พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 25 พฤษภาคม 2568
มีชายหนุ่มชาวแคนาดาคนหนึ่งว่างงาน ไม่มีงานทำ และต้องอาศัยบ้านคนอื่นอยู่ เรียกว่าชีวิตดูต่ำต้อย แต่วันหนึ่งเผอิญเขาเห็นคลิปหนีบกระดาษสีแดงอยู่บนโต๊ะ เลยเกิดความคิดว่า เราน่าจะเอาคลิปสีแดงไปต่อยอดเป็นต้นทุน เพื่อจะได้มีบ้านอยู่เป็นของตัวเอง
ดูเป็นความฝันฟุ้ง คลิปหนีบกระดาษจะเปลี่ยนให้กลายเป็นบ้านหนึ่งหลังได้อย่างไร ใช่แต่เท่านั้น ยังตั้งใจว่าจะทำให้ได้ภายใน 1 ปี
แล้วเชื่อไหม เขาทำได้ จากคลิปหนีบกระดาษสีแดงเล็ก ๆ 1 อัน ราคาไม่กี่บาท เขาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ไม่ได้ขาย แต่แลกเปลี่ยน จนสุดท้ายได้บ้าน 2 ชั้นที่แคนาดาเป็นของตัวเอง บ้านราคาแพง และเขาสามารถทำสำเร็จได้ภายใน 1 ปี เขาทำอย่างไร
ทีแรกเขาประกาศในเว็บไซต์แห่งหนึ่ง บอกว่า เขามีคลิปสีแดง ใครอยากได้ ก็เอาอะไรมาแลกเปลี่ยน มีคนเสนอปากการูปปลา เขาตกลง เขาได้ปากการูปปลา แล้วเขาไปแลกเปลี่ยนเป็นลูกบิดประตูหน้าตาแปลก ๆ ต่อมาก็เอาลูกบิดประตูไปแลกเปลี่ยนเป็นเตาแคมป์ปิ้ง และเปลี่ยนจากเตาแคมป์ปิ้งมาเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ตอนหลังเขาใช้วิธีเจรจา ไม่ได้ประกาศทางเว็บไซต์แล้ว
ของจากคลิปสีแดงกลายเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ก็ไม่ใชย่อยแล้ว แต่เขาไม่หยุดแค่นั้น เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งได้สกู๊ตเตอร์หิมะมา และตอนหลังเปลี่ยนมาเป็นตั๋วไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติสำหรับ 2 คน และเปลี่ยนตั๋วให้กลายเป็นของที่มีค่าอย่างอื่นอีก
เขาทำอย่างนี้ 14 ครั้งในเวลาไม่ถึงปี อีกอาทิตย์เดียวจะครบปี เขาก็ได้บ้านมา 1 หลัง เขาได้บ้านมาอย่างไร เขาได้บ้านจากการแลก แลกอะไร ไม่ใช่ของ แต่ว่าแลกบทแสดงในหนังโทรทัศน์เรื่องหนึ่ง คนที่อยากได้บทนี้เขายอมที่จะให้บ้าน 1 หลัง
บทที่แสดงหนังเขาได้มาอย่างไร เขาได้จากการแลกเปลี่ยน จากการที่ได้มีสิทธิ์ไปสนทนากับดารานักร้องดังคนหนึ่งชื่อ อลิซ คูเปอร์ ตลอดบ่าย ฝรั่งเขามีแบบนี้ มีสิทธิ์ที่จะได้สนทนากับดารา 1 บ่าย ก็เอาสิทธิ์นี้มาแลกเป็นการได้บทแสดงหนังโทรทัศน์ และเอาบทแสดงหนังโทรทัศน์ไปแลกจนได้บ้าน 1 หลัง
ถามว่าการที่เขาได้สิทธิ์ไปอยู่กับดาราชื่อ อลิซ คูเปอร์ 1 บ่ายนี้ เขาได้มาอย่างไร เขาแลกจากการที่มีสิทธิ์เช่าบ้านแห่งหนึ่งในอเมริกา 1 ปี และสิทธิ์เช่าบ้านเขาได้มาอย่างไร เขาได้จากการที่ไปแลกสัญญาอัดแผ่นเสียงของบริษัทเล็ก ๆ บริษัทหนึ่ง
คือเขาเริ่มต้นจากคลิปหนีบกระดาษสีแดง สุดท้ายได้บ้านมา 1 หลัง และนี่เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เป็นเรื่องที่แต่งเอา เพราะว่าเขาบันทึกประสบการณ์ของเขาในการแลกเปลี่ยน 14 ครั้งในเว็บไซต์ และในหนังสือ หนังสือเขาก็ขายดี
เรื่องนี้ดูน่าทึ่ง แต่มันชี้ให้เห็นว่า คนเราจะหวังพึ่งโชคอย่างเดียวคงไม่ได้ ที่เขาได้บ้านมา 1 หลัง ไม่ใช่เพราะโชค โชคอาจจะมีส่วนเล็กน้อย แต่ว่าเป็นเพราะความเพียรพยายาม เขาต้องไปเจรจาพูดคุยต่อรอง สำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง และต้องใช้ปัญญาด้วย ในการพูดให้คนอยากได้ของที่เขามีอยู่ เรียกว่าเป็นแบบอย่างของความเพียรพยายาม ไม่ใช่อาศัยโชค
และมันยังชี้ให้เห็นว่า ของเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่าไปดูแคลน มันสามารถจะเป็นสะพานหรือช่วยต่อยอดให้เราได้สิ่งที่มีค่า เรียกว่าเทียบกันไม่ได้เลย แต่ละสิ่งแต่ละอย่าง แม้ดูเล็กน้อย อย่างคลิปหนีบกระดาษ มันเปลี่ยนเป็นบ้าน 1 หลังได้ ถ้ามีความเพียร มีปัญญา
เช่นเดียวกัน สิ่งที่เป็นนามธรรม แม้จะเล็กน้อย อย่าดูแคลน ยกตัวอย่างเช่น ความรู้สึกตัว
เรารู้สึกตัวในแต่ละขณะ ๆ ขณะที่กินข้าว ขณะที่อาบน้ำ ขณะที่ถูฟัน ขณะที่กวาดบ้าน ความรู้สึกตัวแต่ละขณะที่ดูเหมือน ๆ มีค่าไม่มากเท่าไร ดูจิ๊บจ๊อย ไม่เหมือนคุณวิเศษอย่างอื่นที่ดูยิ่งใหญ่ แต่ถ้าหากว่าเราไม่ดูแคลน เราก็ทำไปเรื่อย ๆ สะสมไปเรื่อย ๆ จากความรู้สึกตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ กลายเป็นความรู้สึกตัวที่ต่อเนื่อง จากสติทีละขณะ ๆ กลายเป็นมหาสติ มันจะมีอานิสงส์มาก สามารถช่วยชีวิตเราได้ด้วยซ้ำ
ถ้าเกิดมีไฟไหม้ขึ้นมาในห้องประชุม คนที่ไม่มีสติวิ่งหนี เหยียบกันตาย ไม่ได้ตายเพราะไฟหรือควันไฟ ตายเพราะเหยียบกันตาย แต่คนที่มีสติเขาจะไม่ตื่นตกใจ เขาจะรอจนกระทั่งเห็นทางออกหนีไฟ ซึ่งตอนนั้นคงจะปลอดโปร่งคนแล้ว เดินออกจากห้องประชุมนั้นได้ปลอดภัย
อันนี้เพราะอะไร เพราะมีสติ เป็นสติที่เกิดจากการสะสมมาวันแล้ววันเล่า ขณะแล้วขณะเล่า ถึงเวลา สติที่สะสมเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่อเนื่องกลายเป็นมหาสติ มันช่วยชีวิตเราได้
เช่นเดียวกันกับการทำความดี ความดีแม้ดูเล็กน้อย แต่ว่าถ้าเราทำทุกวัน ๆ มันมีอานุภาพมาก อาจช่วยชีวิตเราได้เหมือนกัน
มีผู้หญิงคนหนึ่ง เธอไปทำงานทุกวันที่โรงงานแพ็คปลาเพื่อส่งไปตามห้างสรรพสินค้า ทุกเช้าเวลาเธอเจอพนักงาน รปภ. ที่หน้าประตูหน้าโรงงาน เธอทักทายยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่มีคนอื่นทำ แต่เธอทำ ถึงเวลากลับบ้าน เธอก็ยิ้มทักทาย รปภ.คนนั้น ทำอย่างนี้อยู่เป็นปี
วันหนึ่งเธอบังเอิญติดอยู่ในห้องเก็บปลา เป็นห้องแช่แข็ง เปิดออกไม่ได้ และเข้าไปตอนที่ใกล้จะเลิกงานแล้ว ไม่มีใครรู้ กว่าจะรู้อย่างเร็วคงจะรุ่งเช้า หมายความว่าเธอต้องอยู่ในห้องแช่แข็งหลายชั่วโมง อุณหภูมิต่ำกว่าศูนย์ มีโอกาสที่จะแช่แข็งก่อนที่คนจะรู้ แต่ว่าประมาณ 3-4 ทุ่ม เกือบจะตายอยู่แล้ว มีคนมาเปิดประตูห้องแช่แข็ง
คนที่เปิดคือพนักงาน รปภ. คนนั้นแหละ เขามาเปิดเพราะอะไร เพราะว่าทุกเย็นเขารู้ว่าจะมีผู้หญิงคนนี้มาทักทายเขา แต่เย็นวันนั้นไม่มีการทักทายจากผู้หญิงคนนี้ เพราะว่าเธอไม่ได้เดินออกไป มาทำงานตอนเช้าก็จริง แต่ว่าตอนเย็นไม่เห็นออกไป ไม่กลับบ้าน แปลกใจ แสดงว่าต้องมีอะไรบางอย่าง เลยทำการตรวจค้นตามหา และไปเปิดห้องแช่แข็ง รอดตาย
มีนักนักข่าวไปถามว่า ทำไมถึงไปเฉลียวใจตามหาผู้หญิงคนนี้ เขาบอกว่า ทุกเช้าทุกเย็นเธอจะทักทายผม ไม่มีคนอื่นทักทายผมเลย มีคนนี้แหละ แต่ว่าเย็นวันนี้เธอหายไป ผมเลยสงสัย เลยตาม อันนี้เป็นอานิสงส์ของการที่เธอมีน้ำใจกับ รปภ. คนนั้น แม้สิ่งที่เธอทำจะเล็กจะน้อย แต่ว่าพอนานวันเข้ามันมีค่า
ฉะนั้น ความดีแม้เพียงเล็กน้อย อย่าไปดูแคลน เหมือนกับคลิปหนีบกระดาษ แม้จะเล็กน้อย แต่ว่ามันสามารถจะแปรกลายเป็นบ้าน 2 ชั้นราคาแพงได้.