แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
วันนี้เป็นวันคล้ายมรณภาพของหลวงพ่อเทียน หลวงพ่อเทียนละสังขารเมื่อวันที่ 13 กันยายน เมื่อ 33 ปีที่แล้ว ถึงแม้ว่าท่านจะดับขันธ์ไปนานแล้ว แต่ว่าคำสอนของท่านก็ยังมีชีวิตชีวาอยู่ ปฏิบัติเมื่อใด ก็ให้ผลเมื่อนั้นแหละ แล้วถ้าปฏิบัติให้ถูกต้องแล้ว ก็จะนำไปสู่การดับทุกข์ได้
หลวงพ่อเทียนท่านมีวิธีการสอนไม่เหมือนครูบาอาจารย์ท่านใด จนมีบางคนเปรียบเหมือนอาจารย์เซน เพราะว่าท่านมีวิธีการในการกระตุกความคิดของผู้คนชนิดที่ว่าคาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นการกระทำหรือคำพูดของท่าน เพราะว่าท่านไม่ค่อยติดยึดกับขนบธรรมเนียมประเพณีเท่าไหร่
ที่จริงท่านมีความพิเศษไม่ใช่เฉพาะตอนเป็นพระ ตอนเป็นคฤหัสถ์ฆราวาสท่านก็เรียกว่าเป็นคนที่ไม่เหมือนใคร หาคนเปรียบเทียบได้ยาก เพราะว่าท่านเป็นคนที่จริงจังกับชีวิตมาก และเพราะจริงจังกับชีวิตจึงเห็นความสำคัญของธรรมะ
พื้นเพของท่าน ท่านเป็นพ่อค้าที่ประสบความสำเร็จ เพราะว่าท่านขยันขันแข็ง รู้จักอดออม แล้วก็รู้จักทำมาค้าขายโดยเฉพาะค้าขายระหว่างเมืองเลยกับประเทศลาว แต่ว่าแม้ท่านจะมีความร่ำรวย แต่ท่านก็รู้ว่าเงินทองไม่ใช่เป็นสรณะเท่าไร ท่านเห็นว่าสิ่งสำคัญกว่าก็คือ บุญกุศลหรืออริยทรัพย์
ท่านก็ขยันทำบุญมาก เงินที่มีก็ไม่ได้เอามาปรนเปรอตัวเอง แต่ว่าส่งเสริมธรรมะ ทำบุญเย่อะทีเดียว ทำบุญทอดกฐินทอดผ้าป่า สร้างโบสถ์สร้างวิหาร แต่เพราะว่าการทำบุญจึงทำให้เกิดจุดเปลี่ยนในชีวิตของท่าน
มีคราวหนึ่ง ท่านเป็นเจ้าภาพ เอาเทียนไปทอดที่เมืองลาว ก่อนจะทอดก็มีการจัดงานมหรสพ มีหมอลำ มีภาพยนตร์ ร้องเพลงลูกทุ่ง ทำตามธรรมเนียม ท่านมอบหมายให้ภรรยาดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับมหรสพ ส่วนท่านก็จะปลีกตัวไปถือศีล 8 แล้วก็รับแขกจากที่ไกลๆ
แต่เช้าวันนั้น ภรรยาก็มาหาท่านแล้วก็ถามว่า เงินค่าจ้างหมอลำเท่าไร ท่านโกรธมากเลยเพราะว่ามอบหมายหน้าที่ให้แล้ว ยังจะมาถามอีก แต่ท่านก็เก็บอารมณ์ข่มใจไว้ไม่แสดงออก แล้วก็บอกว่าเป็นหน้าที่ของภรรยาตัดสินเอาเอง แต่ทั้งวันท่านรุ่มร้อนมาก มีความขุ่นเคืองไม่หายเลยในสิ่งที่ภรรยาได้ทำ
พอทอดกฐินเสร็จ ตอนเย็นกินอาหาร ท่านก็เปรยหรือบ่นอยู่หลายครั้งเลยว่าคนที่ไม่รู้จักเคารพนับถือกันก็เป็นอย่างนี้แหละ พูดหลายครั้งจนกระทั่งภรรยาสะดุดใจ แล้วก็เลยถามว่าที่พูดหมายถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าใช่ไหม ท่านบอกว่าใช่ เจ้าโกรธใช่ไหม ท่านก็บอกว่าใช่ ภรรยาก็เลยพูดขึ้นมาเลยว่า โอ้โห เจ้าตกนรกแล้ว แม้ทำบุญทอดกฐิน เจ้าบ่ได้บุญดอก
เป็นคำพูดที่แรง แต่ก็ทำให้ท่านได้คิดเลย กระตุกเลย ทำให้ท่านได้คิดว่าแม้ทำบุญมากแค่ไหนก็ไม่ช่วยทำให้พ้นทุกข์ได้ ทำบุญแล้วก็ยังมีความโกรธ ท่านก็เลยคิดหาหนทางว่าทำอย่างไรถึงจะถอนออกจากทุกข์ได้ การทำบุญไม่ใช่หนทางแล้ว ท่านก็เลยนึกถึงการภาวนา การทำกรรมฐาน
แล้วตอนหลังท่านก็ทำกรรมฐานจริงจัง จนกระทั่งตัดสินใจว่าเลิกทำมาค้าขาย เงินทองที่มีก็จะจ่ายแจกให้กับภรรยา รวมทั้งลูก แล้วก็ญาติทั้งหลาย เรียกว่าตั้งใจจะทิ้งเงินทองเลย ทั้งๆที่แต่ก่อนหาเงินหาทองมาด้วยความยากลำบาก แต่ก็รู้ว่ามันไม่ใช่ทาง ทำบุญก็เยอะแต่ก็พบว่ามันไม่ใช่คำตอบ ซึ่งตรงนี้แหละทำให้ท่านขอบคุณภรรยาที่มาพูดมากระตุกให้ท่านได้คิด
คำพูดของภรรยาที่แรง ตกนรกแล้ว แม้ทำบุญทอดกฐินก็ไม่ได้บุญดอก เป็นคำพูดทำให้ท่านได้คิด ก็เลยเกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิตของท่าน ซึ่งก็เป็นการเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การเข้าถึงธรรมะในที่สุด แล้วท่านก็ขอบคุณภรรยาว่าเป็นเหมือนอาจารย์ ตอนที่ท่านตัดสินใจทำกรรมฐานเรียกว่าทุ่มเทเลย อย่างที่ว่างานการไม่ทำ ทรัพย์สมบัติก็ตั้งใจจะจ่ายแจก
มีเพื่อนบางคนชอบมาคุยกับท่าน เวลาท่านภาวนา ทั้งๆที่เป็นคนที่มีบุญคุณกับท่าน แต่เขาชอบมาคุยเล่น ท่านรู้สึกเสียเวลาแต่ก็จะปฏิเสธหรือว่าจะพูดตรงๆก็ไม่ได้ เพราะเป็นผู้ที่มีบุญคุณ ท่านทำอย่างไร ก็ไปเดินกลางทุ่งตากแดด แดดร้อนอย่างไรท่านก็ไปเดิน เอาผ้าโพกหัวคลุมไว้ เพราะรู้ว่าวิธีนี้จะทำให้เพื่อนหรือว่าผู้ที่มีพระคุณจะมาพูดคุยก็คงไม่ได้ เพราะว่าแดดมันร้อน ท่านยอมร้อนเพื่อการปฏิบัติธรรม
ท่านมุ่งถึงการพ้นทุกข์เลย และในที่สุดท่านก็ได้เข้าถึงธรรมอย่างที่ท่านมุ่งหวัง ด้วยวิธีการที่ไม่เหมือนใคร และก็นำเอาวิธีการนี้มาสอนคนใกล้ตัวก่อน เริ่มจากภรรยา ตอนหลังก็เพื่อนบ้าน ญาติมิตร บางทีก็ใช้เงินล่อ มรดกที่ท่านมีเอามาแจกแต่ต้องมาปฏิบัติธรรม จะเรียกว่าจ้างก็ได้
แต่ตอนหลัง ท่านก็พบว่าสอนธรรมไม่สะดวก ในเพศคฤหัสถ์ บวชพระดีกว่า พอท่านบวชพระ ท่านก็สอนมุ่งตรงต่อความพ้นทุกข์เลย เรื่องขนบธรรมเนียมประเพณีโดยเฉพาะการทำบุญด้วยการฆ่าวัวฆ่าควายกินเหล้าเมายา ท่านเทศน์ห้ามเทศน์ต่อต้านมาก จนชาวบ้านจำนวนมากไม่พอใจหาว่าท่านเป็นคอมมิวนิสต์ไปฟ้องร้องเจ้าคณะจังหวัดว่าท่านเป็นคอมมิวนิสต์
สมัยนั้นเป็นคอมมิวนิสต์จะได้รับอันตรายมาก แม้พูดผิดหูคนก็เป็นคอมมิวนิสต์ได้ แต่แล้วท่านก็รอดได้ วิธีการสอนของท่าน อย่างที่ว่าท่านสอนมุ่งตรงสู่การพ้นทุกข์ ด้วยการมาดูจิต มาเห็นความคิด ความคิดทำให้เราทุกข์ โดยเฉพาะถ้าไม่รู้ทันความคิด
แต่ไม่ใช่แค่รู้ทันความคิด จนกระทั่งความคิดดับไป แต่ท่านยังสอนให้รู้จักพิจารณาหรือดูความคิดด้วย เพราะว่าความคิดแม้ทำให้เกิดทุกข์ แต่ว่ามันก็สอนธรรมหรือแสดงธรรมให้เราเห็นได้ อย่างที่ท่านสอนว่าให้ดูจิต ดูจิตก็เห็นธรรม เห็นสัจธรรม ที่ความคิดหรืออารมณ์มันแสดงออก
เพราะฉะนั้น ความคิดนอกจากรู้ทัน ไม่ให้มันมารบกวนจิตใจแล้ว ท่านยังให้เอาความคิดนั้นมาใช้ประโยชน์ พิจารณามัน จนเห็นความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ใช่แค่เห็นรูปนามอย่างเดียว แต่ว่าลึกไปกว่านั้น ซึ่งเป็นกุญแจนำไปสู่ความพ้นทุกข์ได้ และวิธีการสอนของท่านก็เป็นวิธีลัดตรงที่หลายคนพบว่า มีอานิสงส์มาก
เพราะฉะนั้น แม้ว่าท่านจะจากไปนานแล้ว แต่ว่าคำสอน วิธีการสอนของท่าน ก็ยังมีคุณค่า มีชีวิตชีวาอยู่ ถ้าใครนำไปปฏิบัติก็จะเกิดประโยชน์ชนิดที่เรียกว่าสัมผัสได้ ประจักษ์ได้ด้วยตนเอง
- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 13 กันยายน 2564