พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 15 พฤษภาคม 2566
เดี๋ยวนี้ก็เป็นที่รู้ๆกันว่า ภัยที่คุกคามชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบัน ประการหนึ่งนั้นคือโรคหัวใจ หลายคนทั้งๆที่ยังอายุไม่มาก กำลังพูด กำลังคุย กำลังทำงาน กำลังเดินบนถนน อยู่ดีๆก็หมดสติแล้วก็เสียชีวิต บางทีตายคาที่ไปเลย ไม่ก็ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เดี๋ยวนี้เป็นกันมาก โดยเฉพาะในหมู่คนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดี แต่เดี๋ยวนี้ชาวบ้านในชนบทก็เป็นกันเยอะ
และเดี๋ยวนี้เราก็รู้แล้วนะว่า สาเหตุสำคัญของการเป็นโรคหัวใจคืออะไร อันหนึ่งก็คือการที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย นั่งๆนอนๆ อันนี้ไม่นับการกินอาหารที่ไม่ค่อยจะดูแลเอาใจใส่เท่าไหร่ เอาแต่รสชาติ แต่ว่าความรู้อย่างนี้ เราก็ไม่ใช่ว่าจะรู้มานานแล้วนะ มันเป็นสิ่งที่เราเพิ่งรู้ ถอยหลังไปสัก 70-80 ปีเมื่อคนเริ่มจะเป็นโรคหัวใจกันมากขึ้นจนล้มตาย อย่างในประเทศที่ร่ำรวยเช่นอเมริกา อังกฤษ ไม่มีใครรู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร
มีนักวิชาการที่ประเทศอังกฤษ ชื่อเจอร์รี่ เมอริส แกก็สังเกตว่า เดี๋ยวนี้คนอังกฤษตายเพราะโรคหัวใจกันเยอะมาก บางทีก็ตายคาที่เลยนะ แกก็สงสัยว่า อาจจะเป็นเพราะการใช้ชีวิตก็ได้โดยเฉพาะอาชีพการงานคือ อาชีพบางอาชีพไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเท่าไหร่ ไม่ค่อยได้ยืดเส้นยืดสาย เอาแต่นั่งอยู่บนโต๊ะ นั่งอยู่บนเก้าอี้ ทำงานนั่งโต๊ะ
แกก็อยากจะหาหลักฐานพิสูจน์ว่า มันจริงไหม ที่การไม่ออกกำลังกายมันทำให้คนเป็นโรคหัวใจกันมากขึ้น และการหาหลักฐานของแกก็น่าสนใจ ประเทศอังกฤษ มีรถโดยสาร 2 ชั้น รถเมล์ 2 ชั้น มีคนที่ เป็นกระเป๋ารถเมล์เก็บสตางต์ กับคนขับ คนขับจะนั่งอยู่บนรถ หลังพวงมาลัย แทบจะทั้งวันเลย 10% ของเวลาทำงาน คือนั่งอยู่หลังพวงมาลัยขับรถ ส่วนกระเป๋าจะเดินขึ้นเดินลงเพราะว่ารถมี 2 ชั้น เดินขึ้นเดินลงแล้วก็พาผู้โดยสารไปนั่งที่ แล้วก็เก็บเงินไปด้วยให้ตั๋วไปด้วย
แกก็อยากจะรู้ว่าคนสองกลุ่มนี้ เขามีการออกกำลังกายยืดเส้นยืดสายแค่ไหน แล้วเขาก็พบว่าอย่างที่บอก คนที่เป็นโชเฟอร์คือพนักงานขับรถนั้นนั่งเป็นส่วนใหญ่ แต่คนที่เป็นกระเป๋านั้น เดินขึ้นเดินลง แกก็ อุตส่าห์นับก้าว ว่ากระเป๋ารถเดินขึ้นเดินลงวันละกี่ก้าว เฉลี่ยแล้วก็ 575 ก้าว แสดงว่า กระเป๋ารถเมล์นี่ออกกำลังกายมากกว่า แล้วแกก็ไปสืบสาวว่า ในบรรดาคนที่เป็นโชเฟอร์ขับรถเมล์กับกระเป๋ารถเมล์ ที่ตายเพราะโรคหัวใจ มีใครเป็นโรคหัวใจมากกว่ากัน
ก็พบว่า คนที่ขับรถเมล์ตายด้วยโรคหัวใจเป็น 2 เท่าของกระเป๋ารถเมล์ เท่านั้นไม่พอ เขายังไปศึกษาดูว่าคนที่ขับรถกับกระเป๋ารถเมล์ ในแง่ของความอ้วน ต่างกันแค่ไหน และวิธีการของเขาก็น่าสนใจ เขา ไม่ได้ไปวัดรอบเอวของโชเฟอร์และกระเป๋ารถเมล์ แต่เขาดูจากกางเกงที่บริษัทมอบให้กับพนักงาน กางเกงก็จะให้ตามขนาดรอบเอวของพนักงาน เขาก็วัดรอบเอวกางเกงของคนขับรถ รอบเอวจะมากกว่ารอบเอวของกระเป๋ารถเมล์ แสดงว่าคนขับรถเมล์อ้วนกว่า และมีน้ำหนักมากกว่า
เขาก็ยังไม่สรุปทันที เขาไปศึกษาจากพนักงานไปรษณีย์ ซึ่งก็มีอยู่ 2 ประเภท คือประเภทนั่งโต๊ะกับประเภทนำจ่ายพัสดุไปรษณีย์ ก็พบข้อมูลคล้ายๆกันก็คือว่า พนักงานที่นั่งโต๊ะเป็นโรคหัวใจมากกว่าพนักงานที่จ่ายจดหมาย เขาก็เลยเขียนรายงานสรุปลงในวารสารการแพทย์ที่มีชื่อในอังกฤษเวลานั้น สรุปว่าสาเหตุของการเป็นโรคหัวใจในประเทศอังกฤษก็คือ การที่ใช้ชีวิตแบบนั่งๆนอนๆ หรือว่าทำงานแบบไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย
แล้วเขาก็เสนอว่าถ้าจะลดการเป็นโรคหัวใจ ก็ต้องออกกำลังกายให้มากขึ้น ขยับเขยื้อนเดินให้มากขึ้น ปรากฏว่าบทความชิ้นนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันมาก เพราะว่ามันสวนทางกับความเชื่อของนักวิชาการหรือ แพทย์ในเวลานั้น เพราะจำนวนมากถึงแม้ไม่รู้สาเหตุที่แท้ แต่คิดว่าโรคหัวใจมันน่าจะเกิดจากความดันความดันสูง และที่ความดันสูงเป็นเพราะอารมณ์ ความเครียด ความเจ้าอารมณ์ ไม่มีใครนึกถึงว่ามาจากการไม่ออกกำลังกาย แต่ว่าเจอรี่ มอริสบอกว่าเป็นเพราะไม่ออกกำลังกายถึงได้เป็นโรคหัวใจกันมากขึ้นถึงกับล้มตาย
ก็ไม่มีใครเชื่อหรือว่าเชื่อน้อยมาก เพราะว่ามันสวนทางกับข้อสรุปของผู้รู้ แต่ว่าเวลาผ่านไป มาถึงวันนี้ มันก็เป็นที่ยอมรับแล้วว่าโรคหัวใจมันสัมพันธ์กับการใช้ชีวิตหรือการทำงานที่ไม่ค่อยได้ยืดเส้นยืดสาย ออกกำลังกายเท่าไร เดี๋ยวนี้ความรู้ที่เรารู้ เป็นเรื่องที่เรารู้กันเป็นปกติธรรมดานั้น เราอาจจะไม่เคยคิดเลยว่า แต่ก่อนนี้มันเป็นความคิดที่ทวนกระแสมาก
ที่เขาสรุปออกมานั้นเป็นความจริง แต่คนไม่เชื่อ เพราะว่ามันสวนทางกับความเชื่อของผู้รู้ แต่ว่าเขามีหลักฐาน เขามีข้อเท็จจริง ซึ่งหลักฐานที่เขาหามานั้น เรียกว่าวิธีการเขาฉลาด ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีอะไรลึกซึ้ง ศึกษาเปรียบเทียบโชเฟอร์รถเมล์กับกระเป๋ารถเมล์ หรือว่าศึกษาเปรียบเทียบระหว่างพนักงานไปรษณีย์ที่นั่งโต๊ะกับพนักงานนำจ่ายไปรษณีย์ อันนี้เรียกว่ามีหัว มีความฉลาดในการหาหาข้อเท็จจริงมาสนับสนุน ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อสรุปที่ไม่ตรงกับผู้รู้ แต่เดี๋ยวนี้ก็เป็นที่ยอมรับ
เราก็ควรจะรับรู้เอาไว้ เพราะเดี๋ยวนี้เราใช้ชีวิตที่มันสะดวกสบายมากขึ้น ออกกำลังกายกันน้อยลง แม้กระทั่งพระเดี๋ยวนี้แต่เดิมเคยออกกำลังกายมาก ก็น้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะว่าชีวิตสะดวกสบายมากขึ้น สะดวกสบายมีข้อดีแต่ถ้ามากไปก็กลายเป็นโทษ