู่โลก เป็นสิ่งที่ทันโลกทันสมัย เป็นปัจจุบันธรรม ที่เราจะได้ประพฤติปฏิบัติให้เป็นทางสายกลาง ทั้งกายวาจาใจทั้งกิริยามารยาท ทุกคนต้องพากันตั้งมั่นในพระพุทธเจ้า จะได้เอาธรรมนำชีวิต เอาสมมุติบัญญัติที่เป็นกฎหมายที่เป็นวินัยนำชีวิต สิ่งเหล่านี้ให้พวกเราเข้าใจ ที่เป็นธรรมเป็นวินัยที่เป็นกฎหมายบ้านเมืองจะได้โฟกัสเข้าหาความถูกต้องที่เป็นทางสายกลาง ที่เป็นระบบความคิดระบบคำพูดระบบกิริยามารยาทการกระทำ ตลอดถึงอาชีพ ตลอดถึงความเพียรความตั้งมั่น ที่ต้องเป็นสัมมาทิฏฐิทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ เน้นมาที่พวกเราทุกๆ คนนี่แหละ
การประพฤติการปฏิบัติธรรมมันถึงไม่เคร่งเกินไม่หย่อนเกิน เป็นสิ่งที่พอดี ไม่ได้เพิ่มไม่ได้ตัดออก เพียงแต่เรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เอาพระพุทธเจ้านำชีวิต ผู้ที่มีอินทรีย์บารมีอ่อน ต้องเอาพระพุทธเจ้า อย่าได้เอาตัวตน เราทำอะไรก็จะได้ไม่มีความทุกข์ เพราะตัวตนมันมีแต่ความทุกข์เกิดขึ้นทุกตั้งอยู่ทุกดับไปนะ ผู้นำของเราคือพระพุทธเจ้าพระองค์เดียว เพราะปัจจุบันโลกนี้เอาประชาธิปไตยที่เอาตัวตนนำชีวิต ถึงเป็นประชาธิปไตยก็จริงแต่มันไม่ถูกต้อง ตัวตนน่ะคือความไม่ถูกต้อง ตัวตนมันไม่ใช่ทางสายกลาง มันคือทางสุดโต่ง มันเคร่งเกินมันหย่อนเกิน พระธรรมวินัยกฎหมายบ้านเมืองเวลาถึงเป็นทางสายกลาง เพราะความถูกต้องก็คือความถูกต้อง ไม่ได้เป็นพี่เป็นน้องกับใคร ไม่ได้มีพรรคไม่ได้มีพวก ความถูกต้องไม่ได้มีระบบหมู่เฮาหมู่เขา ยกเลิกทาสยกเลิกชั้นวรรณะยกเลิกตัวตน เป็นทางสายกลาง เป็นปัญญาธิคุณบริสุทธิคุณกรุณาธิคุณ ตัวตนนั้นไม่ใช่ปัญญาธิคุณบริสุทธิคุณกรุณาธิคุณ ตัวตนนั้นคือทุกข์กำลังเกิดขึ้นทุกข์กำลังตั้งอยู่ทุกข์กำลังดับไปนอกจากทุกข์นั้นไม่มี เราต้องเอาพระพุทธเจ้ามาประทับไว้ในใจของเรา ในกายวาจากิริยามารยาทในอาชีพของเรา เราต้องเข้าสู่ทางสายกลาง เป็นการทำที่สุดแห่งความดับทุกข์ทั้งกายวาจาใจกิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพ เราจะได้พากันเดินทางสายกลางคือยกเลิกตัวตน ถ้าเราไม่ยกเลิกตัวตนมันจะไม่เป็นศีลสมาธิปัญญา เพราะเราทำไปเพื่อตัวเพื่อตน การที่เราจะทำอะไรเพื่อตัวเพื่อตนน่ะ ทั้งการเรียนการศึกษาการทำงานการดำรงชีพดำรงขันธ์ มันเป็นการพัฒนาให้ตนเองเวียนว่ายตายเกิดต่างหาก ไม่ใช่ความดับทุกข์ไม่ใช่ทางสายกลางนะ ให้เราพากันจับหลักให้ได้จับประเด็นให้ได้ พระอรหันต์ทุกรูปถึงเอาธรรมนำชีวิตไม่เอาตัวตนนำชีวิต ไม่มีใครทำตามอัธยาศัยทำตามอารมณ์ตามความรู้สึก เคารพในพระธรรมวินัยในกฎหมายบ้านเมือง เราต้องเข้าใจการประพฤติการปฏิบัติของเรา เพราะนี่คือกระบวนการประพฤติการปฏิบัติ ต้องเอาพระพุทธเจ้าเป็นหลัก
ที่เรามีการปกครองทั้งในฝ่ายอาณาจักรและศาสนจักร จุดมุ่งหมายก็เพื่อจะโฟกัสเข้าหาสิ่งที่ถูกต้อง ที่ยกเลิกตัวตน ให้เข้าใจอย่างนี้นะ เราจะไปทำตามใจตามอัธยาศัยไม่ได้ ทำตามใจตามอัธยาศัยทำตามความรู้สึกทำตามความไม่รู้เรียกว่าอวิชชาความหลง มันเป็นการลูบคลำในศีลในข้อวัตรข้อปฏิบัติ มันไปไม่ได้ เพราะเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เขาไม่ได้เอาธรรมนำชีวิต ไม่ได้เอาความถูกต้องนำชีวิต มันไปไม่ได้
เรามาบวชมาปฏิบัติมาอยู่วัดกับพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ท่านเอาพระพุทธเจ้าเป็นที่ตั้ง เอาพระธรรมเอาพระวินัยเป็นที่ตั้ง ยกเลิกตัวยกเลิกตน มาถือนิสัยของพระพุทธเจ้า ยกเลิกการคือนิสัยของตนเอง เราจะไปทำอะไรตามอัธยาศัยไม่ได้ ต้องทำตามศีลตามพระวินัยตามข้อวัตรข้อปฏิบัติที่ตั้งไว้ เพื่อคอนโทรลไม่ให้เราทำอะไรตามจิตตามใจตามอัธยาศัย เราเป็นฆราวาสเรามุ่งการเรียนการศึกษาการทำงาน เราพากันมาบวชมาปฏิบัติ เราทุกคนต้องโฟกัสตัวเองในปัจจุบัน ต้องพากันมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ถ้าพวกเราพากันนอนเพียงพอวันละ 5-6-7 ชั่วโมง ร่างกายก็ไม่มีปัญหา ให้เราพากันกลับเข้าหาธรรมะเข้าหาเวลาเข้าหาข้อวัตรกิจวัตร เอาตัวตนนั้นไม่ได้นะ จะทำให้เราทุกคนพลาดโอกาสเสียเวลา พากันตั้งอยู่ในความหลงความเพลิดเพลิน เราต้องรู้ว่าสิ่งไหนที่สำคัญที่สุด สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องปัจจุบันนี่แหละ ปัจจุบันเราต้องเอาธรรมนำชีวิต ยกเลิกตัวตน มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ช่วงไหนที่ไม่อาพาธไม่เจ็บป่วย เราก็ต้องพากันปฏิบัติให้ติดต่อต่อเนื่อง พากันมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ เรื่องอดีตมันมีทุกคนนั่นแหละ เพราะอดีตคือประสบการณ์ มันเป็นกรรมสั่งสมมาหลายภพหลายชาติเป็นแสนเป็นล้านชาติอย่างนี้เป็นต้น ท่านให้เราโฟกัสมาที่ปัจจุบัน ต้องลบอดีตให้เป็นเลขศูนย์ยกเข้าสู่พระไตรลักษณ์ ให้ถือว่ามันเป็นประสบการณ์ เรามาบวชเรามาปฏิบัติ เราต้องมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ เพื่อจะได้ติดต่อต่อเนื่อง
เราจะมาจากฐานะยากจนฐานะปานกลางฐานะคนรวยก็ไม่มีปัญหา มาจากหลายชาติหลายประเทศหลายศาสนาก็ไม่เป็นไร เรามายกเลิกตัวตน มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ให้โฟกัสมาหาปัจจุบันนี่แหละ เมื่อเรายกเลิกตัวยกเลิกตน เราก็จะเป็นผู้งามในเบื้องต้นในท่ามกลางในที่สุดนะ พระพุทธเจ้าบอกเราสอนเราให้เรางามทั้งภายนอกทั้งภายใน เราเอาแต่ตัวเอาแต่ตน ผู้ที่เป็นประธานสงฆ์เป็นเจ้าอาวาสก็เป็นไม่ได้ เป็นได้แต่เพียงเจ้าอาละวาดเจ้าอารมณ์น่ะ ตัวตนที่มันฟุ้งซ่านมากนะ ให้เข้าใจ เจ้าอาวาสทั้งหลายทั้งปวงผู้เป็นนักบริหารทั้งหลายทั้งปวง พวกนี้มักอยู่กับความฟุ้งซ่าน เพราะตัวตนมันคือความฟุ้งซ่าน เพราะตัวตนมันมีแต่จะไปแก้ไขคนอื่น เราทุกคนต้องใช้หลักการพี่ช่วยน้อง หมายความว่าเรารู้ธรรมะเราเข้าใจธรรมะวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ เราบอกเราสอนเราปฏิบัติตนเองร้อยเปอร์เซ็นต์ เรายังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ขีณาสพ เราก็บอกคนอื่นสัก 5% นี้ก็เพียงพอแล้ว ให้เราเอาหลักการของหลวงปู่ชาแห่งวัดหนองป่าพง ท่านบอกลูกศิษย์ลูกหาของท่านว่า ท่านรู้ธรรมะเข้าใจธรรมะปฏิบัติธรรมะเท่าที่รู้เท่าที่เข้าใจทั้งภาพความรู้ทั้งภาคปฏิบัติ ตั้งใจปฏิบัติ 100% ท่านเพียงบอกสอนพวกพระพวกโยมเพียง 5% เราทำอย่างนี้ถึงพอไปได้ ถ้าไม่อย่างนั้นน่ะ จะเอาแต่ตัวเอาแต่ตน มีแต่บอกคนอื่นสอนคนอื่น มีแต่ก่อมีแต่สร้าง ท่านทำอย่างนี้ไม่กี่เดือนไม่กี่ปีท่านต้องมีปัญหา ท่านต้องฟุ้งซ่าน ท่านต้องเป็นทุกข์ ต้องเข้าใจว่าเราทุกคนต้องพากันประพฤติพากันปฏิบัติเอาหลักของพระพุทธเจ้า ในสมัยครั้งพุทธกาล ผู้ที่ดูแลการก่อสร้างผู้ที่ทำการสงฆ์ต่างๆ ล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ขีณาสพ ที่สร้างกุฏิเสนาสนะหรือทำอะไรต่างๆ ที่บอกสอนคนอื่นล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ขีณาสพ สมัยทุกวันนี้ให้จับหลักเหมือนปริญญาเอกสอนปริญญาโท ปริญญาโทสอนปริญญาตรี ปริญญาตรีสอนมัธยมเป็นต้น ถึงจะสมดุล เราจะไปเอาเหมือนภิกษุใบลานเปล่าน่ะไม่ได้ที่สอนลูกศิษย์ลูกหาเป็นพระอรหันต์หลายพันหลายหมื่นองค์ แต่ตัวท่านยังเป็นปุถุชน ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเมื่อไหร่ พระพุทธองค์ก็ทรงเตือนสติด้วยการตรัสเรียกว่าใบลานเปล่า เพราะมีความรู้ความเข้าใจแต่ไม่ได้เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ แก้ไขแต่ภายนอก จนท่านได้สติมีความละอายต่อบาปมีความเกรงกลัวต่อบาป อยู่ในโอวาทของสามเณรน้อยอรหันต์อายุ 7 ขวบ คนเราเมื่อยกเลิกตัวตนถึงจะเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เรามีตัวมีตนทุกคนมันเครียดนะ ตัวตนนี่แหละมันทำให้เรามึนตึ๊บ มืดไม่มีแสงสว่าง ปกติเราก็เป็นผู้บอดมาตั้งแต่กำเนิดอยู่แล้ว ตัวตนคือความบอดความมืดนะ ความมีตัวตนนั้นเปรียบเสมือนกับคนป่วย ถ้าใครเอาตัวตนเป็นที่ตั้งนี้เรียกว่าป่วยติดเตียงเลยล่ะ ป่วยในระดับเข้าห้อง ICU นอนพะงาบๆ ให้ออกซิเจน ต้องเข้าสู่ภาคบำบัดแล้วไม่ใช่ภาคปฏิบัติ ต้องให้ออกซิเจนให้สายอะไรพะรุงพะรังไปหมดเพื่อช่วยเหลือ ภาคบำบัดก็ได้แก่ความวิเวก ความวิเวกทางกายทางวาจาทางกิริยามารยาทความวิเวกทางจิตใจ เพื่อเข้าสู่ภาคบำบัด ไม่ใช่ภาคปฏิบัติต้องเป็นภาคบำบัดแล้ว เพราะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ยังเหลือแต่จะหมดลมหายใจ
พระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่เป็นสิ่งที่จะบำบัด เราต้องรู้คุณค่ารู้สิ่งที่สำคัญนะ พระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่เป็นสิ่งที่สำหรับผู้ที่ไม่ป่วยได้ปฏิบัติ สำหรับผู้ป่วยเรียกว่าบำบัด เราต้องเข้าใจอย่างนี้ เราจะได้มองเห็นความสำคัญในพระธรรมในพระวินัย เราจะได้รู้ทุกข์รู้เหตุเกิดทุกข์รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ พระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ถือเป็นสิ่งที่มายกเลิกความเจ็บความป่วยความเจ็บไข้ไม่สบายในทางจิตทางใจ เราต้องบำบัดด้วยพระธรรมด้วยพระวินัย มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ พากันเห็นภัยในวัฏสงสาร ใจเราต้องเห็นภัยในวัฏสงสาร ต้องละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป รถยนต์ก็ยังมีเบรคมีคันเร่งมีเกียร์ว่าง ให้เข้าใจน่ะ พระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่เป็นเบรค ให้เรารู้จักคุณค่าของพระธรรมพระวินัย ที่เป็นเบรกเป็นคอนโทรลให้เราเข้าสู่ทางสายกลาง เพื่อยกเลิกตัวยกเลิกตน ให้ทุกคนรู้จักคุณค่าของศีลของพระวินัย เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งก็จะยกเลิกมรรคผลพระนิพพานหมด เรียกว่ามาบวชมาโกนผมห่มผ้ากาสาวพัสตร์อันเป็นธงชัยแห่งพระอรหันต์ แต่ก็เป็นการบวชแต่เพียงกาย แต่ใจไม่ได้บวชเพราะไม่ละอายต่อบาปให้เกรงกลัวต่อบาป ไม่ยกเลิกตัวตน กลับไปยกเลิกพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ที่พระพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติไว้ ถึงจะบวชอยู่ก็ถือว่าเป็นผู้ที่ลาสิกขานะ ผู้ที่เอาตัวตนเป็นที่ตั้งไม่เห็นคุณค่าในพระธรรมในพระวินัย ไม่ละอายต่อบาปไม่เกรงกลัวต่อบาป เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เรียกว่าเป็นผู้ที่ลาสิกขา ตัวตนนั่นแหละมันไม่ละอายต่อบาปไม่เกรงกลัวต่อบาป มาบวชอยู่ที่วัด หัวใจมันไปกินก๋วยเตี๋ยวไปเที่ยวอยู่ในตลาด ตัวตนน่ะใจมันไปมีลูกไปมีเมียไปมีครอบครัว ตัวตนนี่นะ ถึงจะบวชก็บวชแต่กาย แต่ใจไม่ได้บวช ใจมันไปมีผัวมีเมียทั้งวันทั้งคืน ตัวตนมันทำให้ใจลาสิกขาไปมีลูกมีเมีย พระพุทธเจ้าถึงบอกว่าให้เราเห็นภัยในวัฏสงสารนะ มีความละอายต่อบาปมีความเกรงกลัวต่อบาป เราอย่าพากันไปตรึกไปนึกไปคิดในกามในพยาบาท ถ้าไม่อย่างนั้น เราจะเป็นผู้ที่มีผัวมีเมียทั้งวันทั้งคืนนะ เพราะตัวตนนั้นคือผู้ที่มีครอบครัวมีผัวมีเมียทั้งวันทั้งคืน ให้เข้าใจในเรื่องจิตเรื่องใจ ใจที่มีตัวมีตนเรียกว่าใจที่ลาสิกขา มีผัวมีเมียทั้งวันทั้งคืนเลย เรามาบวชมาเป็นภิกษุ ภิกษุแปลความหมายได้ 2 อย่าง คือผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร เสียสละตัวตนยกเลิกตัวตน เอาพระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ เพื่อมายกเลิกตัวตน ไม่มีอะไร ไม่สะสมอะไร มีความเป็นอยู่เทียบเท่ากับคนขอทาน รู้ไหมว่าพระพุทธเจ้าคือผู้ที่รับใช้หมู่มวลมนุษย์เทวดาและสัตว์โลกทั้งหลาย เพราะท่านไม่มีตัวไม่มีตน เห็นไหมว่าพระองค์บรรทมเพียงวันละ 4 ชั่วโมง ทำงานรับใช้หมู่มวลมนุษย์เทวดาและสรรพสัตว์ทั้งหลายวันละ 20 ชั่วโมง เราอย่าไปหลงอย่าไปก๋าอย่าไปกร่าง เพราะเราเป็นนักบวชก็ต้องยกเลิกตัวตน เพื่อมาเป็นคนรับใช้บุคคลอื่น เราอย่าไปมีตัวมีตน เราต้องมาเอาธรรมนำชีวิต มาเป็นผู้รับใช้ อย่ามีตัวมีตนกันเลย ถ้ามีตัวมีตนมันเป็นทุกข์ มีแต่ทุกข์เกิดขึ้นมีแต่ทุกข์ตั้งอยู่มีแต่ทุกข์ดับไป ต้องเข้าใจอย่างนี้ ถ้าเราไม่เข้าใจอย่างนี้เรามีความคิดเห็นผิดเข้าใจผิดปฏิบัติผิดนะ เราต้องยกเลิกตัวตน มาเป็นผู้รับใช้ทุกๆคนนะ บางคนไม่เข้าใจคิดว่าการมารักษาศีลการไม่ได้ทำอะไรตามใจมันลิดรอนสิทธิของเรา คำว่าเรานั่นแหละคือตัวคือตน เรานั่นแหละมีแต่ทุกข์เกิดขึ้นมีแต่ทุกข์ตั้งอยู่มีแต่ทุกข์ดับไปนะ ท่านให้พวกเราพากันเข้าใจอย่างนี้ แต่ก่อนเราไม่เข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็เข้าใจใหม่ ทุกคนอย่าได้ทำอะไรตามใจตามอัธยาศัยตามอารมณ์ตามเจ้าอารมณ์ เราอย่าไปโง่เหมือนเจ้าอาวาสหรือนักปกครองที่เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เลยไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสเป็นได้แต่เพียงเจ้าอาละวาดเจ้าอารมณ์ อยู่ด้วยกันในวัดถ้าเราเป็นคนเจ้าอารมณ์มันก็ทุกข์อยู่แล้ว อยู่ด้วยกันสองคนมันจะเป็นทุกข์ขนาดไหน ถ้าเรายกเลิกตัวยกเลิกตน เราถึงจะไม่ได้เป็นเจ้าอาละวาดเจ้าอารมณ์นะ เจ้าอาวาสทั้งหลายต้องเน้นมาที่ตัวเรา ถึงสมควรที่จะเป็นเจ้าอาวาสเป็นประธานสงฆ์ เป็นนักปกครองที่ถูกต้อง จึงต้องมายกเลิกตัวตน ข้าราชการที่ถูกต้องนักการเมืองที่ถูกต้อง ต้องมายกเลิกตัวตน เราทุกคนจะได้กลับมามีสติสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อม เอาตัวตนมันไม่มีสติไม่มีสัมปชัญญะนะ มันมีแต่ความฟุ้งซ่าน ทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ทำให้ผู้อื่นเป็นทุกข์ เราทุกคนอย่าไปมีความเห็นผิดเข้าใจผิดว่าเราไม่มีบารมี เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันจะมีบารมีได้อย่างไร เพราะเราไม่รู้จักความหมายของบารมีที่แท้จริง นึกว่าได้ของเยอะคนเคารพนับถือมีอำนาจวาสนาอย่างนี้นึกว่าเป็นบารมี อันนั้นไม่ใช่บารมีนะนั่นคือการทำลายบารมี บารมีคือการมายกเลิกตัวตน ที่เป็นบารมี 10 ทัศ 20 ทัศ 30 ทัศ ทำไมเราต้องอยู่คนเดียว มันก็ต้องอยู่คนเดียวเพราะว่าไม่มีบารมี ตัวเองก็ระเบิดตัวเอง จนไม่มีใครมาอยู่ด้วยเพราะเป็นบุคคลอันตราย เพราะตัวตนไม่ใช่ปัญญาธิคุณบริสุทธิคุณกรุณาธิคุณนะ ตัวตนนั้นมันมีแต่จะเอามีแต่จะเป็น ทำอย่างนี้จะมีบารมีได้อย่างไร ไปบอกไปสอนเขาก็ได้แต่จำมาจากพระพุทธเจ้าจำมาจากการเรียนการศึกษาตามมาตามครูบาอาจารย์ แต่ไม่ได้เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มันก็เลยไม่มีบารมี เราทุกคนต้องคิดดูดีๆนะ ถ้าเราเป็นผู้ปฏิบัติดีเป็นผู้ปฏิบัติชอบ ใครๆ ก็อยากให้ลูกให้หลานมาบวชด้วย อยากมาทำบุญตักบาตร เราต้องเข้าใจง่ายๆ อย่างนี้ อย่างเช่นโรงเรียนดีๆ อยู่ที่ประเทศอเมริกาจะอยู่ที่ประเทศอังกฤษ คนประเทศไทยเขาก็ส่งลูกเขาไปเรียนที่อเมริกาที่อังกฤษ อย่างนี้เป็นต้น เมื่อเรามีตัวมีตน ไม่เสียสละตัวไม่เสียสละตน ใครเขาจะเอาลูกเอาหลานเอาเหลนมาบวชกับเรา เพราะเราก็รู้น่ารู้ตากันอยู่แล้ว เพราะการบวชการปฏิบัตินั้นดีนั้นถูกต้อง แต่สถานที่จะมาบวชมาปฏิบัตินั้นหายาก เพราะไม่สัปปายะ บุคคลไม่สัปปายะธรรมะไม่สัปปายะ ให้พากันเข้าใจบารมีนะ อย่าไปคิดว่าความรุ่นใหม่สมัยใหม่ไม่มีใครอยากบวช ไม่จริงหรอก ถ้าเราเอาธรรมนำชีวิตเอากฎหมายบ้านเมืองนำชีวิตเอาความถูกต้องนำชีวิต คนรุ่นใหม่สมัยใหม่นี่แหละจะพากันอยากบวช เพราะโครงการของประเทศไทยเรานั้นก็ดีก็ถูกต้องอยู่แล้ว เอาธรรมนำชีวิต เอาทศพิธราชธรรมนำชีวิต ก็ล้วนแต่อยากประพฤติอย่างปฏิบัติอยากบวชอยู่แล้ว เพราะการบวชนั้นถูกต้อง ถึงจะบวช 7 วัน 15 วัน 1 เดือน 2 เดือน 3 เดือน 4 เดือน นั้นก็ดี เพื่อเขาจะได้อบรมอินทรีย์อย่างติดต่อต่อเนื่อง รู้ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เมื่อเขาลาสิกขาลาเพศไปแล้ว เขาก็ไปพัฒนาจิตพัฒนาใจความเป็นพระในเพศฆราวาส เพราะความเป็นพระนั้นเป็นได้กับทุกๆ คนที่เอาธรรมนำชีวิตเอากฎหมายบ้านเมืองนำชีวิตยกเลิกตัวตน ก็ดับทุกข์ได้แก้ปัญหาได้ เป็นมนุษย์สมัยใหม่เป็นมนุษย์ที่ทันสมัย พัฒนากายวาจาใจกิริยามารยาท ที่เอาธรรมนำชีวิตเอากฎหมายบ้านเมืองนำชีวิต จึงมีความสุขมีความดับทุกข์อย่างนี้นะ เพราะการประพฤติการปฏิบัติจะสอดแทรกกับชีวิตประจำวันที่เป็นอริยมรรคมีองค์ 8 เพราะการปฏิบัติธรรมกับการทำงานคืออันเดียวกัน การดำเนินชีวิตของเราต้องเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญาในปัจจุบันไปอย่างนี้
หมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายปกติธรรมดาเมื่อมายกเลิกตัวตนก็มีศีล 5 กันหมด เพราะตัวตนมันทำให้รักษาศีล 5 ไม่ได้ เพราะตัวตนทำให้รักษากฎหมายบ้านเมืองไม่ได้ ผู้ที่มาบวชเป็นพระเป็นนักบวช ถ้าเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ศีล 5 ก็รักษาไม่ได้หรอก เพราะมันผิดตั้งแต่เจตนาตั้งแต่ความตั้งใจ เพราะไม่ได้เป็นผู้เห็นภัยในวัฏสงสารอะไรเลย เป็นผู้ที่มาบวชเพื่ออาศัยพระศาสนาหาอยู่หาฉันหานอนหาเลี้ยงชีพ มันผิดเจตนา เรามีหูมีตาก็พากันมองดู นักบวชในประเทศไทยเรา 99.9% ไม่ได้พากันมาบวชเพื่อเอามรรคผลพระนิพพานกัน นี่เป็นพื้นฐานในปัจจุบันนี้นะ ที่เป็นขาลง
ปีนี้เป็นปีพุทธศักราช 2561 ได้มีการจัดงานจัดประพฤติปฏิบัติธรรมเพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ที่ทรงออกผนวช เพื่อปรับปรุงพัฒนาพระศาสนาของประเทศไทยเพื่อเอาธรรมนำชีวิต เพื่อเอาทศพิธราชธรรมนำชีวิต ท่านได้ทรงผนวชเป็นเวลาถึง 27 พรรษา เพราะความเสื่อมนั้นอยู่ที่เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะ เราทุกคนต้องมีจิตใต้สำนึกนะว่าเราได้เกิดมาเป็นมนุษย์เป็นผู้ที่ประเสริฐ เราต้องเอาธรรมนำชีวิต ไม่ใช้เอาตัวตนนำชีวิต เอาตัวตนนำชีวิตเรียกว่าทุจริตมันไม่ถูกต้อง ประเทศไทยปีนี้ พ.ศ.นี้ การโกงกินคอรัปชั่นอยู่ในระดับ 60-70% ทั้งนักบวชก็โกงกินคอร์รัปชั่น ถ้าราชการก็โกงกินคอรัปชั่น นักการเมืองก็โกงกินคอร์รัปชั่น เราต้องมาระลึกถึงความถูกต้อง เพื่อจะได้เอาธรรมนำชีวิตเอากฎหมายบ้านเมืองนำชีวิต เราต้องพากันมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ เพื่อโฟกัสมาหาพวกเราทุกๆ คนนี่แหละ
เมื่อวันที่ 16-17 มิถุนายนที่ผ่านมานี้ ท่านเจ้าคณะภาค 6-7 ไปประชุมพระสังฆาธิการในเขตภาคเหนือที่วัดแพร่ธรรมาราม อยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร ท่านเป็นคนประเทศเนปาล มาอยู่กับสมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณสังวร ตั้งแต่เป็นสามเณร ท่านพูดภาษาไทยใช้ภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่ว ใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว รวมถึงภาษาบาลีที่เป็นภาษาต้นฉบับสามารถชี้แนะผู้ที่เรียนบาลีได้ถึงการออกเสียงให้ถูกต้อง การประชุมที่ผ่านมานั้นถือว่าดีมากถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา คือได้เน้นความรู้คู่การประพฤติการปฏิบัติ เน้นที่เจ้าอาวาสประธานสงฆ์ เน้นที่เจ้าคณะตำบลอำเภอจังหวัดเจ้าคณะภาค ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ไม่ทำเหมือนสมัยก่อน ประชุมสมัยก่อนก็มักจะพูดแต่เรื่องต่างศาสนาจะมาทำให้เสื่อม เรื่องนารีพิฆาต เรื่องก่อเรื่องสร้าง เรื่องยศเรื่องตำแหน่ง แต่การประชุมครั้งนี้ ได้เอาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามาพูดมาบอกมาทำความเข้าใจให้กับพระสังฆาธิการทั้งหลายที่มาเข้าร่วมประชุม อย่างนี้ถือว่าดีมากเป็นการแก้ไขที่ถูกต้อง เพราะการแก้ไขต้องมาแก้ไขที่ผู้นำ เพราะโลกนี้เสียหายไม่ใช่เพราะใคร มาจากผู้นำ เสียหายเพราะพ่อแม่ เสียหายเพราะคุณครู เสียหายเพราะนักบวช เพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ถูกต้อง การประชุมครั้งนี้ดีมาก น่าฟัง มีประโยชน์ต่อประชาชนมีประโยชน์ต่อส่วนรวม การประชุมกันทุกภาคของประเทศน่าจะเอาอย่างนี้ ถึงจะถูกต้องใช้ได้ อธิบายให้ฟังทั้งกฎหมายบ้านเมือง กฎหมายคณะสงฆ์ รวมถึงพระธรรมพระวินัย จึงเป็นทางถูกต้องเป็นทางสายกลาง เป็นการพัฒนากายวาจาใจกิริยามารยาทตลอดถึงอาชีพของทุกคน ยกเลิกตัวยกเลิกตน ทำอย่างนี้ถึงจะใช้ได้ถึงจะถูกต้อง ท่านก็พูดเรื่องว่าความเสื่อมมันก็อยู่ที่เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ถึงได้ระลึกถึงความถูกต้อง จึงได้จัดงานครบ 200 ปีเพื่อระลึกถึงพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 เพื่อที่จะได้ตระหนักถึงความเสื่อมความเจริญของพระศาสนา เอาตัวตนเป็นที่ตั้งไม่ได้ เหมือนพระนิสิตนักศึกษาของมหาวิทยาลัยนาลันทา เมื่อปีพุทธศักราช 1,700 เศษ ในประเทศอินเดีย เมื่อส่วนใหญ่เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ประจบแต่คนรวยประจบแต่ข้าราชการนักการเมืองผู้ปกครอง เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มหาวิทยาลัยนาลันทาถึงได้ถูกเผาถูกทำลาย เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง พวกเรานี่แหละจะเผาความถูกต้องออก เผาความมั่นคงของชาติศาสน์กษัตริย์นะ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเรียกว่าไม่มีความมั่นคง เราต้องจับหลักจับประเด็นให้ได้เพื่อเข้าสู่ทางสายกลาง สิ่งที่สำคัญเราต้องเข้าใจอย่างนี้ เราจะได้ไม่วิ่งตามเกิดขึ้นอวิชชาความหลงที่มันเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป เราต้องเข้าใจ ถึงจะมาทางสายกลาง เมื่อทุกอย่างมันผิดแล้วก็แล้วไป เราเอาใหม่เอาธรรมเอาปัจจุบันธรรม เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติภาคบำบัด เพื่อตั้งอกตั้งใจเหมือนอากงอาม่าเหมือนบรรพบุรุษที่เสื่อผืนหมอนใบ พาลูกตั้งเนื้อตั้งตัวพาปฏิบัติ จนร่ำจนรวย จนเป็นคนดีเป็นมหาเศรษฐี เมื่อรุ่นลูกชายเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ได้เผลอได้หลงได้ประมาท จึงทำให้อาตี๋น้อยที่เกิดมา ไม่รู้อริยสัจ 4 ไม่รู้ความจริง ตระกูลเลยต้องยากจนลงเหมือนเก่า เพราะไม่รู้ความจริงว่า จะเอาตัวตนเป็นที่ตั้งไม่ได้ ต้องเอาธรรมนำชีวิตเพื่อเป็นทางสายกลาง
หลวงปู่มั่นสอนว่า “ความไม่ยั่งยืนเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอน ความยิ่งใหญ่คือความไม่ยั่งยืน ชีวิตที่ยิ่งใหญ่คือชีวิตที่อยู่ด้วย ทาน ศีล เมตตาและกตัญญู ชีวิตที่มีความดีอาจมิใช่ความยิ่งใหญ่แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเท่านั้น”
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee