แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
หลังจากทำวัตรจบ เราก็ปรารภธรรมสู่กันฟัง เพื่อให้เป็นส่วนประกอบกับการศึกษาปฏิบัติ โดยเฉพาะที่นี่ ที่เป็นหลักของพวกเราคือ “ปฏิบัติธรรม” เป็นงานหลักของพวกเรา จะเรียกว่าเป็น “นักปฏิบัติ” ก็ได้ ถ้ามาที่นี่ก็มีอย่างเดียวเท่านี้คือปฏิบัติ การปฏิบัติธรรมนี่ก็คือ การมาทำความดี ขณะที่ทำความดี มันก็ละความชั่ว แล้วสิ่งที่เราทำนี้ มันก็ทำได้จริงๆ ไม่มีอะไรขวางกั้นเราได้
การทำความดี การละความชั่ว ก็ไม่มีอะไรมาขวางกั้นเราได้ แม้ฝนจะออก ฟ้าจะตก ฟ้าจะโล่ง แดดจะออก จะเป็นจะตายอย่างไรก็ตาม การละความชั่ว การทำความดี เป็นสิทธิของเราที่โดยตรง ไม่มีสิ่งไหนมาขวางกั้น มาหักมาห้ามเราได้ นี่ก็คือชีวิตของเราตามความเป็นจริง แล้วถ้าการทำความดี การละความชั่ว ไม่จบไม่สิ้น มีอะไรที่ต้องทำความดีตลอดไป งานที่เราจะต้องทำความดีนี่เยอะแยะไปหมดเลย ทำความดีกับตัวเอง ทำความดีกับคนอื่น สิ่งอื่น วัตถุอื่น ทำความดีกับต้นไม้ ทำความดีกับน้ำ ทำความดีกับดิน ทำความดีกับอากาศ กับมดแมลงอะไรก็ได้
การทำความดีเนี่ย กว้างใหญ่ไพศาล แต่มันไม่พอถ้าเราทำคนเดียว ต้องไปบอกคนอื่น ให้เขาทำความดี ให้เขาละความชั่ว ให้มีเกิดขึ้นในโลกมากๆ อย่างที่พวกเราอยู่นี่ ก็ทำความดี เช่น การปลูกป่า การปลูกป่า เราก็ปลู๊ก..อยู่นั่นแหละ เราก็ได้เล็ก ๆ นอยน้อย เพราะคนไม่มี ผู้ร่วมทำความดีมีน้อย ผู้ที่ทำความชั่วมีมาก จนคิดว่า เอ้อ...เรารักษาป่าเนี่ย คงจะเหลือต้นสุดท้าย เรารักษาสัตว์ ก็เหลือตัวสุดท้าย ในปี 2533 ถ้าหายังมีหมู ยังมีเก้งอยู่เนี่ย คงหมดไปแล้ว แต่ถ้าเรามาร่วมกันช่วยกัน คงจะไม่เหลือต้นสุดท้าย ให้เราเห็น คงจะหลายอีกหลายปีต่อไป
อย่างปีที่ผ่านมา ก็มีคุณกวี ได้มาปลูกป่า ช่วยพวกเรา ช่วยพวกเรา หลาย หลายไร่ ทั้งแรงกาย แรงทรัพย์ แรงสติปัญญา คิดอ่านช่วยกัน ก็เกิดเป็นป่า เกิดเป็นต้นไม้ขึ้นมา นี่ก็คือคนที่มาร่วมกันทำความดี การมาสร้างวัดสร้างวา สร้างโน้นสร้างนี้ พอได้มีที่อยู่อาศัย ก็เกิดความสะดวก แต่เราทำความดีเรื่องนี้ไม่สำเร็จ เราก็มีมือ 5 นิ้ว 10 นิ้ว ก็มีไม่มาก ช่วง 3 ปี 4 ปีมานี้ ก็มีเพื่อนกัลยาณมิตรร่วมกันช่วยกัน มีญาติมีโยม มีผู้มีคนมาร่วมกันทำความดี เป็นเรื่องที่ทำได้เด็ดขาดจริงๆ
การทำความดี เยอะแยะไปหมดเลย แม้ทำอะไรไม่ได้ ก็ทำในใจ วันนี้หลวงพ่อก็ไปนั่งเทศน์ให้พ่อใหญ่หนูฟัง คนป่วย พ่อหนู...มีโอกาสทำความดีเยอะแยะ นอนตื่นขึ้นมาเที่ยงคืนดึกดื่น เที่ยงคืนก็อย่าไปคิดถึงอดีต อย่าไปคิดถึงอนาคต ให้อยู่กับเนื้อกับตัว ถ้าคิดก็คิดแผ่เมตตา...กว้างใหญ่ไพศาล... ทำใจเย็นๆ ทำใจดี..ดี๊... เป็นพระโพธิสัตว์ นอนอยู่กับเสื่อกับหมอนนี่ เป็นโพธิสัตว์ด้วยจิตวิญญาณ นี่มันก็เป็นไปได้ ถ้าอยู่ไม่เป็น มันก็อาจจะเป็นอะไรไปก็ได้ การทำความดี นอนอยู่กับเสื่อกับหมอนก็ทำได้ คิดสิ่งใดประกอบด้วยเมตตา ทำสิ่งใดประกอบด้วยเมตตา พูดสิ่งใดประกอบด้วยเมตตา อย่าให้ขาดให้แคลน การทำความดี เยอะแยะไปหมดเลย...ตลาดทำความดี
แล้วก็ยังมีที่เราจะต้องทำกัน ต่อหน้าต่อตาก็คือสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ได้ คือมาสอนผู้สอนคน สอนคนที่มีกายมีใจนี่แหละ ตรงนี้เป็นจุด เป็นจุดที่จะต้องสร้างให้เกิดให้มีขึ้นให้ได้ เพียรกันตรงนี้พวกเรา ต้องมีความเพียรกันตรงนี้ให้มากๆ เพียรกันตรงนี้ให้มากๆ จนพระพุทธเจ้าตรัสว่า การทำบุญกับกา ให้อาหารกา ก็มีบุญน้อยๆ ถ้ามาให้อาหารคน ให้อาหารมนุษย์ ให้อาหารปุถุชน ให้อาหารกัลยาณชน ให้อาหารพระสงฆ์ ให้อาหารพระพุทธเจ้า มันก็ต่างกันไป การทำบุญกับพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจะได้มีชีวิตไปช่วยคน มันอาจจะดีกว่าการไปทำความดีกับคนพาล มันก็มีชีวิตเพื่อปล้นเพื่อจี้คนอื่น
ทำความดีกับต้นไม้ ต้นไม้ก็ยังให้ประโยชน์ ฟอกอากาศเป็นปอดของโลก
ทำความดีกับดินกับน้ำ ก็จะเกิดเห็ดเกิดพืช อาหาร เป็นแหล่งอาหาร ทำความดีกับน้ำ น้ำก็จะไม่เกิดโรคภัยไข้เจ็บ ดื่มได้ อาบได้
ทำความดีกับอากาศ คนก็จะได้หายใจเอาอากาศบริสุทธิ์ อะไรๆ แล้วมันก็คือคนนี่แหละ ก็คนนี่มันปฏิเสธสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ ต้องอยู่กับดิน กับน้ำ กับอากาศ อยู่กับอาหารการกิน ถ้าหากว่าคนเรานี้ เป็นคนที่ทำความชั่วได้เด็ดขาดทำความดีได้เด็ดขาด มันจะเกิดความดีขึ้นไปอีก เรียกว่าสร้างกัลยาณมิตรขึ้นมา ให้มากๆ
กัลยาณมิตรทุกวันนี้ไม่ค่อยมาก ยังมีการรีๆ ขวางๆ กันอยู่ โดยเฉพาะพวกเราโดยตรง คือพวกที่เป็นนักบวช อยู่วัดวาอาราม โดยตรง สิกขาและธรรมเป็นเครื่องเลี้ยงชีวิตของเรา แล้วการศึกษาและธรรมเป็นเครื่องเลี้ยงชีวิตก็ทำได้จริงๆ สิกขาก็คือ “ศีล สมาธิ ปัญญา” เราเลี้ยงชีวิตด้วยสิ่งเหล่านี้จริงๆ เราก็หาชีวิตอันอื่นก็บิณฑบาต เราก็ทำได้ เราก็ทำได้ ยังพออยู่ได้ อย่างวันนี้ก็มีคนที่มีศรัทธา เอาของมาให้เป็นรถ โอ้โหเนี่ย เราบอกว่านี่ อาหารที่โยมนำมานี้เป็นวัตถุสิ่งของ แปรสภาพเป็นบุญ แปรสภาพไปเป็นเลือดเป็นเนื้อ แปรสภาพไปเป็นกำลังวังชา แปรสภาพไปเป็นสติปัญญา แปรสภาพไปเป็นพุทธศาสนา แปรสภาพไปเป็นมรรคเป็นผล ที่สุดเลย นี่ก็ยังมีไม่ขาดไม่แคลน ถ้าจะว่าแล้วไม่ลำบากเหมือนสมัยครั้งพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าของเราไปบิณฑบาตโรงเลี้ยงม้า ข้าวต้มปนกาก ก็เคี้ยวไปทั้งกากทั้งอะไร ลำบากกว่าพวกเรา พวกเราก็มีความสะดวกในการทำความดี อย่าไปคิดว่าอะไรมาขวางกั้นเรา แม้เจ็บไข้ได้ป่วยอะไรก็ตาม การทำความดีนี่ อู๊ย...เป็นสิ่งที่กระตือรือร้น ยิ้มได้เลย
เจริญสติ ทำอะไรก็รู้ได้ในกายของเราในใจของเรา เอามาเป็นเครื่องมือพลิกความรู้สึกตัว ความรู้สึกตัวเนี่ยแหละ เป็นยอดที่เกิดของความดีทั้งหลาย แล้วก็ไม่มาก ไม่เหลือวิสัยที่เราจะทำได้จริงๆ จะเป็นคนหนุ่มคนแก่ อะไรก็ทำได้ เป็นนักบวช เป็นฆราวาสญาติโยม เพศวัย ลัทธิใด ไม่เกี่ยว มาเจริญสตินี่ เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ พอรู้มันก็ไม่หลง พอหลงก็รู้ ความหลงก็หมดไปจริงๆ นี่แหละคือปฏิบัติได้ ให้ผลได้ แล้วไม่ต้องไปทำอะไร อยู่กับเราแน่นอน การละความชั่ว การทำความดี ให้มั่นใจอย่างนี้ ที่เรามีชีวิตเนี่ย ถ้าเรามีชีวิตไม่มั่นใจตรงนี้แล้ว โอ๊ย..ไม่คุ้มแล้ว ไม่คุ้มแล้ว อย่างน้อยเราก็ต้องมั่นใจ ความชั่วจะเกิดขึ้น ละได้เด็ดขาด ละได้จริงๆ ทำอะไรไม่ได้ ก็ละทางใจ พูดไม่ได้ขณะนั้นก็ทำใจ ทำไม่ได้ขณะนั้น ก็ทำใจ
การทำความดีเนี้ย ไม่จนกรอบก็ว่าได้ โดยเฉพาะพวกเราโดยตรงเนี่ย เจริญสติ มีความรู้สึกตัว ความรู้สึกตัวก็วิวัฒน์พัฒนาไป วิวัฒน์พัฒนาไป มันไม่ใช่ความรู้สึกตัวธรรมดา ที่สุดก็คือความรู้สึกตัวเป็นมรรคเป็นผล นี่เรามาจับการจับงานตรงนี้กัน จับการกับงานตรงนี้กัน ถ้าพอที่จะช่วยคนอื่น เราก็ช่วยกันไป อย่างพระนวกะ บวชใหม่ๆ ไม่ได้ถึงเดือนถึงอะไร ไปช่วยอบรมสั่งสอนเยาวชน นักศึกษา คนหนุ่มคนสาว โอ้ว..เนี่ยมันก็ทำได้ มันก็ทำได้จริงๆ อย่าไปรอว่าโอ้ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้วฉันจะไปช่วยคน ไม่ใช่ เห็นไหม พระอานนท์ ไม่ได้บรรลุพระอรหันต์เลย ช่วยคน เยอะแยะมากมายก่ายกอง เป็นพุทธอุปัฏฐากยอดเยี่ยม เป็นที่ปรึกษาของคณะสงฆ์ ต้องถามอานนท์ พระพุทธเจ้าเทศน์เรื่องนั่นที่ไหน เทศน์เรื่องอะไร ต้องไปถามพระอานนท์ เป็นสูตร เป็นสูตรๆ ไม่ได้บรรลุธรรมเลยพระอานนท์ ไม่ได้เป็นพระอรหันต์ พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว จึงมาทำความเพียรได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ เพราะทำสังคายนาครั้งที่ 1
สังคายนาครั้งที่ 1 พระพุทธเจ้า ปรินิพพานไปได้ กี่วันน่ะ กี่เดือนนะ จำไม่ได้เนาะ อือ ประมาณ 3 เดือนหรือ 7 เดือนนี่แหละ ปรินิพพานไปได้ 7 วัน มีคนกล่าวตู่ พวกสุภัททปริพาชกทั้งหลาย ผู้ไม่มียางอาย ก็ก่อนทำสังคายนานี่ พระอานนท์ยังเป็นปุถุชน พระมหากัสสปะเป็นประธาน แต่ว่าต้องเลือกที่เป็นพระอรหันต์ทั้งนั้น เป็นพระขีณาสพ พระอานนท์ยังไม่เป็นพระขีณาสพ ขาดไม่ได้ เพราะเป็นพหูสูต ก็ต้องให้อานนท์ปฏิบัติธรรม รออานนท์ให้ปฏิบัติธรรม อานนท์ก็ลงมือปฏิบัติธรรม ปฏิบัติธรรม ลงมือปฏิบัติธรรม ก็มั่นใจ อานนท์ก็มั่นใจการทำความดี ได้เรียนได้รู้ได้จำ เป็นพหูสูต มาเอามาปฏิบัติ ช่วยตัวเอง ช่วยตัวเอง 1 วัน 1 คืน พระสงฆ์ทั้งหลาย เป็นไงอานนท์ เดี๋ยวใกล้จะได้บรรลุธรรมแล้ว เดี๋ยวๆๆ รออีก รออีกสักหน่อย รออีกสักหน่อย คือมั่นใจ การสร้างสติ รู้ไป รู้ไป รู้ไปๆ ก็รู้ไป รู้ไป ก็เกิดศีล เกิดสมาธิ ปัญญา ศีลก็กำจัดกิเลส สมาธิก็กำจัดกิเลส ปัญญาก็กำจัดกิเลส หมดไปแห้งไป น้อยไปอ่อนไป เห็นกระแส เห็นกระแส ไม่หลับไม่นอนเลย พอมันเห็นกระแส มั่นใจมั่นใจ จนถึงแสงเงินแสงทองขึ้น ก็เลย เอ้อ! มันจะสว่างแล้ว ขอเอนสักหน่อย ก็ลุกขึ้นเอาอีก ไม่ใช่แพ้ การวางความเพียรเพื่อนอน ไม่ใช่เช่นนั้น หัวยังไม่ถึงหมอนได้บรรลุธรรมเลย ไม่ได้อยู่ในอิริยาบถนั่ง ไม่ได้อยู่ในอิริยาบถนอน เอนตัวลงไปแล้วบรรลุธรรม
เพราะนั่นก็มั่นใจเถอะพวกเรา มันมีสูตร มันเป็นสูตรอย่างนี้จริงๆ กายใจของเรา ไม่ต้องลังเลสงสัย ไม่ต้องลังเลสงสัยเรื่องนี้ การเจริญสติ ไม่มีคำถาม ยกมือขึ้นมันก็รู้นะ ไม่สงสัยอะไรเลย ไม่สงสัยอะไร พอมันรู้แล่วมันก็ไม่หลงทันที รู้เป็นปัจจุบันด้วย ในงานที่เราทำ การงานที่เราทำ แล้วก็เริ่มต้นจุดนี้กัน เริ่มต้นตรงนี้กัน ปฏิบัติก็ปฏิบัติตรงนี้ ปฏิบัติก็คือเปลี่ยนตรงนี้ เปลี่ยนมันหลงตรงนี้ ก็เปลี่ยนให้มันรู้ตรงนี้ มันหลงที่กาย ก็เปลี่ยนกายให้มันรู้ มันหลงที่ใจก็เปลี่ยนใจให้มันรู้ มันเปลี่ยนได้ ความรู้ความหลง เปลี่ยนได้ทันทีเป็นปัจจุบัน เป็นปัจจัตตัง เอาไปบอกคนอื่นก็ไม่ต้องกลัวเรื่องนี้ บอกได้เลย อย่าปิดเอาไว้ ไปบอก แม้มันไม่บรรลุธรรมก็ไปบอกได้ เหมือนเรามีห่อข้าว เราไม่กิน เอาไปให้คนอื่นกิน เขาก็อิ่ม เรามีห่อข้าว เรามีความรู้ เรามีหลักการ เขาอิ่ม เราไม่อิ่มก็ไม่เป็นไร แต่ให้คนอื่นอิ่มก่อนเรา ก็ดี
เพราะนั่นการปฏิบัติธรรม จึงเป็นหน้าที่ของเราโดยตรง แล้วก็โดยตรงจริงๆ เพราะเราก็เกี่ยวข้องกับคนอื่นอย่างน้อยก็พ่อแม่พี่น้อง บุตรภรรยาสามี เพื่อนร่วมกัน มันก็ทำกันได้จริงๆ อยู่ด้วยกันเดี๋ยวเนี่ย เรานั่งอยู่ตรงนี้ เราก็นั่งอยู่ตรงนี้ เราก็มีความร้อนเหมือนกัน เราก็มีความเย็นเหมือนกัน ความหนาว ความหิวเหมือนกัน ปวดเมื่อยเหมือนกัน เราจะไปช่วยใคร ช่วยกัน ช่วยกันไป ยิ่งเราเนี่ยปฏิเสธไม่ได้คือพ่อมีแม่ ผู้ที่จะทุกข์ก่อนหมู่ สุขก่อนหมู่ก็คือพ่อกับแม่ เกี่ยวข้องกันกับเรา ใกล้ชิดเราอีกภรรยาสามี ใกล้เข้าไปอีกบุตรีบุตรา ใกล้ไปอีกญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง นอกจากนั้น กระจายไปถึงสัตว์สาราสิง ต้นไม้แผ่นดิน ห้วยหนอง ห้วยนา โอ๊ย! เยอะแยะเลย ไม่อดไม่จนจริงๆ การทำความดีนี่
หลวงพ่อก็ไปท่ามะไฟหวาน ไปทำความดีกับศาลา ปลวกมันกินศาลา พาพระไปถ่ายเสา พาพระไล่ทำความดีปัดกวาด ทำความดีกับสิ่งที่มันเสียหาย ให้มันดีขึ้นมา ก็ดีจริงๆ ดีจริงๆ อย่างศาลาหลังนี้แต่ก่อนก็เป็นปลวกกินอยู่นู่น ข้างบนเขานู่น ก่อนเราจะบวชเราก็ช่วยมันมาลงตรงนี้ ก็ดีจริงๆ ศาลาหลังนี้ก็ปลอดภัยจริงๆ มันน่าขอบคุณกัลยาณมิตร สิ่งไหนที่หลวงพ่อคิด มันก็สำเร็จ อยากได้แต่ไม่กล้าพูด อยากได้พื้นตรงนี้ ก็เสร็จไปจริงๆ แล้วมันก็ดีจริงๆน้อเนี่ย เพราะอะไร เพราะกัลยาณมิตร มีคนทำความดีหลายคน หลายคนๆ เพิ่มขึ้นๆ
พวกเราเป็นคนเฒ่าคนแก่ แม่ยกไม่ทิ้งเด้อ น้อ..ไม่ต้องห่วงหรอก เอ๊า...ไปทำความดี เดี๋ยวนี้ลูกเขานอนอยู่บ้านเขาสบายแล้วนะ ดีกว่าแม่ไปนอนอยู่บ้าน ให้ลูกเป็นห่วง แม่มานอนอยู่วัด พ่อมาอยู่วัด หลวงพ่อพิมพา หลวงพ่อประสิทธิ์ ใครก็ตาม ลูกเต้าก็นอนสบ๊ายสง่าราศี เพราะอะไร พ่อเขาอยู่วัด แม่เขาอยู่วัด นี่เป็นความดี ถ้าเราไปกังวลอะไรคลุกๆ อยู่กับลูกกับหลานมันก็ไม่ดี สุดแล้ว เป็นสิ่งที่เราทำได้นี้นา ก็..เอาเล้ยพวกเรา เจริญสติ
เจริญสติตรงนี้แหล๊ะ เป็นจุดสตาร์ท เป็นจุดเริ่มต้น เป็นจุดก่อตั้งขึ้นมา กระจัดกระจายไปในกายในจิต เป็นเนื้อนาบุญเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมทันที ขอบอกขอบใจกัลยาณมิตรเพื่อนฝูง พระสงฆ์ อุบาสก อุบาสิกา หลายอย่างที่เราต้องช่วยกัน ต้นไม้ แผ่นดิน แม่น้ำ คุณกวีก็จะมาจะมาใส่ปุ๋ยต้นไม้แล้ววันนี้ ทั้งให้เงินให้ทองมาปลูก ทั้งซื้อต้นไม้ ทั้งให้ปุ๋ยทั้งอะไรมา เอ้ามาดูมาแล ก็ชื่นใจๆ หลวงพ่อก็แอบภูมิใจๆ ชื่นใจ 2 ปีก่อน ป่าหญ้าคา ป่าพง ปีนี้ปีที่แล้วมานี้กลายเป็นป่าไม้ สบายเลยพวกเรา
เราอยู่นี้ไม่ได้อยู่เพื่อหลบลี้ ไม่ได้อยู่เพื่อไม่เอาอะไร เอา..ช่วยทุกอย่าง ทำทุกอย่าง แค่นี้พวกเรา พวกเราก็เท่านี้จะไปทำอะไรได้ ก็งานการของพวกเราก็ยังมีมากอยู่ มาเถอะพวกเรามาช่วยกัน อุบาสก อุบาสิกา ญาติโยมก็มาช่วยกัน ไม่ได้ช่วยที่นี่ก็ไปช่วยที่อื่น ไปอยู่ที่ไหนทำความดี ไปเจริญสติ ปฏิบัติธรรมนั่นแล้วเนอะ.