แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง พุทธะที่แท้จริง ตอนที่ ๔๑ ผู้ที่มาบวชต้องตั้งใจเต็มที่ เพราะถือว่าเป็นผู้ที่โชคดี ที่มีพระรัตนตรัยเป็นแสงสว่างนำชีวิตที่ประเสริฐ
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
คำเทศนา วันอังคารที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๗
ช่วงนี้เป็นช่วงจะเข้าเทศกาลเพื่อเตรียมตัวเข้าพรรษา เพื่อบรรพชาอุปสมบท ประเทศไทยของเรามีอยู่หลายพระศาสนา แต่ศาสนาที่เป็นหลักคือศาสนาพุทธ ตั้งแต่บรรพบุรุษที่สืบทอดกันมา ศาสนาทุกศาสนาก็มีความมุ่งหมายไปในทางเดียวกัน เพื่อเอาธรรมนำชีวิตไม่เอาตัวตนนำชีวิต เรียกว่าพระศาสนา โลกนี้มีประชากรของโลกอยู่ 8000 กว่าล้านคน มีศาสนาอยู่หลายศาสนา การปกครองโลกนี้ ต้องเอาธรรมนำชีวิต พระมหากษัตริย์ทุกประเทศทรงทศพิธราชธรรม เอาธรรมนำชีวิต ประธานาธิบดีที่เราเลือกตั้งกันมาก็เอาทศพิธราชธรรมนำชีวิตเช่นเดียวกัน การพัฒนาของเราทุกๆ คน ต้องพัฒนาเรื่องเหตุเรื่องผล ให้ไปทางวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์คือการพัฒนาเรื่องเหตุเรื่องผล เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมีได้ ต้องมาแก้ที่เราทุกๆ คน ทุกคนที่เกิดมาต้องเอาธรรมนำชีวิต ยกเลิกตัวยกเลิกตนมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ถ้าเราไม่มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ เราจะเป็นโรคจิต โรคประสาท โรคซึมเศร้า มีแต่ทุกข์เกิดขึ้นอยู่ทุกข์ตั้งอยู่ทุกข์ดับไป ทั้งทางจิตทางใจและทางกาย
การประพฤติการปฏิบัติของเรา ให้พวกเราพากันเข้าใจ วันหนึ่งการนอนการพักผ่อนต้องให้เพียงพอ อย่างผู้ใหญ่ในการทำงานก็พากันนอน 6-8 ชั่วโมง เด็กน้อยก็ 8-12 ชั่วโมง นักบวชก็พากันจำวัด 5-6 ชั่วโมง ผู้เป็นพระผู้เฒ่า หรือพระที่อาพาธก็จำวัด 6-8 ชั่วโมง เราต้องเข้าใจเรื่องเหตุเรื่องผล เพื่อเราจะได้คิดพูดจา กริยามารยาท ตลอดถึงอาชีพ ต้องมาประพฤติมาปฏิบัติที่ตัวเรา ถ้าเราติดเราหลงเราก็เข้าสู่ภาคบำบัด เราทุกคนจะตามจิตตามใจตามอัธยาศัยนั้นไม่ได้ เราต้องเข้าใจเรื่องกรรมเรื่องกฎแห่งกรรม เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมีได้ กรรมนั้นมันอยู่ที่กาย วาจา กริยามารยาท อาชีพการงาน เราทำอะไรลงไปเราจะได้รับผลอย่างนั้น พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่ได้ทรงตรัสไว้ในพระไตรปิฎก 84000 พระธรรมขันธ์ แยกเป็นปิฎก 3 ปิฎก คือพระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก รวมเป็น 84000 พระธรรมขันธ์ เป็นหลักการหลักวิชาการ เป็นสมมติบัญญัติเพื่อโฟกัส เพื่อยกเลิกความเป็นนิติบุคคลตัวตน ไม่ให้มนุษย์ทำตามอัธยาศัย ทำตามความรู้สึก จึงได้มีการบรรพชา อุปสมบท ผู้ที่มาบวชมาบรรพชาอุปสมบทคือผู้ที่ได้ยกเลิกนิติบุคคลตัวตน ผู้ที่มาบวชเขาถึงเรียกว่าพระ พระนั้นคือพระธรรมพระวินัย หาใช่นิติบุคคลไม่ ผู้ที่มาบรรพชาอุปสมบทนั้นถึงจะบวชชั่วคราวไม่ได้บวชถาวร ก็ต้องมายกเลิกนิติบุคคลตัวตน พวกที่บวชถาวรก็ยกเลิกนิติบุคคลตัวตน ในปัจจุบันนี้ผู้ที่มาบวชในพระพุทธศาสนา เอาศาสนาหาอยู่หาฉันหาเลี้ยงชีพในประเทศไทยของเรา 99.9% เป็นผู้ที่ไม่ใช่ผู้เห็นภัยในวัฏฏะสงสาร แต่เป็นผู้ที่มาบรรพชาอุปสมบทเพื่อมาหาอยู่หาฉันหาเลี้ยงชีพ เพราะว่าพระพุทธศาสนานี้เป็นศาสนาที่ดีที่สุดในโลกแล้ว เพราะว่าพระพุทธศาสนาพัฒนาใจ กายวาจา กริยามารยาท ตลอดถึงอาชีพ ยกเลิกตัวตนก็เข้าถึงความดับทุกข์ได้ตั้งแต่ยังไม่ตายในปัจจุบัน ยกเลิกนิติบุคคลที่พวกเราทั้งหลายพากันเรียกว่าความเป็นคน ความเป็นคนมันคือภพภูมิทางจิตทางใจ ถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งแล้ว ร่างกายของเราเป็นมนุษย์ แต่จิตใจของเรามีหลายภพภูมิ พวกที่มาบวชต้องพากันรู้เรื่องภาษาของร่างกายแล้วภาษาทางจิตทางใจ ที่เป็นภาษาคนภาษาธรรม ผู้ที่มาบวชต้อพากันเข้าใจ การมาบวชที่เราทุกคนนี้ได้รับการแต่งตั้งถูกต้องตามกฎหมาย ให้เราทุกคนพากันเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เข้าสู่ภาคบำบัดกัน เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง หัวใจของเราเลยมีภรรยา มีลูกมีเมีย หัวใจเราเลยไปกินไปเที่ยว ไปกินก๋วยเตี๋ยว ไปมีครอบครัว
เรามาบวชมาปฏิบัติให้เข้าใจว่า การมาบวชนี้เรามาบวชทั้งกายทั้งวาจาทั้งกริยามารยาททั้งอาชีพ อาชีพนักบวชคือยกเลิกตัวตน นักบวชคือผู้ที่อบรมบ่มอินทรีย์ อันไหนไม่ดีไม่ตรึกไม่นึกไม่คิด ไม่มีกริยามารยาทที่เป็นตัวเป็นตน ปฏิบัติตนเองตามพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ ตามเวลาที่ทางวัดที่ครูบาอาจารย์จัดไว้ตั้งไว้ เพื่อเป็นข้อวัตรข้อปฏิบัติ เช่นตื่นนอนตั้งแต่ตี 3 อย่างนี้ ก็เพื่อมาร่วมรวมกันทำวัตรที่ศาลา เวลาทำข้อวัตรกิจวัตรก็ทำตามที่ครูบาอาจารย์จัดไว้วางไว้ เราต้องหยุดทำอะไรตามอัธยาศัยตามความรู้สึก เราทุกคนต้องมาถือนิสัยของพระพุทธเจ้า คือคำว่าพุทธะ ก็หมายถึงพระพุทธเจ้านี้แหละ พระพุทธเจ้าคือพระธรรมคือพระวินัย คือยกเลิกตัวตน คือเคารพในพระธรรม พระพุทธเจ้าคือผู้ที่ยกเลิกตัวตน เอาธรรมนำชีวิต พระพุทธเจ้าถึงเป็นผู้ที่ละนิสัยที่เป็นนิติบุคคลตัวตน ละทั้งวาสนา บำเพ็ญพุทธบารมีหลายล้านชาติ มากกว่าพระอรหันต์สาวก เราทุกคนถึงต้องมาบวชมาปฏิบัติ ต้องมาถือนิสัยของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้านั้นคือ ผู้ที่ยกเลิกตัวตน ทรงบรรทมพักผ่อนวันนึงเพียง 4 ชั่วโมง เป็นผู้ที่รับใช้หมู่มวลมนุษย์ เทพเทวา อินทร์พรหม และสรรพสัตว์ทั้งหลาย พระพุทธเจ้านั้นคือผู้ที่ยกเลิกตัวตนเป็นผู้รับใช้นะ ทรงละกิเลสละนิสัยละวาสนาได้
เรามาบวชเรามาปฏิบัติ เพื่ออบรมบ่มอินทรีย์ แล้วก็มาถือนิสัยของพระพุทธเจ้า มายกเลิกตัวตน เราต้องยกเลิกความชอบความไม่ชอบ ความชอบความไม่ชอบมันเป็นทางสุดโต่ง ทางซ้ายหรือทางขวา มันไม่ใช่ทางสายกลาง มันเป็นสัญชาตญาณแห่งความเป็นนิติบุคคลตัวตน ผู้ที่มาบวชมาบรรพชาอุปสมบทในพระพุทธศาสนานี้ต้องเดินทางสายกลาง เอาธรรมนำชีวิต ที่พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้มายกเลิกทาส ยกเลิกชนชั้นวรรณะ หมายถึงมายกเลิกตัวตนนี้แหละ เราทุกคนมาติดในตัวในตน เอาตนเองเป็นที่ตั้ง เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่ได้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งนั่นแหละคือการเวียนว่ายตายเกิด เราทุกคนต้องมายกเลิกตัวตน มาถือนิสัยของพระพุทธเจ้า เราต้องเข้าใจเรื่องพระธรรมเรื่องพระวินัยเรื่องกฎหมายบ้านเมือง เพื่อเราจะได้รู้ดีรู้ชั่ว รู้ผิดรู้ถูก เพื่อเราจะได้เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เพราะสิ่งเหล่านี้มันเป็นสมมติบัญญัติ มันเป็นสมมติสัจจะ เราต้องเอาสมมติสัจจะมาประพฤติมาปฏิบัติ เราอย่าไปคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่จู้จี้จุกจิก ไม่เปิดโอกาสให้เราทำตามอัธยาศัยตามใจจตามอารมณ์ อันนี้มันลิดรอนสิทธิของความเป็นมนุษย์ของเราน่ะ ให้เราเข้าใจอันนี้คือมายกเลิกความเป็นนิติบุคคลตัวตน พระพุทธเจ้าถึงวางหลักการให้เราเข้าใจ อย่างเรามีตาหูจมูกลิ้นกายใจ ที่เป็นต้นทุนเป็นบุญเก่าหรือกรรมเก่า ให้ถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเจ้าของบ้าน โลกภายนอก รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ที่มากระทบกับอายตนะภายใน อันนั้นเป็นแขกมาเยี่ยมบ้านเรา เป็นอาคันตุกะมาเยี่ยมบ้านเรา ปกติแล้ว อาคันตุกะมาเยี่ยมแขกมาเยี่ยมแล้วเขาก็จากไป พระพุทธเจ้าถึงตรัสสอนให้นักบวชทั้งหลายมาพิจารณาสิ่งเหล่านี้ ที่มาเยี่ยมมายามเราแล้วเขาก็จากไป อันนี้เป็นข้อสอบและข้อตอบในปัจจุบันธรรม นี้มันเป็นไฟท์เป็นการปฏิบัติของเราทุกคนนะ ถ้าเราไม่ภาวนาไม่ประพฤติไม่ปฏิบัติ ไม่ยกสิ่งเหล่านี้เข้าสู่พระไตรลักษณ์ ผู้ที่มาเป็นนักบวชทั้งหลายต้องอาบัติทุกกฏจนถึงอาบัติถุลลัจจัยนะ ถ้าเราไม่ประพฤติไม่ปฏิบัติ เพราะจะทำให้เราหลงเพลิดเพลิน ตั้งอยู่ในความหลงตั้งอยู่ในความประมาท เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวงในโลกนี้ มันน่าหลงมันน่าเพลิดเพลิน มันสวยงาม มันอร่อย มันแซ่บ มันลำ มันนัว มันหรอย เราทุกคนต้องเข้าสู่รายละเอียด มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ พิจารณาสิ่งที่มากระทบทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ มาเข้าสู่พระไตรลักษณ์ เพื่อเราจะไม่ผิดศีล เพื่อเราจะไม่อาบัติทุกกฏจนถึงอาบัติถุลลัจจัย ให้เราเข้าใจ
พระพุทธเจ้าก็ทรงให้หลักการหลักวิชาการ พวกที่มาบวชทั้งหลายนี้ ผู้ที่มาบรรพชาอุปสมบททั้งหลาย พระพุทธเจ้าท่านก็ให้เราพิจารณาร่างกายเข้าสู่พระไตรลักษณ์ ร่างกายของเรานี้มีส่วนประกอบอุปกรณ์อยู่ 32 อย่าง 32 อย่าง คือ
๑. ธาตุดิน คือ อาการ ๒๐ อย่างได้แก่ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง, เนื้อ เอ็น กระดูก ไขกระดูก ม้าม, หัวใจ ตับ พังผืด ไต ปอด, ไส้ใหญ่ ไส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า (อุจจาระ) มันสมอง
๒. ธาตุน้ำ คือ อาการ ๑๒ อย่างได้แก่ ดี เสลด หนอง เลือด เหงื่อ มันข้น, น้ำตา มันเหลว น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ ปัสสาวะ
ส่วนภายในร่างกายยังมีธาตุอีก ๒ ลักษณะ (รวมเป็นอาการ ๑๐ อย่าง) คือ
๓. ธาตุไฟ คือ ไออุ่น ไฟทำให้เสื่อมโทรม ไฟแผดเผา และไฟ ที่ย่อยอาหาร
๔. ธาตุลม คือ ลมพัดขึ้นเบื้องบน ลมพัดลงเบื้องต่ำ ลมในท้อง ลมในลำไส้ ลมพัดไปตามอวัยวะน้อยใหญ่ และลมหายใจ (อาการ ๖)
พวกเราต้องเข้าใจ พากันภาวนาพากันประพฤติพากันปฏิบัติ เพื่อเราจะได้ยกเลิกความเป็นนิติบุคคลตัวตน ปฏิบัติติดต่อต่อเนื่องเพื่อความรู้แจ้ง เพื่อความชัดเจน ถ้าเราไม่ประพฤติไม่ปฏิบัติ เอาแต่ความสงบ เอาแต่ความเพลิดเพลิน พวกเราก็ต้องอาบัติทุกกฏไปจนอาบัติถุลลัจจัย เพราะเราไม่อยากพิจารณา ไม่อยากปฏิบัติไม่อยากภาวนา จะเอาแต่ความเพลิดเพลินเอาแต่ความสงบ ความสงบกับการพิจารณาพระไตรลักษณ์มันต้องไปพร้อมๆ กัน ปกติแล้วถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เอานิติบุคคลเป็นที่ตั้งความมีตัวมีตน มันก็จะทำลายระบบสมองของเราไปในตัว เราถึงต้องเอาความสงบเอาปัญญาไปพร้อมๆ กัน เพราะสมองของเราทุกคน สรีระของเราทุกคน มันคือธาตุ 4 ขันธุ์ 5 อายตนะ 12 พระพุทธเจ้าให้เราเอาความสงบกับปัญญาไปพร้อมๆ กัน สมาธิกับปัญญาไปพร้อมๆ กัน ให้พวกเราให้เข้าใจอย่างนี้ การมาบวชการมาปฏิบัตินี้ ให้พวกเราเข้าใจว่า การมาบวชการมาปฏิบัติเป็นสิ่งที่ประเสริฐ เพราะความเป็นนิติบุคคลตัวตนนี้ มันเปรียบเสมือนคนป่วย จิตใจที่มีตัวมีตนเขาเรียกว่าจิตใจมันป่วยมันอาพาธ จิตใจมันป่วยติดเตียง จิตใจมันต้องเข้าโรงพยาบาล ต้องรักษาต้องเข้าห้อง ICU ต้องเข้าสู่การศึกษา ต้องเข้าสู่ภาคเยียวยาภาคบำบัด เราทุกคนต้องพากันรู้นะ การป่วยมันมีอยู่ 2 อย่าง คือ ป่วยทางร่างกายแล้วก็ป่วยทางจิตทางใจ ตัวตนมันคือการป่วยทางจิตทางใจ ให้ทุกคนเข้าใจว่าการมีตัวมีตนมันคือการป่วย เราทุกคนต้องมารักษาการป่วยเข้าสู่ภาคปฏิบัติภาคบำบัด ประเทศไทยและในเอเชีย มีการพัฒนาล้าหลังกว่าประเทศทางยุโรป ประเทศทางยุโรปพัฒนาไปไกลกว่า เขาได้พัฒนาทางวิทยาศาสตร์ เขาได้พากันเคารพเวลา เคารพกฎหมายบ้านเมือง แต่ดูแล้วเขาพัฒนาเหตุพัฒนาผลพัฒนาวิทยาศาสตร์ มีการเคารพกฎหมายบ้านเมือง มีการเรียนการศึกษาเคารพเวลา เพื่ออวิชชาเพื่อความหลงเพื่อความเห็นแก่ตัว มันไม่ใช่ทางสายกลาง ทางสายกลางต้องพัฒนาทางเวลาและพัฒนาทางจิตใจไปพร้อมๆ กัน คนเราถึงจะรวยจะมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกความสบาย พากันพัฒนาเรื่องจิตเรื่องใจไปพร้อมๆ กัน ไม่อย่างนั้นเราก็มีความทุกข์ พวกที่พัฒนาแต่เรื่องเวลา พัฒนากฎหมาย พัฒนาวิทยาศาสตร์ ต้องพัฒนาเรื่องจิตเรื่องใจไปพร้อมๆ กัน มันถึงจะแก้ปัญหาได้ การพัฒนาการดำรงชีพมันถึงไปทางสายกลาง วัตถุก็สว่างไสวเรืองรอง จิตใจก็สว่างไสวเรืองรองไปพร้อมๆ กัน ถึงจะเป็นสิ่งที่ทันโลกทันสมัย ถึงจะมีความดับทุกข์ทุกหนทุกแห่ง ทั้งเมืองหลวง ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น อยู่ที่ไหนก็ดับทุกข์ได้ทุกหนทุกแห่ง เป็นมรรคเป็นอริยมรรค ที่เป็นความรู้คู่การประพฤติการปฏิบัติ เราจะได้ไม่เป็นเพียงนักปรัชญา ที่เป็นนิติบุคคลตัวตน บ้านเราเมืองเราถึงจะเข้าสู่ปัญญาธิคุณบริสุทธิคุณกรุณาธิคุณ ให้ทุกคนพากันเข้าใจ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันไม่มีศีลไม่มีสมาธิไม่มีปัญญานะ เพราะตัวตนนั้นมันไม่ใช่ศีลสมาธิปัญญา แต่มันเป็นนักปรัชญาเป็นเพียงนักจิตวิทยา ให้เราเข้าใจ
เราต้องเห็นคุณค่าของกฎหมายบ้านเมือง เห็นคุณค่าในการประพฤติในการปฏิบัติธรรม เพราะสิ่งเหล่านี้พวกเราต้องพากันรู้พากันเข้าใจ แล้วจะปล่อยให้ตัวเองคิดไม่ถูกต้องตรึกไม่ถูกต้อง ทำให้กายวาจากริยามารยาทตลอดถึงอาชีพไม่ถูกต้องนี้ไม่ได้ เราพากันมาบรรพชาอุปสมบท เราทุกคนต้องเอาธรรมะเป็นหลัก เอาพระพุทธเจ้าเป็นหลัก เพราะอยู่ในโลกนี้ที่มีประชากร 8000 กว่าล้านคน ส่วนใหญ่ก็ถือประชาธิปไตยที่เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ประชาธิปไตยที่เอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งกลายเป็นเผด็จการไปโดยธรรมชาติ การที่เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เรียกว่าเผด็จการนะ คือมายกเลิกความถูกต้อง เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เอาตัวตนเผด็จการ เรียกว่าเอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง ครูบาอาจารย์ถึงบอกเราทุกคนว่า เจ้าอาวาสไม่มีหรอก ถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็มีแต่ความฟุ้งซ่าน ไม่มีเจ้าอาวาสมีแต่เจ้าอารมณ์ ตัวตนมันคือเจ้าอารมณ์นะ เราต้องเข้าใจ ต้องยกเลิกตัวตน ปรับเข้าหาธรรมะปรับเข้าหาเวลา ตัวตนมันขี้เกียจขี้คร้าน แม้แต่หายใจมันก็ไม่อยากหายใจ นี้คืออาการของตัวตน ให้พวกเรารู้จักหน้าตาของอวิชชาของความหลงของตัวตนนะ ตัวตนนั้นแหละมันคือการยึดมั่นถือมั่น ไม่เสียสละทุกสิ่งทุกอย่าง
เราพากันมาบวชมาปฏิบัติแต่ไม่เข้าใจเรื่องการประพฤติเรื่องการปฏิบัติ เราต้องเข้าใจเรื่องการประพฤติเรื่องการปฏิบัติ เข้าใจยังไม่พอ ต้องมีฉันทะมีความพอใจมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ถ้าไม่มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ก็ทำให้เราทุกคนเครียด พากันเป็นโรคจิตโรคประสาทโรคซึมเศร้า ที่เรามีความกลัวในข้อวัตรข้อปฏิบัติ ยังไม่ได้นั่งสมาธิก็กลัวปวดแข้งปวดขา ยังไม่ถึงเวลาตี 2 ตี 3 ก็เป็นทุกข์แล้ว เพราะตัวตนนี้แหละเราถึงคิดอย่างนี้ เราต้องรู้จักหน้ารู้จักตาว่าความหลงมันมาได้อย่างไร มันก็มาจากที่เราเป็นนิติบุคคลตัวตนนี้แหละ พระพุทธเจ้าถึงให้เราทุกคนอย่าไปสนใจความรู้สึกนึกคิกอย่างนี้ ถ้าเราไม่มีสิ่งเหล่านี้ เราก็ไม่ได้ประพฤติไม่ได้ปฏิบัติ ถ้าเราไม่มีการเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย การพลัดพราก ไม่มีความหนาวความร้อน ไม่มีความสุขความทุกข์ เราก็ไม่มีข้อวัตรข้อปฏิบัติ เราก็ไม่ได้ยกทุกสิ่งทุกอย่างเข้าสู่พระไตรลักษณ์ ให้เราทุกคนพากันเข้าอกเข้าใจ แล้วพากันมีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ แล้วเราอย่าไปสนใจมันเลย อย่าไปกลัวมันเลย เราทุกคนต้องมีความละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เห็นภัยในวัฏฏะสงสาร ยกเลิกความตรึกความนึกคิดอย่างนี้ ความคิดอย่างนี้เราต้องเสียสละออกไป ใหม่ๆ มันก็จะยาก ต่อไปมันจะค่อยๆ ดีนะ เหมือนเด็กๆ เรียนอนุบาลมันก็ยาก พอทำไปปฏิบัติไปเหมือนเราปลูกต้นไม้ เบี้ยมันเล็กๆ เราดูแลรักษาหลายปีต้นไม้มันก็สูงใหญ่ การที่เรามีความคิดเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ปฏิบัติติดต่อต่อเนื่อง ไม่ทำตามใจตามอัธยาศัย สิ่งที่ถูกต้องมันก็จะสง่างาม เราต้องเข้าใจเรื่องจิตเรื่องใจ เรื่องกรรมเรื่องการกระทำเรื่องการประพฤติการปฏิบัติ
เราพากันมาบวช บวชถาวรหรือบวชสัญจรชั่วคราว เราต้องมาทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ เพราะชีวิตของเราทุกคนคือชีวิตที่ประเสริฐ เราต้องเอาธรรมนำชีวิต เอาเวลานำชีวิต เอากฎหมายบ้านเมืองนำชีวิต เราต้องยกเลิกนิติบุคคลตัวตน ทำเหมือนพระพุทธเจ้า เสียสละเหมือนพระพุทธเจ้า เราจะได้เข้าใจความเป็นมนุษย์ ท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านถึงประพันธ์ออกจากใจออกจากพระนิพพานว่า “เราเป็นมนุษย์เป็นได้เพราะใจสูง…” เราจะเป็นมนุษย์ได้เพราะใจของเรามีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง เป็นมนุษย์ได้เพราะใจสูง เหมือนนกยูงมีดีที่แววขน ถ้าเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เราก็เป็นได้แต่เพียงคน นั้นคือการเวียนว่ายตายเกิด เราต้องรู้จักภาษาคนคืออวิชชาคือความหลง เราต้องรู้จักภาษาธรรมคือเราต้องยกเลิกนิติบุคคลตัวตน เราทุกคนจะได้พากันสร้างความดี สร้างบารมี เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเขาเรียกว่าไม่ได้สร้างบารมี แต่มาทำลายบารมี ทำไมหมู่มวลมนุษย์ถึงไม่มีบารมี มันจะมีบารมีได้อย่างไร เพราะเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ไม่มีความสุขในการเรียนหนังสือ ไม่มีความสุขในการทำงาน ไม่มีความสุขในการ คิดที่ถูกต้อง พูดที่ถูกต้อง กริยามารยาทที่ถูกต้อง อาชีพที่ถูกต้อง มันจะมีบารมีได้อย่างไร เพราะตัวตนนั้นมันคือคนไม่มีบารมีนะ เราต้องมาเน้นที่กายวาจาใจ กริยามารยาท ตลอดถึงอาชีพ เราต้องมาเน้นที่ยกเลิกตัวตนอย่างนี้ เราถึงจะมีบารมีได้ ที่พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญบารมี 10 ทัศ 20 ทัศ 30 ทัศ เราต้องเข้าใจอย่างนี้ เข้าใจเรื่องบารมีนะ เอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งมันไม่ได้ เราทุกคนต้องมองข้ามช็อตที่มันเป็นนิติบุคคลตัวตน ที่มีความกลัว กลัวจะไม่ได้อยู่ไม่ได้ฉัน กลัวบวชมามันมีตัวมีตนมันมีแต่ความฟุ้งซ่าน ไม่ได้เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ไม่รู้จักบารมี เมื่อเรายกเลิกตัวตน มันจะมองข้ามความเป็นอยู่ทางร่างกายนะ เพราะเรายกเลิกตัวตน เหมือนพระพุทธเจ้ายกเลิกตัวตน ทุกๆ คนก็ให้ความเคารพนับถือ เพราะเรายกเลิกนิติบุคคลตัวตน เพราะการยกเลิกตัวตนเป็นบารมี เอาแต่ใจตัวเอง เอาแต่อารมณ์ตัวเอง เลยเป็นคนไม่มีบารมี ให้เข้าใจอย่างนี้ เราเข้าใจเรื่องบารมี เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันก็จะว่าแต่ตัวเอาถูกอยู่นั่นแหละ มันไม่เข้าใจเหมือนพระวินัยธรกับพระธรรมกถึก เอาตัวตนเป็นที่ตั้งมันเลยทะเลาะกัน เพราะตัวตนมันคือเรื่องทะเลาะกัน ตัวตนมันก็มีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ มีแต่เรื่องทะเลาะวิวาท มันเรื่องไร้ความสงบ มันเรื่องสงคราม สงครามครั้งที่ 1 ที่ 2 มันไปเรื่อย เราทุกคนต้องยกเลิกตัวตนเราถึงจะได้ไม่ไปทะเลาะกับใคร ตัวตนมันคือระเบิดยิ่งกว่าระเบิดอีก ให้ทุกคนเข้าใจ
ให้ทุกท่านทุกคนพากันตั้งอกตั้งใจเอาใจใส่ในการประพฤติในการปฏิบัติ การประพฤติการปฏิบัติเป็นรายรับรายจ่ายต้องให้สมดุลกันในปัจจุบันนะ ตาหูจมูกลิ้นกายใจที่เป็นเจ้าของบ้านนี้ก็คือรับ มันต้องทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ เพราะรายจ่ายคือสิ่งที่มากระทบภายนอก ตาหูจมูกลิ้นกายใจนี้มันเป็นต้นทุน รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์มากระทบกับเรา เราต้องยกทุกสิ่งทุกอย่างเข้าสู่พระไตรลักษณ์ เราถึงจะไม่เสียดุลในการดำเนินชีวิต เราจะได้ไม่เสียดุลในการค้า เพื่อความสมดุล เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเราไม่ได้เพิ่มเราไม่ได้ตัด ให้เข้าอกเข้าใจแล้วเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ถ้าเราติดเราหลงเราจะได้เข้าสู่ภาคบำบัด เราพิจารณาทุกอย่างสู่พระไตรลักษณ์ งานนี้คือเรากำลังเข้าสู่การประพฤติการปฏิบัติ เราทำอย่างนี้เราจะได้ไม่ปวดหัวไม่เวียนหัวนะ เพราะมันคงไม่มีอะไรมากมาย เพราะมันมีสิ่งภายใน 6 อย่าง สิ่งภายนอก 6 อย่างมากระทบกัน ถ้าเราเข้าใจเรื่องการประพฤติเรื่องการปฏิบัติมันก็ง่าย สามเณร 7 ขวบที่เป็นพระอรหันต์ที่ให้พระภิกษุใบลานเปล่าอยู่ในโอวาท ภิกษุใบลานเปล่าที่เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเมื่อไหร่ พระพุทธเจ้าก็ตรัสเรียกว่า ตุจฉะโปฐละ คือมีแต่ความรู้ความเข้าใจไม่ได้เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องนะ ไม่ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป ถึงยอมเป็นลูกศิษย์ของสามเณรน้อย ที่เป็นอรหันต์อายุเพียง 7 ขวบ สามเณรน้อยก็บอกว่า เรามีตาหูจมูกลิ้นกายใจ เราก็เน้นลงตรงที่เรื่องจิตเรื่องใจ เรื่องเจตนา เพราะทุกอย่างมันคิดได้ทีละอย่าง พูดได้ทีละอย่าง ทำได้ทีละอย่าง ทั้งอาชีพเราก็ทำได้ทีละอย่าง เราเน้นเรื่องจิตเรื่องใจเรื่องเจตนา ยกเลิกตัวตนอย่างนี้ อบรมบ่มอินทรีย์อย่างนี้ ให้มันติดต่อต่อเนื่องเหมือนน้ำ เป็นสายน้ำเป็นแม่น้ำเพื่อไหลสู่ทะเลมหาสมุทร
ให้เข้าใจเรื่องการประพฤติเรื่องการปฏิบัติ ให้เราพากันตั้งใจตั้งเจตนา เป็นคนที่ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เห็นภัยในวัฏฏะสงสาร พวกเราทุกคนถึงจะเป็นพระธรรมเป็นพระวินัย ยกเลิกตัวตนด้วยความตั้งใจด้วยเจตนา ละอายต่อบาปเกรงกลัวต่อบาป เห็นภัยในวัฏฏะสงสาร ชีวิตของเราถึงจะสงบอบอุ่นเย็นเป็นแอร์คอนดิชั่นในอิริยาบถทั้ง 4 ยืน เดิน นั่ง นอน ให้เราเข้าใจอย่างนี้ การประพฤติการปฏิบัติ โลกใหม่โลกสมัยใหม่ มีแสงสีมีความศิวิไลซ์ และการพัฒนาวิทยาศาสตร์ มีโทรศัพท์มือถือ มีอินเตอร์เน็ตอะไรต่างๆ สำหรับผู้ที่มาบรรพชาอุปสมบท ต้องเข้าสู่กายวิเวกจิตวิเวกอุปธิวิเวก เพื่อเราจะได้มีสติสัมปชัญญะ จะได้ตั้งหน้าตั้งตาตั้งเจตนาในการประพฤติในการปฏิบัติ
ในวัดของเราถึงไม่ให้พระภิกษุสามเณรมีโทรศัพท์มือถือ ไม่ให้มีอุปกรณ์อย่างนี้ เพื่อเราจะได้เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เพราะเราจะได้ปิดอายตนะภายนอก เน้นเรื่องจิตเรื่องใจที่เจตนา เรามาบวชมาปฏิบัติ ทั้งพระเก่าพระใหม่ ต้องตั้งใจตั้งเจตนา ทุกคนต้องหยุดความฟุ้งซ่านของตัวเอง เลิกมีโทรศัพท์มือถือ ยกเลิกความคิกที่มันฟุ้งซ่าน เพราะโทรศัพท์มือถือพวกนี้มันดีมันถูกต้อง เอาไว้แชร์ความรู้กันมันถูกต้อง แต่เรามาประพฤติมาปฏิบัติ เข้าสู่กายวิเวก วาจาวิเวก จิตวิเวก กริยามารยาทวิเวก อาชีพก็วิเวก เพราะยกเลิกตัวตน เราทุกคนจะได้เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เราทุกคนจะได้เจริญสติเจริญสัมปชัญญะติดต่อต่อเนื่องกัน ทุกท่านทุกคนต้องมีสติสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อม ต้องมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ต้องทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ เครื่องบินความแรงสูงพาวเวอร์สูงทะยานขึ้นบนฟ้า เราต้องเข้าใจอย่างนั้น ต้องพัฒนาต้องคอนโทรลตัวเอง เพื่อเข้าสู่จุดหมายหลายทาง เพราะจิตใจของเรามันรวดเร็วว่องไวมีพลังสูง อาศัยข้อวัตรกิจวัตรปฏิบัตินี้แหละ อย่าให้ตัวตนที่มันสูงมันเผาเรา ต้องมีความสุขในการหายใจให้ได้ ต้องมีความสุขในการเอาธรรมเอาวินัยให้ได้ ต้องมีความสุขในการทำงานทำการปฏิบัติธรรมให้ได้ เพราะการทำงานก็คือการปฏิบัติธรรม เราต้องเข้าใจอย่างนี้ เราทุกคนจะได้หยุดความฟุ้งซ่านของตัวเราเอา เพราะเราทุกคนต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เพราะไม่มีใครประพฤติปฏิบัติให้เราได้ พระพุทธเจ้าท่านก็เป็นเพียงผู้บอกผู้สอน ครูบาอาจารย์ของเราท่านก็เป็นเพียงผู้บอกผู้สอน ท่านก็เพียงแต่มองเราดูเราหาวิธีช่วยเหลือเราหมด เราต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เราอย่าเอาตัวเอาตน ถ้าเราเอาตัวเอาตนความคิดเห็นอย่างนั้นมันก็จะว่าในความรู้สึกว่า มันดีกว่าพระพุทธเจ้า มันดีกว่าครูบาอาจาย์ ทุกคนน่ะไม่ต้องไปก๋าไปกร่าง เพราะเราทุกคนมันตั้งอยู่ในกฎพระไตรลักษณ์ ไม่พ้นความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพรากไปได้ เราต้องเข้าใจ แล้วเข้าสู่การประพฤติการปฏิบัติ ยกเลิกตัวยกเลิกตน เราถึงจะได้เป็นนักบวช เราถึงจะได้เป็นพระ เรามาบวชเป็นพระเป็นพระธรรมเป็นรพะวินัย ยกเลิกตัวตน อยู่ที่ไหนถ้าเรายกเลิกตัวตน ที่นั่นก็จะมีแต่ความสงบความวิเวก เราต้องเข้าใจอย่างนี้ ที่เราไม่มีความสงบไม่มีความวิเวก เพราะเรามีตัวมีตน ให้เราเข้าใจ เพราะความไม่สงบความไม่วิเวกมันอยู่ที่เรามีตัวมีตนนี้แหละ ในระดับศาสนาพราหมณ์ศาสนาฮินดู พระพุทธเจ้าก็เป็นลูกหลานของพราหมณ์ฮินดูมาก่อน ศาสนาพราหมณ์ก็จะเอาแต่สมาบัติเอาแต่ความสงบ ไม่รู้ต้นเหตุของความไม่สงบมาจากไหน ความไม่สงบก็คือเราเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง มันก็ไม่สงบมันก็ไม่วิเวก มันก็ไม่อุปธิวิเวก เพราะตัวตน ให้เราเข้าใจอย่างนี้
ทุกท่านทุกคนให้เน้นมาที่ตัวของเราเอง เราทุกคนต้องพากันอบรมบ่มอินทรีย์ พากันปฏิบัติขาขึ้น เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเขาเรียกว่าปฏิบัติขาลง ต้องตั้งใจตั้งเจตนาให้ทำอะไรมาก่อนเวลา เพราะประเทศไทย คนเอเชียนี้มักไปหลังเวลา ไม่ไปก่อนเวลา มันคิดว่าการปล่อยวางคือการไม่ต้องทำอะไร การปล่อยวางคือการเสียสละละตัวละตน ต้องทำอะไรตามเวลาทำอะไรตามธรรมะ การยกเลิกตัวตนเขาเรียกว่าการปล่อยวาง การปล่อยวางไม่ใช่ไม่ทำอะไร ไม่ใช่มาหลังเวลานะ การปล่อยวางยกเลิกตัวตนก็ต้องกระตือรือร้นมีความตั้งใจมีเจตนา เพื่อจะได้เป็นการปฏิบัติขาขึ้นนะ จะได้เข้าถึงซุปเปอร์พาวเวอร์ เพราะตัวตนนี้ก็มันเป็นเรื่องติดเรื่องหลง เรียกว่ามาเป็นมนุษย์ติดหลงนะ เป็นมนุษย์ที่อัมพฤกษ์อัมพาต เป็นมนุษย์ที่เป็นคนไข้ติดเตียง การมีตัวมีตนมันเป็นอย่างนั้นแหละ เราเข้าใจแล้วเราก็จะได้เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ พระใหม่พระเก่าให้เข้าใจเรื่องการประพฤติการปฏิบัติ เราต้องพากันมาทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ เอาตัวตนเป็นที่ตั้งเขาเรียกว่าสายมู สายโมหะ เขาเรียกว่าไสยศาสตร์ ที่เราประพฤติในปัจจุบันนี้พวกสายมูสายโมหะ เอาตัวตนเป็นนที่ตั้ง เรียกว่าสายมู สายโหะ ต้องละตัวตนเป็นที่ตั้ง ต้องเอาเวลานำชีวิต เอาธรรมนำชีวิต เอากฎหมายบ้านเมืองนำชีวิต เราจะได้ยกเลิกสายมูสายโมหะ
เจ้าอาวาสทั้งหลาย ประธานสงฆ์ทั้งหลาย หรือว่าทุกๆ คน ทุกคือเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสคือต้องเอาธรรมนำชีวิต ทั้งกาย วาจา กริยามารยาท ตลอดถึงอาชีพ สิ่งที่ถูกต้องที่ยกเลิกตัวตนเขาถือว่าเป็นเจ้าอาวาสนะ เอาตัวเอาตนเป็นที่ตั้งไม่ใช่เจ้าอาวาสนะ เป็นเจ้าอารมณ์ ต้องเข้าใจอย่างนี้ เราทุกคนต้องเข้าสู่คำว่าเจ้าอาวาส มันจะได้เป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา เพื่อจะได้ยกเลิกนิติบุคคลตัวตน เราจะได้รู้จักว่าความหมายของเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสคือมีความสงบ อบอุ่น เย็น ตัวตนคือความฟุ้งซ่าน คือนิวรณ์ทั้ง 5 ตัวตนนี้นะ ต้องเข้าใจ เราไม่ต้องไปมองเจ้าอาวาสวัดนู้นวัดนี้ ตัวเรานี้แหละคือเจ้าอาวาส เรายกเลิกตัวยกเลิกตนมีความสงบอบอุ่น ทุกคนจะได้เป็นเจ้าอาวาสเรียกว่ามีข้อวัตรข้อปฏิบัติ มีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ ถือนิสัยของพระพุทธเจ้าไม่ได้ถือนิสัยของตัวเอง เราทุกคนจะได้มีบ้าน มีที่อยู่อาศัย มีมรรคมีผล มีพระนิพพานในการดำเนินชีวิตของเราที่ประเสริฐที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เราต้องเข้าใจ
พระผู้ที่มาบวชในพรรษานี้ต้องตั้งใจเต็มที่นะ เพราะเราทุกคนถือว่าเป็นผู้ที่โชคดีที่มีพระพุทธเจ้า มีพระธรรม มีพระอริยะสงฆ์ ที่ดำเนินชีวิตที่ประเสริฐในตัวเรานี้แหละ ให้พากันตั้งอกตั้งใจ
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee