แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ไฟล์ถอดเสียงนี้ยังไม่ได้ผ่านพิสูจน์อักษร นำขึ้นมาเพื่อช่วยในการศึกษาค้นคว้าของผู้สนใจ
เนื้อหาซีดีธรรมบรรยายชุด ธรรมประจำวัย โดย พระพรหมณ์ณาภรณ์(ปอ.ประยุทธ โต) วัดญาณเวศกวัน ต.บาง กระทึก อ.สามพราน จ.นครปฐม เรื่องที่1 วันเกิด เกิดให้เป็น บรรยายเมื่อวันที่ 19ธค พุทธศักราช2544 เจริญพร ก็ขอ อนุโมทนาโยมญาติมิตรทุกท่านที่มาทำบุญในวันนี้ก็ปรารภโอกาสมงคลระยะช่วงวันเกิดของคุณหมอดำรงค์คุณนงเยาว์ และก็หนูวาริษา ที่จริงก็ระยะนี้ก็จะมีหลายท่านเจ้าของวันเกิด แม้ท่านอื่นที่ไม่ได้บอกหรือว่าตั้งใจจะมา มายังไม่ได้ก็ อนุโมทนาร่วมไปพร้อมกัน ก็ถือว่าตั้งจิตปรารถนาดีโดยเฉพาะก็ใกล้ปีใหม่ด้วย สำหรับทุกท่านปีใหม่นร้ได้หมด เพราะฉะนั้นก็ในช่วงนี้จะปีใหม่ก็เลยอวยชัยให้พรแก่ทุกท่านพร้อมกันไป สำหรับท่านเจ้าของวันเกิดก็ทั้งสองอย่างเลยทั้ง ปีใหม่ด้วยทั้งวันเกิดด้วยก็ดีทั้งนั้น ที่ว่าดีก็เพราะว่าเราทำให้ดีนั่นเอง ทำให้ดีนั้นก็ทำอย่างไรก็ทำ เริ่มตั้งแต่ทำใจให้ดีทำใจ ให้ร่าเริง เบิกบานผ่องใส คิดดีเขาเรียกว่าเป็นมโนกรรมที่เป็นบุญเป็นกุศลนั่นแหละ ตอนนี้เป็นมงคลเกิดขึ้นทันทีทีนี้ พอใจดีสบายใจ ผ่องใส เบิกบาน คิดในทางที่ดีตั้งใจดีว่าจะทำอะไรที่เป็นเรื่องดีๆต่อไป และก็พูดดีและต่อจากนั้นที่สำคัญ ก็ทำออกมาข้างนอกก็ดีนี่ก็เป็นมงคลที่แท้จริง อันนี้เรื่องวันเกิดนี่ก็เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตทุกคน มามีชีวิตอยู่ในบัดนี้ก็ เริ่มด้วยการเกิดทั้งนั้น ทีนี้เวลา สำหรับชาวพุทธเราก็ปรารภอะไรก็ตามก็จะทำให้เป็นบุฯเป็นกุศล ทำให้เป็นเรื่องดีไป หมด ทีนี้การทำให้ดีนี่ สำหรับวันเกิดเรา เราก็มองหาความหมายโดยทั่วไปก็จะมองว่า การทำบุญวันเกิดนั้น 1 ก็เป็นการ เริ่มต้นที่ดีเพราะวันเกิดนั้นก็เป็นการเริ่มต้นของชีวิต นี้ในแต่ละรอบปีนี่ ทำบุญวันเกิดก็ถือว่าเริ่มต้นปีของอายุในเวลาต่อ จากนี้ไปเริ่มกันใหม่อีกก็ให้เริ่มต้นดีเริ่มต้นดีด้วยการ ทำบุญทำกุศล เขาเรียกว่าเป็น นิมิต ให้เกิดความสุขความเจริญนี้ก็ อย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งก็คือ บอกว่าเกิด เกิดก็เกิดไปแล้วนี้เราจะเกิดอย่างไรอีก ในทางพระก็บอกว่าก็เกิดได้เรื่อยๆแหละ เพราะเวลานี้เราก็เกิดกันอยู่ตลอดเวลา ที่เรามีชีวิตอยู่ได้เราก็เกิดตลอดเวลาถ้าเราไม่มีการเกิดตลอดเวลา เราก็อยู่ไม่ได้ การเกิดนี้มีทั้งรูปธรรม นามธรรม ในทางนามธรรมนี้กลับเห็นง่ายในกรณีนี้ก็คือ การเกิดทางจิตใจ โยมก็จะพูดกันอยู่ เสมอในทางที่ดีเกิดความสุข เกิดความสดชื่น เกิดปิติเกิดความเบิกบานใจ เกิดเมตตา เกิดศรัทธา เกิดทั้งนั้น นี่ที่เรา เป็นอยู่นี่เดี๋ยวก็เกิดอันโน้น เดี๋ยวก็เกิดอันนี้ก็คือเกิด กุศลหรืออกุศลในใจ ถ้าในทางไม่ดีก็เช่นเกิดความโกรธเกิดความกลัว นี้ไม่ดีเขาเรียกว่าเป็นอกุศล ทีนี้เมื่อถึงวันเกิดก็เลยเป็นเครื่องเตือนใจ สำหรับ ชาวพุทธเนี่ยบอกว่าให้เกิดดีดีเกิดดีดีเราก็ เกิดกุศลในใจเราก็มาตั้งใจทำใจให้เกิด ความสุขเกิดปิติเกิดศรัทธา เกิดเมตตา เกิดความสดชื่นแเกิดความอิ่มใจเบิกบาน ใจเนี่ยถ้าเกิดอย่างนี้ได้เรื่อยละก็ต่อไปก็มีความสุข ความเจริญแน่นอน เพราะฉะนั้นวิธีดำเนินชีวิตอย่างหนึ่งก็คือ เกิดให้ดี ทำใจของเรานี่เกิดให้มีการกุศล และการเกิดที่ประเสริฐที่สุด ก็คือการเกิดของกุศลพอใจเกิดกุศลจะเป็นด้านความรู้สึกที่ สบาย ผ่องใส เอิบอิ่ม เบิกบานใจก็ตาม หรือเป็นคุณธรรมความคิดที่ดีว่าจะทำโน่น ทำนี่ที่เป็นการช่วยเหลือ การเอื้อเฟื้อ กัน ทำสิ่งที่ดีงามทั้งหลายนี่ เกิดอันนี้แล้วมีผลดีทั้งนั้นเลย ก็มีความหมายเป็นการเริ่มต้นที่ดีไปด้วย พอเกิดอย่างนี้แล้ว ต่อไปเราก็ออกสู่การกระทำ การปฏิบัติให้ดีไปหมด และถ้าเราเกิดจิต อย่างนี้บ่อยๆนี่ก็จิตจะเคยจะคุ้นเป็นนิสัย คือ คนนี่ เราอยู่ด้วยความเคยชินเป็นใหญ่ เราไม่ค่อยรู้ตัวหรอกเราอยู่กันนี่เราก็ทำกันตามความเคยชินเราจะมีปฏิกิริยาพูดกับใคร จะเดินอย่างไรต่างๆ จะมีเหตุการณ์ต่างๆอะไรเกิดขึ้น เราจะตอบสนองอย่างไรนี่เรามักจะทำตามความเคยชิน นี้ก่อนที่จะ เกิดมีความเคยชินก็ต้องมีการสั่งสม คือการทำบ่อยๆ บ่อยจนไม่รู้ตัว ท่านบอกว่าถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ก็มันจะเคยชินโดย ไม่แน่นอน เรียกว่าร้ายบ้างดีบ้าง เราก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง ท่านก็เลยบอกว่าให้มีเจตนาที่ดีตั้งใจสร้างความเคยชินที่ดี ความเคยชินที่เกิดขึ้นนี่ ท่านเรียกว่า วาสนา ซึ่งเป็นความหมายที่แท้เดิม ไม่ใช่ความหมายในภาษาไทย วาสนาก็คือ ความ เคยชินตั้งแต่ของจิตใจตลอดจนอาการแสดงออกที่ จนกลายเป็นลักษณะประจำตัว นี้ใครมีความเคยชินอย่างไรก็เป็น วาสนา ของคนนั้นอย่างนั้น เช่นว่าพบเห็นอะไร ก็คนนี้สั่งสมจิตใจชอบทางนี้มีของเลือกสองสามอย่างนี้คนนี้ชอบสิ่งนี้ก็ จะหันเข้าหาสิ่งนั้น แม้แต่ไปตลาด ไปร้านค้าคนหนึ่งชอบหนังสือไปที่นั่น ที่นั่นมีร้านค้าหลายอย่าง อาจจะเป็น ห้างสรรพสินค้าเดินไปด้วยกัน คนหนึ่งเข้าร้านหนังสือ อีกคนหนึ่งเข้าร้านขายของเครื่องใช้ในการทำครัว อีกคนหนึ่งเข้า ร้านขายของฟุ่มเฟือยอะไรนี่ อันนี้ก็นี่แหละ เรียกว่า วาสนาพาไปแล้วคือ ใครสั่งสมมาอย่างไรก็ไปตามนั้น และก็วาสนา ตัวนี้ก็จะเป็นตัวที่ทำให้ผันแปรในชีวิตของเรา พระท่านมองวาสนาในความหมายอย่างนี้ฉะนั้นวาสนานี่แหละที่สำคัญที่ต ทำให้เราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้โดยไม่รู้ตัว ท่านก็เลยบอกว่าให้เราเนี่ยมาตั้งใจสร้างวาสนา วาสนาสร้างได้ของคนไทยเรา บอกว่า วาสนานี่แข่งกันไม่ได้แต่ว่าพระนี่ให้แก้ไขได้ปรับปรุงวาสนาเพราะมันอยู่ที่ตัวเราแต่ว่ายากหน่อย ความเคยชินนี้ แก้ยากมากแต่ก็แก้ได้ก็ปรับปรุงได้ถ้าเราทำก็จะมียผลดีต่อชีวิต พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์นั้นเป็นผู้ที่พ้น อำนาจ วาสนา พ้นนะเจริญพร ไม่ใช่ไม่ต้องการ พระพุทธเจ้านี่ เป็นผู้ที่ละวาสนาละกิเลสได้ทั้งหมด ไม่อยู่ใต้อำนาจความเคยชินจะอยู่ด้วยสติปัญญานี้เรื่องของคนสามัญก็คือ พยายามแก้ไขวาสนาที่ไม่ดีและปรับปรุงสร้าง วาสนาให้เป็นไปในทางที่ดีคือนี่แหละในการที่เราตั้งใจทำจิตใจให้เกิดเป็นกุศลอยู่เสมอ ต่อไปจิตก็เคยชิน อย่างคนที่เคย ชินในการปรุงแต่งไม่ดีเนี่ย ไปนั่งตรงไหนเดี๋ยวก็ไปเก็บเอาอารมณ์ที่ผ่านมาที่กระทบกระทั่งทางตา ทางหูทางจมูก ลิ้น อะไรแล้วก็มาครุ่นคิดกระทบกระทั่งใจตนเอง ไม่สบายใจที่นี้เรารู้ตัวมีสติยั้งเลย ถ้าหากว่าเกิดความคิดอะไร เริ่มไม่ดีขึ้นมา เนี่ยหยุด และก็ไปนึก เอาสติไปจับก็คือระลึกในสิ่งที่ดีขึ้นมา ระลึกขึ้นมาแล้วก็ทำจิตใจให้สบาย ปรุงแต่งในทางที่ดีคือ ในทางที่ดีต่อไปจิตก็จะเคย พอไปนั่งที่ไหนอยู่เงียบๆ จิตก็จะสบายนึกถึงเรื่องที่ดีๆมีความสุข อันนี้คนเราเนี่ยสร้าง ความสุขได้สร้างวาสนาให้กับตัวเองได้สร้างวิถีชีวิตได้ก็โดยการกระทำอย่างนี้ก็การที่ให้เกิดบ่อยๆ ในสิ่งที่ดีงาม ฉะนั้น การเกิดนี่ก็เป็นนิมิตมีความหมาย ว่าให้ชาวพุทธนี่ได้คติได้ประโยชน์จากวันเกิด ถ้าญาติโยมนำวิธีปฏิบัติทางพระไปใช้ จริงๆเนี่ย วันเกิดจะมีประโยชน์แน่นอน จะเป็นบุญเป็นกุศล ทำให้เกิดความเจริญงอกงามอย่างน้อยก็เตือนตัวเองว่า เรา ให้เกิดแต่กุศลนะ เราจะไม่ยอมเกิดอกุศลใจจะขุ่นมัวเศร้าหมองไม่เอาทั้งนั้น ฉะนั้นจึงมีหลักที่แสดงพัฒนาการของจิตใจ ว่า 1. ให้มีปราโมทย์ความร่าเริงเบิกบานใจ 2 มีปิตีความอิ่มใจ 3. มีปัสสัสธิความสงบเย็นผ่อนคลายกายใจ 4. มีสุข ความคล่องโปร่งใจและก็สมาธิความมีใจแน่วแน่สงบมั่นคง ไม่หวั่นไหว ไม่ถูกอารมณ์ต่างๆ มารบกวน เนี่ยถ้าทำได้ละก้อ ก็จะเป็นจิตใจที่เจริญงอกงามในธรรม สภาวะจิต 5 ประการนี้โยม จำไว้เลยเป็นประจำ พระพุทธเจ้า จะตรัสบ่อยว่า เวลา ปฏิบัติธรรมถูกต้องแล้วเนี่ย พิสูจน์ได้อย่างหนึ่งคือเกิดสภาพจิต 5 ประการ ถ้าใครไม่เกิด แสดงว่า การปฏิบัติยังไม่ ก้าวหน้า มี1. ปราโมทย์ 2.ปิติ 3. ปัสสัสธิ4. สุข 5. สมาธิพอ 5 ตัวนี้มาแล้ว ทีนี้ปัญญา จะผ่องใสแล้วจะคิดจะอะไร ก็จะเดินหน้าไป ในการปฏิบัติธรรมก้าวไปสู่โพธิญาณก็เดินหน้าไปได้ดีฉะนั้นก็วันเกิด ก็ให้ได้นี่แหละก็อย่างน้อยได้5 ประการ นี่ก็คุ้มเลย ชีวิตเจริญงอกงามมีความสุขแน่นอน นี้ความเกิดนี่พูดได้หลายอย่าง หลายแง่ มีความหมายเยอะแยะ เลย ความเกิดนี่ความหมายอย่างหนึ่ง ก็คือ ก็คือเป็นจุดต่อเชื่อมไม่ใช่ว่าเกิดนี่เริ่มต้นใหม่ ไม่มีอะไรนะที่เหลือ เราเกิดนี่ เป็นจุดเชื่อมต่อ และถ้าใช้เป็นจุดเชื่อมต่อ จะทำให้เราได้ประโยชน์มากมาย 1. เชื่อมต่ออะไร ความเกิดเนี่ยเป็นตัว เชื่อมต่อ ตัวเราผู้เกิดกับท่านผู้ให้กำเนิด ฉะนั้นทันทีที่ใครคนหนึ่งเกิด อีกคนหนึ่งก็เกิดด้วย คือพอลูกเกิดก็เกิดพ่อแม่ด้วย อีกคนยังไม่ทันเป็นพ่อแม่พอมีลูกเกิดปั๊บตัวเองก็เกิดเป็นพ่อแม่ทันทีฉะนั้นวันเกิดของตนเองก็เป็นวันเกิดของคุณพ่อคุณ แม่ด้วย ฉะนั้นวันเกิดนี่ในอีกแง่หนึ่งก็เป็นวันที่ระลึกนึกถึงบิดามารดาแก็จะเป็นตัวเชื่อมให้เรานี่มีความผูกพันกับท่านผู้ให้กำเนิด คุณพ่อคุณแม่แล้วก็มีความสุขร่วมกัน อย่างลูกเนี่ยพอถึงวันเกิดก็นึกถึงท่านผู้ให้กำเนิดก็คือคุณพ่อคุณแม่ เราก็มามี ความสุขร่วมกันและโยงจากพ่อแม่ก็โยงไปหาคนอื่นอีกที่เกี่ยวข้อง พี่น้อง ปู่ย่า ตายาย อะไรต่ออะไรนี่สัมพันธ์กันไปหมด เลย ได้ผลอันนี้ขึ้นมา การเกิดนี้เป็นตัวตอกและก็เชื่อม อันที่1 ทีนี้2. ตัวเกิดนี้เชื่อมอะไรเชื่อมไปถึงพื้นฐานของเรา เช่น เราเกิดเป็นคนไทย ชีวิตของเราที่เป็นพื้นเดิม รากฐานของเราก็คือวัฒนธรรมไทย เราเกิดมาท่ามกลางอันนี้วัฒนธรรมไทย ก็หล่อหลอมชีวิตของเรา เราก็ต้องรู้จักเอาประโยชน์จากวัฒนธรรมไทย 2.ต่อไปเราก็ก้าวไปข้างหน้า เราอาจจะพบ วัฒนธรรมภายนอกความเจริญอะไรต่างๆเนี่ย ถ้าเราใช้ประโยชน์เป็นก็ต้องได้ทั้ง 2 1. เรามีพื้นฐานของเราที่มั่นคงให้การ เกิดเป็นตัวที่เราเนี่ยยึดหลักฐานของเราไว้ได้ด้วยรากฐานทางวัฒนธรรมของเรามีไว้เราไม่ละทิ้ง ได้ส่วนที่ดีเอามาทำตัวให้ เป็นพื้นฐานที่มั่นคง 2. สิ่งใหม่ๆ เราก้าวไปรับก้าวไปทำ ก้าวไปสร้างสรรค์ถ้าเราได้ทั้ง 2ด้านนี้เราก็มีความเจริญงอกงาม พื้นฐานก็ดีและสามารถก้าวไปข้างหน้าด้วย อันนี้ก็หมายความว่าไม่ให้ขาดทั้ง 2ด้าน ทั้งด้านพื้นฐานเดิม รากฐานเก่าและ ก็ทั้งด้านใหม่ที่จะก้าวไปข้างหน้า คนที่จะเจริญงอกงามได้ได้ทั้ง2ด้าน นี่ก็จะมีความสมบูรณ์3. ความเกิดนี้เป็นตัว เชื่อมต่ออะไร เชื่อมต่ออะไรก็คือคนเราเกิดมานี่ ตัวแท้ๆนี่ยังไม่มีอะไรก็เป็นชีวิตๆที่เป็นธรรมชาติแล้วชีวิตของเรานี่ก็อยู่ ท่ามกลางธรรมชาติเกิดจากธรรมชาติเป็นไปตามธรรมชาติเนื้อตัวชีวิตของเรานี่เป็นธรรมชาติพอเราเกิดมาแล้วนี่ มัน เริ่มมีฐานะใหม่ก็คือ สถานนะในสังคมเป็นบุคคล เราก็จะเป็นบุคคลในสังคมเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่ เป็นพี่ของคนนั้น เป็นน้องของคนนี้และก็ก้าวไปในสังคมมีฐานะต่างๆ บางทีเราก้าวไปในฐานะที่2จนลืมเลย ลืมอันที่1 คือความเป็นชีวิตที่ เป็นธรรมชาติเรานึกถึงแต่ความเป็นบุคคลที่ไปเที่ยวมีบทบาทนั้นนี้ๆ ก็ลืมไป ทีนี้ทางพระท่านเตือนเสมอว่าอย่าลืมสถาน นะเดิมแท้ที่เป็นพื้นฐานของเรา ชีวิตที่เป็นธรรมชาติคนใดที่ได้ทั้ง 2 ด้าน คนนั้นจะมีชีวิตที่เจริญงอกงามสมบูรณ์นี้ คนเรามักจะลืมก็ได้แค่ด้านบุคคล ก็ไปนึกถึงแต่ด้าน การอยู่ร่วมสังคม การไปมีฐานะอย่างนั้นอย่างนี้ลืมชีวิตที่เป็น พื้นฐานอย่างที่ว่าแม้แต่กินอาหาร เนี่ยเราลืมพื้นฐานด้านชีวิตเสียแล้วเราก็พลาด เราไปนึกถึงในแง่เป็นบุคคลในสังคม เนี่ย เรารับประทานอาหารเราก็นึกไปในแง่ว่าเรามีฐานะอะไร ควรจะกินอะไรให้สมฐานะ ดีไม่ดีก็ไปตามค่านิยมไปโก้ไปเก๋เป็น ต้น ทีนี้ถ้าเรานึกถึงในแง่ชีวิตเนี่ย อ๋อ การกินอาหาร ก็คือให้ร่างกายแข็งแรง มีสุขภาพดีมีชีวิตดีดำเนินไปได้ให้สุขภาพ ดีนะ อย่ากินให้เป็นโทษต่อร่างกาย อาหารแค่ไหน พอดีแก่ความต้องการของร่างกาย อาหารประเภทไหนมีคุณภาพเป็น ประโยชน์กับชีวิตเราก็กินอย่างนั้น ทีนี้ถ้าเราไม่ลืมพื้นฐานทางด้านชีวิตที่เป็นธรรมชาติเนี่ย เรารักษาตัวแก่นของชีวิตไว้ได้ เลย ทีนี้ส่วนที่เหลือนั้น ความเป็นบุคคลจะเป็นตัวประกอบ แต่ว่าในปัจจุบันนี้เราจะเอาความเป็นบุคคลนี้เป็นตัวหลัก จนกระทั่งลืม ความเป็นชีวิตไป ด้านธรรมชาติก็จะศูนย์เสีย เพราะฉะนั้นก็ทำให้เรามีชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ก็เลยวันเกิดนี่เป็น ตัวเตือน เพราะตัวเชื่อมว่า อ๋อ โดยเนื้อแท้พื้นฐานชีวิตของเรานี่เป็นธรรมชาตินะ อย่าลืมส่วนที่เป็นธรรมชาติด้านนี้และ ก็ด้านที่เป็นบุคคลเราก็ทำให้ดีให้ได้ผลให้2ด้านนี้มาประสานกลมกลืนกันทั้งด้านชีวิตที่เป็นธรรมชาติและด้านที่เป็น บุคคลที่อยู่ในสังคม ถ้าอย่างนี้แล้วชีวิตก็สมบูรณ์ไปเท่าไหร่ๆก็อย่าลืมอันนี้นี่ก็อันหนึ่ง พออีกด้านหนึ่ง พอถึงเรื่องของ การมองตัวเองให้ถึงธรรมชาติแล้วนี่ เราก็ต้องได้กำไร หลักพระศาสนาก็จะมาเสริมให้เรานี่พัฒนา ตัวชีวิตที่แท้ไม่ได้พัฒนา แต่สิ่งภายนอก อย่างเดียว บางทีเราลืมไปก็ไปแสวงหาอะไรต่ออะไรที่เป็นของภายนอกที่ทางพระท่านบอกว่า เป็นของ นอกกายแล้วก็ลืมไป และก็พะรุงพะรังเสร็จแล้วก็สิ่งเหล่านี้ก็กลับมาก่อทุกข์กับตนเองนี้ในด้านชีวิตที่แท้จริงเนี่ย พอเราไม่ ลืม พระพุทธศาสนาก็เข้ามาได้ท่านก็จะบอกให้พัฒนาชีวิตของเราไปนะ ชีวิตของเราที่มีด้านการแสดงออกสัมพันธ์กันกับ โลกภายนอกลึกเข้าไปก็ด้านจิตใจ และอีกด้านหนึ่งก็คือปัญญา ความรู้เท่าทันชีวิตนี้รู้เท่าทันโลก อะไรต่างๆเหล่านี้ต้องมี ตอนนี้ก็คือ เข้ามาสู่ศีล สมาธิปัญญา เราก็พัฒนาชีวิตของเรา ชีวิตเกิดมาแล้วนี่ให้เข้าถึงสิ่งที่ดีของชีวิตไม่ใช่ดีแต่ ภายนอกอย่างเดียวความเจริญงอกงามจนกระทั่งจะเป็นพระอรหันต์อะไรต่างๆได้ก็ตรงนี้แหละ ก็คือพัฒนาชีวิตของเราที่ เป็นของตัวเองเองเกิดมาแล้วชาติหนึ่งให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดให้เจริญ ในศีล สมาธิปัญญาขึ้นไป จนกระทั่งได้บรรลุวิมุต สันติวิ สุทธิที่แท้จริงจนถึงนิพพาน อันนี้ก็เป็นเรื่องยืดยาวแล้ว แต่ว่าเป็นแง่หนึ่งของการที่ว่าจะได้คติจากเรื่องของวันเกิด รวมๆ แล้วเรื่องวันเกิดนี่ ถ้ามองให้ดีก็มีคติเตือนใจ ให้ได้ความหมายมากมายหลายอย่าง แต่ว่าสาระสำคัญก็เป็นจุดเชื่อมต่อที่ว่า พอเชื่อมต่อแล้วเราให้ได้ทั้ง 2 ด้าน อย่าให้ขาดสักด้านหนึ่ง ไม่ใช่ว่าพอเชื่อมต่อแล้วก้าวไปสู่จุดใหม่แล้วเลยไปเลย ลืม เตลิดหลงกลับ ถ้าได้อย่างนี้ก็เป็นความสมบูรณ์ของชีวิตที่ครบถ้วน วันนี้อาตมาภาพก็เลยพูดถึง นัยยะต่างๆของ ความหมายของการเกิด โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันเนี่ย เรามีเรื่องของภายนอกที่กระทบกระทั่งมาก ถ้าใครตั้งหลัก ทำชีวิตของตัวเองโดยเฉพาะภายในด้านจิตใจ ปัญญาไม่ได้ดีแล้วนี้ จะหวั่นไหวและกระทบกระเทือนมาก ฉะนั้นตอนนี้ยิ่ง ต้องมีความไม่ประมาท แล้วก็มาทำตัวของเราเองนี่ทั้งทางจิตใจรู้เท่าทัน ทางปัญญาให้พร้อมให้เข้มแข็งในโลกต่อไปนี้ที่ มันมีเรื่องราวอะไรต่างๆเกิดมากนี่คนที่จะอยู่ได้ก็ต้องมีความเข้มแข็ง ทีนี้เด็กสมัยปัจจุบันนี้ในสังคมไทยต้องสารภาพว่า ชักจะเลี้ยงดูกันในทางที่ทำให้อ่อนแอ และคนที่อ่อนแอก็จะมีความสุขแบบคนอ่อนแอ ความสุขของคนอ่อนแอนั้น เปราะบางแตกสลายง่ายๆ และก็ความสุขนั้นเปลี่ยนเป็นทุกข์ได้ง่ายไม่ยั่งยืนและมั่นคง นี้คนที่เข้มแข็งนั้นจะมีความสุขที่ เข้มแข็งด้วย ความสุขที่เข้มแข็งก็มั่นคง และก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลง ความสุขนั้นก็ไม่เปลี่ยนเป็นความทุกข์ได้ง่ายๆ แถม ยังเจอทุกข์น้อยๆก็ไม่หวั่นไม่กลัว เป็นคนที่ทุกข์ได้ยากแต่เป็นคนที่สุขได้ง่าย งั้นคนที่อยู่ในโลกต่อไปเนี่ยต้องพัฒนาให้ดี ต้องเป็นคนที่สุขได้ง่ายทุกข์ได้ยาก ถ้าพัฒนาไม่เป็นหรือไม่พัฒนาก็จะเป็นคนที่สุขได้ยากทุกข์ได้ง่าย เวลานี้เด็กปัจจุบันนี้ เราพยายามจะให้เขาความสุข แต่ว่าเราไม่พัฒนา ไม่เลี้ยงดูให้ดีนี่จะกลายเป็นคนที่สุขได้ยากทุกข์ได้ง่าย เดี๋ยวนี้ปรากฏว่า จะเป็นแบบนี้แล้วนะ ทั้งๆที่มีอุปกรณ์บำรุงบำเรอให้ความสุขมากมาย และเด็กยิ่งเป็นคนทุกข์ได้ง่ายสุขได้ยาก ถ้าอย่างนี้ก็ ถึงจะมีอุปกรณ์บำรุงบำเรอเทคโนโลยีเจริญมากเท่าไหร่ก็ไม่ไหว ไม่แก้ทุกข์ต้องพัฒนาข้างในให้เป็นคนที่มีความสุขของ คนที่เข้มแข็งเป็นคนที่สุขได้ง่ายทุกข์ได้ยากแม้แต่ทุกข์ท่านทุกคนก็เช่นเดียวกัน บทพิสูจน์ตัวเองอย่างหนึ่งก็คือ เราเกิดมา นานแล้ว เราสุขได้ง่ายขึ้นหรือไม่ ถ้าเรากลายเป็นคนที่สุขได้ยากขึ้น ทุกข์ได้ง่ายขึ้นก็แสดงว่า เรานี่เห็นจะไม่ค่อยถูกทาง ฉะนั้นต้องตรวจตราดูตัวเอง อยู่นานๆก็สุขได้ง่ายทุกข์ได้ยาก ตอนเกิดใหม่ๆเป็นเด็กนี่สุขได้ง่าย เจออะไรต่ออะไรนิดนึงก็ หัวเราะแล้ว พอโตชักสุขได้ยากขึ้นแล้ว เพราะฉะนั้นจึงต้องระวังท่านจึงให้ไม่ประมาท พัฒนาตัวเราไปนี้แหละ ก็เข้ามาสู่ หลักที่ว่า การเกิดก็จะเตือนใจเราให้ได้ทั้ง 2ด้านก้าวไปข้างนอกแล้วอย่าลืมข้างใน ในตัวเอง ต้องพัฒนาให้ทัน สร้างความ เข้มแข็งที่จะอยู่กับภาวะ ภายนอกได้อย่างดีที่สุด ความเข้มแข็ง พัฒนาภายใน พัฒนาจิตใจ พัฒนาปัญญาด้วย ในที่สุดก็ ข้างนอกมาเท่าไหร่มีแต่ได้ส่วนที่ดีก็เป็นประโยชน์ยิ่งมีความสุข เป็นอันว่า วันเกิดนี่ มีความหมายที่ดีงาม และมาเป็นคติ แก่ตัวเราโดยเฉพาะท่านเจ้าของวันเกิด ที่จะได้ประโยชน์มากมายหลายประการ วันนี้อาตมาภาพ ก็ขออนุโมทนาคุณหมอ คุณนงเยาว์และหนูวริศา เจ้าของวันเกิดในระยะนี้และโยมญาติมิตรทุกท่านที่จะเดินทางเข้าไปในปีใหม่ 2545 ร่วมกันทุก ท่าน ก็ขอให้ทุกท่านมีพลังกาย พลังใจ พลังปัญญา พลังความสามัคคีที่เข้มแข็ง พร้อมที่จะเดินก้าวหน้าไป ได้ประสบ ความสำเร็จและความสุขยิ่งๆขึ้นไป ให้ปีใหม่นี้เป็นมงคลที่แท้จริง มงคลสมกับความหมายที่ว่า สิ่งที่นำมาซึ่งความสุขความ เจริญมาให้โยมญาติมิตรทุกท่าน ระตะนะ ตะยานุภาเวนะ ระตะนะจะเตชะสา ด้วยเดชานุภาพคุณพระรัตนตรัย พร้อม ทั้งบุญกุศลที่ได้บำเพ็ญ