พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมเย็นวันที่ 16 เมษายน 2567
ถ้าเราสังเกตจากเรื่องราวต่างๆ ที่เราได้รับรู้ หรือข่าวสารที่เราได้ยินตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันจะมีเหตุการณ์จำพวกหนึ่งที่เกิดขึ้นอยู่เนืองๆ นั่นคือเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แล้วจู่ๆ ก็เกิดขึ้นมาแบบไม่ทันคาดคิดไม่คาดฝัน เช่น เหตุการณ์สึนามิเมื่อปี 2547 ใครจะคิดว่ามันจะเกิดขึ้นในเมืองไทย แต่ก่อนก็ได้ยินแต่ว่าเกิดขึ้นที่ญี่ปุ่น คำว่า “สึนามิ” ก็เป็นคำญี่ปุ่น
แต่แล้ววันดีคืนดีก็เกิดขึ้นที่เมืองไทย
ก่อนหน้านั้นไม่กี่ปีก็เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ต้มยำกุ้ง ฟองสบู่แตก ต้องลดค่าเงินบาท จาก 20 บาทต่อดอลล่าร์เป็นเกือบ 50 บาทต่อดอลล่าร์ สถาบันการเงินธนาคารต่างๆ ล้มละลาย ธุรกิจต่างๆ ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็พังทลาย ในชั่วเวลาไม่กี่เดือน แล้ว 3-4 ปีที่แล้วก็เกิดโควิดแพร่ระบาดทั้งโลก ใครจะคิดว่ามันจะมีการล็อกดาวน์เกิดขึ้นในเมืองไทย งดการเดินทาง การเคลื่อนไหว ย้ายภูมิลำเนา ปิดน่านฟ้า ไม่มีเครื่องบินขึ้นลงมันเป็นเวลา 3-4 เดือนเต็ม
แล้วยังไม่นับเหตุการณ์ต่างๆ ทางการเมือง อะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้นก็พลิกความคาดหวังหรือพลิกความเข้าใจของผู้คน มีมากมาย ยิ่งถ้าเรามองไปเหตุการณ์โลก อะไรต่ออะไรหลายอย่างที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด เช่น รัสเซียบุกรุกยูเครน หรือว่าผู้ก่อการร้ายฮามาสฆ่าผู้คนในอิสราเอล แล้วอิสราเอลก็ตอบโต้ทำสงครามถล่มกาซ่า 6-7 เดือน
พวกนี้มันก็เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเกิด เราพวกนี้ไม่ได้หมายถึงว่าเป็นคนไทย คนที่อยู่ในเหตุการณ์ หรือคนที่ได้รับผลกระทบเหตุการณ์นั้นเต็มๆ ก็ไม่คิดหรือไม่ทันตั้งตัว
ไม่ว่าวงการไหนก็จะมีเรื่องทำนองนี้ อย่างเช่นในวงการกีฬาบอล อันนี้ก็เห็นชัด ทีมเต็งหนึ่งวันดีคืนดีก็พลิกล็อค แพ้ทีมรองบ่อน จากเดิมที่เป็นตัวเต็งจะได้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกของอังกฤษ ตอนนี้อนาคตก็หม่นหมองไปเสียแล้ว
มันก็จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเนืองๆ ที่ไม่คาดคาดก็เกิดขึ้น หรือมองในระดับชีวิตของเรา มันก็จะมีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นแบบปุบปับ ไม่ทันคาดคิด คนที่เรารัก คนที่เรารู้จัก คนที่เราเคารพ เห็นหน้ากันหลัดๆ ตายเสียแล้ว กะทันหันมาก หรือว่าคนบางคนที่เราเคารพ พฤติกรรมพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ
หรือว่าคนที่เคยร่ำรวยมีหน้ามีตาในสังคมแต่ละวันหนึ่งก็ตกสวรรค์ หรือว่าเจอข่าวคราวที่ทำให้ตกต่ำย่ำแย่ ร่ำรวยมีอำนาจมั่ง แต่แล้ววันดีคืนก็ติดคุก ธุรกิจที่กำลังไปได้ดี แต่วันหนึ่งก็ล้มคว่ำคะมำหงาย
ทั้งหมดนี้มันบอกอะไรเราอย่างหนึ่ง คือว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ อันนี้คือความหมายหนึ่งของคำว่าอนิจจัง อนิจจังหรือกฏอนิจจัง คนไทยเราคุ้นเคย แปลว่าไม่เที่ยง อะไรๆ ก็ไม่เที่ยง อะไรๆ ก็ไม่แน่นอน ซึ่งก็หมายความว่าอะไรที่ไม่เคยเกิดก็เกิดขึ้นได้ อะไรไม่คาดคิดว่าจะเกิดก็เกิด อะไรที่ไม่ปรารถนา ไม่อยากให้เกิด มันก็เกิดขึ้นได้
อันนี้คือสิ่งที่เราควรจะสำเหนียกเอาไว้ว่าในโลก ในชีวิตนี้อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น สิ่งที่เราคิดว่ามันราบรื่น มันก็เคยราบรื่นอย่างนี้มาตลอด แต่ละวันหนึ่งมันก็กลับพลิกผัน สิ่งที่เราอยากจะเห็น อยากจะให้เกิด มันก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งแล้วครั้งเล่า แต่วันหนึ่งวันดีคืนดีมันก็กลับไม่เกิด แต่สิ่งที่เกิดกลับเป็นสิ่งที่เราไม่คาดคิดไม่คาดฝัน ไม่คาดหวังหรือว่าไม่ปรารถนาจะให้เกิด
บางทีคนสุขภาพดีแข็งแรง แต่ละวันหนึ่งก็เกิดเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตหรือหัวใจวายตาย นี่ก็เหมือนกัน อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นในขณะที่เรามีชีวิตที่ราบรื่นปกติ เราก็พึงระลึกอยู่เสมอว่า อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ สิ่งที่เราคาดหวังอยากให้เกิดอาจจะไม่เกิดก็ได้ ทั้งๆ ที่เคยเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
ส่วนสิ่งที่ไม่คาดหวัง ไม่คาดคิด ไม่ปรารถนาให้เกิด มันดันเกิดขึ้นมา เพราะฉะนั้นถ้าเราตระหนักอย่างนี้ ถึงเวลาที่มันเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดเราก็จะไม่ได้ตื่นตระหนก เราก็จะมีความพร้อมอยู่บ้าง ในการรับมือกับสิ่งนั้น สิ่งที่เคยเกิดขึ้นหรือสิ่งที่เป็นอยู่ในเวลานี้ในวันนี้ มันไม่ได้หมายความว่า วันหน้าหรือชั่วโมงหน้ามันจะเป็นอย่างวันนี้ตอนนี้
วันที่ท้องฟ้าแจ่มใส อากาศเย็นสบาย ทะเลสงบ แต่จู่ๆ มันก็เกิดคลื่นยักษ์ถล่มชายฝั่ง ถลำลึกเข้าไปในตัวเมืองถล่มเกาะทั้งเกาะพังพินาศ อันนี้คือเหตุการณ์สึนามิที่เกิดขึ้นเมื่อ 26 ธันวาปี 2547 มันไม่น่าเกิดขึ้นเลย ทะเลสงบ แล้วอากาศก็ดี แต่มันก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าอีก 1 ชั่วโมงหรืออีก 1 นาที จากสวรรค์ก็กลายเป็นนรก อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้
แต่ขณะเดียวกัน ในคืนหรือในวันที่ฟ้ามืดครึ้ม ทำท่าว่าฝนจะตก พายุกำลังเกิด แต่มันอาจจะไม่เกิดก็ได้ ประสบการณ์ที่เราเคยผ่านพบมันก็คงจะยืนยันตรงนี้ได้ว่า ในวันที่ดูเหมือนจะเกิดพายุใหญ่ มันเคยเกิดเกิดขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่คราวนี้มันกลับไม่เกิด ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อันนี้ก็เหมือนกัน มันก็เป็นไปตามกฎอนิจจังและหลักอนัตตาด้วย คือสิ่งต่างๆ นอกจากมันไม่เที่ยงแล้ว มันก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ แล้วมันก็ไม่ได้อยู่ในอำนาจการควบคุมของเรา หรือเป็นไปตามความคิดการคาดเดาของเรา เราคิดว่ามันจะเกิดพายุใหญ่แต่มันก็ไม่เกิด ทั้งๆ ที่ฟ้าก็มืด แถมมีลมแรง ฟ้าร้อง แต่ไม่เกิดพายุใหญ่
อันนี้แปลว่าอะไร แปลว่าสิ่งที่เราคาดคิดว่าจะเกิด อาจจะไม่เกิดก็ได้ ทุกวันนี้ก็มีเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ล้วนแต่เป็นเรื่องร้าย ๆ ที่ทำให้คนเกิดความวิตกกังวล เช่น ตอนนี้หลายคนก็กังวลว่าจะเกิดสงครามโลก เพราะว่ามีสงครามปะทุหรือระเบิดขึ้นมาหลายที่
ล่าสุดก็ตะวันออกกลาง คนก็ห่วงกังวลว่าเดี๋ยวอิหร่านกับอิสราเอลจะแลกหมัดกันตรงๆ จะซัดกัน ซึ่งจะลากเอาอเมริกาและรัสเซียเข้ามาร่วมวง เกิดสงครามโลก คนก็วิตกกัน และเกิดความรู้สึกหดหู่ แต่ว่ามันอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ เพราะในประสบการณ์ชีวิตของเรา มันก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราวิตกว่าจะเกิด แต่เอาเข้าจริงๆ มันก็ไม่เกิด ที่เคยคิดว่ามันจะรุนแรง แต่พอเกิดเกิดขึ้นจริงมันก็ไม่ได้รุนแรงอย่างที่คิด
อันนี้ก็น่าจะเป็นเครื่องเตือนใจเราได้ว่า สิ่งที่เราวิตกว่าจะเกิด อาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ หรือถึงเกิดก็ไม่รุนแรงอย่างที่เราวิตกหรือคาดคิด อันนี้รวมไปถึงเรื่องของชีวิตของเรา คนที่เรารัก การเรียน ธุรกิจการงานต่างๆ
ผู้คนเวลานี้มีความวิตกกังวลมาก วิตกว่าธุรกิจจะล้ม หรือสุขภาพจะแย่ หรือคนรักจะมีอันเป็นไป แต่สิ่งที่เรากลัวก็อาจจะไม่เกิดได้ อันนี้ก็เป็นเรื่องเดียวกับกฎอนิจจัง คือมันไม่ได้อยู่ในอำนาจของเรา และมันก็เป็นเรื่องเดียวกับที่เราต้องมาเตือนใจว่าอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้
ในยามที่เราสบาย ๆ เราก็ต้องเตือนใจในสิ่งที่เราไม่อยากให้เกิด อาจจะเกิดขึ้นได้ สิ่งที่เราไม่ปรารถนาจะให้เกิด อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่ในเวลาเดียวกัน ในยามที่เราเจอความทุกข์เข้ามาครอบงำ หรือว่าชีวิตทำท่าจะย่ำแย่ ก็ต้องเตือนตัวเองเหมือนกันว่าอะไรที่เราวิตก หรือคาดว่าจะเกิด อาจจะไม่เกิดก็ได้ หรือว่าถึงเกิด ก็ไม่รุนแรงอย่างที่เราวิตกวาดภาพเอาไว้
ในยามที่เราสุขสบาย ในยามที่อะไรต่ออะไรก็ราบรื่น เตือนตัวเองไว้หน่อยก็ดีว่าอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ หมายความว่าสิ่งที่เราไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้นได้ อันนี้เรียกว่าความไม่ประมาท วันนี้สุขภาพดีไม่ได้พรุ่งนี้จะแข็งแรง อาจจะเจอโรคร้ายร้ายที่เพิ่งตรวจพบก็ได้ ธุรกิจที่กำลังไปดี ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นอาจจะเจอกับการขาดทุนอย่างสาหัสก็ได้ เพราะอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ อันนี้เราเรียกว่าไม่ประมาท
เตือนใจเตือนเอาไว้ คนที่เรารักอยู่พร้อมหน้าในวันนี้ พรุ่งนี้เขาก็อาจจะจากเราไปก็ได้ เพราะอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ ถ้าเราเตือนตัวเองอย่างนี้ เขาเรียกว่าเรียกว่าไม่ประมาท แต่ขณะเดียวกัน เราก็ต้องระวัง ไม่ประมาทแล้ว แต่อย่าประสาท ประสาทนี้คือตกอยู่ในความวิตกกังวล จมอยู่กับการคิดปรุงแต่งไปในทางลบทางร้ายว่า ต้องแย่แน่ๆ เลย
ผลตรวจสุขภาพของเรา ซึ่งจะต้องไปฟังในวันพรุ่งนี้ คงจะออกมาไม่ดีหรือออกมาไม่ดีแน่ๆ เลย อาการของลูกเราซึ่งตอนนี้กำลังป่วย คงจะ ไม่มีทางรักษาให้หายได้ เพราะว่าแนวโน้มมันเป็นอย่างนั้น จากคำพยากรณ์วินิจฉัยของหมอ แต่เอาเข้าจริงๆ อาจจะไม่เกิดก็ได้หรืออาจจะไม่ร้ายอย่างที่เราคาดคิด แต่ถ้าเราประสาทเราก็จะเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เอาจริงเอาจังกับสิ่งที่ระแวง หรือกลัวว่ามันจะเกิด
คนจำนวนไม่น้อย จากความชะล่าใจ ก็เริ่มที่จะไม่ประมาท เกิดความระมัดระวัง แต่ถ้าไม่ระวังให้ดีมันจะกลายเป็นประสาท อย่างช่วงที่เกิดโควิด หลายคนก็ระมัดระวัง ไม่ประมาทว่าอาจจะติดเชื้อโควิดก็ได้ แต่บางทีอาการหนัก แทนที่จะไม่ประมาทกลายเป็นประสาท คือผวาง่ายมาก ใครมาอยู่ใกล้ก็ไม่ได้ กลัวเขาจะเอาเชื้อมาติด บางทีไม่มีเชื้อติด ไม่มีเชื้อเข้าร่างกายแต่ป่วย ป่วยเพราะอาการประสาท ประสาทคือวิตกกังวลมาก
เพราะฉะนั้นในยามที่เราเจอปัญหารุมล้อม มันก็มีแนวโน้มว่าเราจะมีความวิตกกังวล แต่เราก็ต้องเตือนตัวเองว่า มันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่เราคิดก็ได้ หรือมันอาจจะไม่เกิดก็ได้ เพราะในความจริงมันก็เกิดเหตุการณ์ทำนองนี้บ่อยครั้ง อาจจะไม่รุนแรง แต่มันก็มีให้เราได้เห็น เช่น รถติด ตายแน่ตกเครื่องบินแน่เลย เพราะคิดว่าตกเครื่องบิน มันเครียดหมดเลย หัวใจเต้นเร็ว แต่ปรากฏว่าในที่สุดก็ไปถึงสนามบินได้ทัน ไม่ตกเครื่องบิน
คิดว่าเป็นมะเร็ง แต่พอไปฟังผลไม่มีอะไร หรือกังวลว่าลูกจะสอบเข้าไม่ได้ เพราะลูกบอกว่าทำข้อสอบไม่ค่อยได้ คนเป็นแม่วิตกมาก สงสัยว่าลูกฉันสอบตกแน่ สอบเข้าไม่ได้ ปรากฏว่าสอบได้ ก็กลายเป็นว่าที่ทุกข์ตลอด 3-4 วัน หรือตลอดเดือนที่อยู่กับความคิดว่าเป็นมะเร็งแน่ หรือลูกสอบเข้าไม่ได้ กลายเป็นว่าตกนรกฟรี ๆ เพราะความคิดปรุงแต่ง เพราะความยึดติดกับความคิดปรุงแต่งและวิตกกังวล
เตือนตัวเองไว้หน่อยก็ดีว่า มันอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ เพราะมันยังเป็นอนาคต หรือถึงเกิดขึ้น ก็จะไม่เลวร้ายอย่างที่เรากลัว คนเรามักจะลืมไปว่าสิ่งที่เรากลัว สิ่งที่เราวิตก บางครั้งมันน่ากลัวน้อยกว่าความวิตกกังวล ความวิตกกังวลนี้มันทำร้ายเรายิ่งกว่าสิ่งที่เราวิตกกังวลเสียอีก
มีนักธุรกิจคนหนึ่งไปตรวจสุขภาพประจำปี แต่ปีนี้ตรวจละเอียดหน่อย ตรวจหัวใจละเอียดเลย ตรวจเสร็จหมอบอกว่าคุณหัวใจรั่ว พอได้ยินก็ตกใจ หน้าซีด เพราะหัวใจรั่วตามความเข้าใจคือ หัวใจมีรู แล้วพอหัวใจเต้น เลือดกระฉูดออกมา อย่างนี้ฉันก็ตายสิ ที่จริงหมอตั้งใจบอกว่าลิ้นหัวใจรั่ว แต่หมอพูดไม่หมด ลิ้นหัวใจรั่วนี้ไม่รุนแรงอะไร สามารถใช้ชีวิตปกติได้ เล่นกีฬา ออกกำลังกาย เล่นเทนนิสที่เขาเล่นเป็นประจำก็ได้ แต่ผู้ชายคนนี้เข้าใจว่าหัวใจรั่ว แล้ววาดภาพเอาไว้
ปรากฏว่ากลับไปบ้านก็ไม่มีแรง มือไม้อ่อนแรง เหมือนคนเป็นโรคหัวใจจริงๆ หรือหนักกว่านั้นอีก กินไม่ได้ นอนไม่หลับ สองวันต่อมาก็เข้าโรงพยาบาล วันรุ่งขึ้นก็เข้าห้องไอซียู เพราะหัวใจมันอ่อนล้ามาก สุดท้ายเข้าไปแล้วไม่ออกมาอีกเลย
ที่จริงลิ้นหัวใจรั่วแบบที่เกิดขึ้นกับผู้ชายคนนี้ แกสามารถเล่นเทนนิสได้ แกไม่ได้ตายเพราะลิ้นหัวใจรั่ว แกตายเพราะความวิตกกังวล ความวิตกกังวลนี้มันทำร้ายเรายิ่งกว่าสิ่งที่เราวิตกกังวลเสียอีก เพราะเวลาเราวิตกกังวลอะไรขึ้นมา มันมีผลต่อหัวใจมีผลต่อร่างกาย มันไม่ใช่แค่ทำให้หัวใจเต้นเร็วหรือทำให้ความดันขึ้น แต่มันยังทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันในเส้นเลือดหัวใจ ทำให้หัวใจวายตายได้
บางทีสิ่งที่เราวิตกกังวลก็ไม่ใช่เรื่องอะไร ก็เป็นเรื่องที่เราแต่งขึ้นมาเองทั้งนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆไม่ได้น่ากลัว แต่มาปรุงแต่งและขยายความสร้างภาพให้รุนแรงขึ้น ก็ทำให้เกิดความเจ็บป่วยจริงๆ บางคนเดินกลางแดดไม่มีอะไรเท่าไหร่ แต่พอคิดว่าเดินกลางแดดแล้วต้องเป็นไข้ ต้องปวดหัว ปรากฏว่าเป็นจริงๆ ไม่ใช่ความร้อนของแดด แต่เป็นเพราะความวิตกกังวล
วิตกกังวลเรื่องอะไร หรือวิตกกังวลว่าจะเป็นอะไร มันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่สิ่งที่เจอที่ประสบนี้เล็กน้อยมาก แต่สิ่งที่วิตกกังวลในใจต่างหากที่มันทำร้ายเรา เพราะฉะนั้นอะไรที่มันยังไม่เกิดขึ้นก็อย่าไปวิตกกังวลมาก เราเตรียมใจเผื่อไว้ว่าอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ แต่ก็ไปเอาจริงเอาจังกับมันจนกระทั่งเกิดความวิตกกังวลอย่างหนัก
อะไรที่ยังไม่เกิด อย่าพึ่งไปวิตกกังวลกับมัน เพราะว่ามันอาจจะไม่เกิดก็ได้ หรืออาจจะไม่รุนแรงอย่างที่คิดก็ได้ อันนี้เป็นข้อเตือนใจสำหรับคนที่กำลังอยู่ในความทุกข์ หรือกำลังอยู่ในเหตุการณ์ที่ชวนให้ทุกข์ แต่ถ้าใครมีชีวิตที่ราบรื่นปกติ เตือนใจไว้หน่อยก็ดี ว่าอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ หมายถึงสิ่งที่ไม่คาดคิด สิ่งที่ไม่ปรารถนาก็เกิดขึ้นได้
ถ้าทำได้สองอย่างนี้ก็จะช่วยทำให้การวางจิตวางใจของเราอยู่ในสภาวะจิตที่สมดุล เจอทุกข์ก็เตรียมตัวรับมือไว้แล้ว แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ประสาทจนกระทั่งความวิตกกังวลมาเล่นงานเราเสียย่ำแย่.