พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 20 มิถุนายน 2568
มีหญิงฝรั่งคนหนึ่งเธอเลี้ยงหมาไว้ตัวหนึ่ง ทั้งบ้านก็มีแต่คนกับหมานี่แหละ เธอเลี้ยงหมาตัวนี้เหมือนกับลูกเลย นอนในห้องเดียวกับเธอ เผลอๆก็ให้นอนบนเตียงเดียวกันด้วย ไปไหนมาไหนเธอก็ให้หมาตัวนี้ไปด้วย นั่งรถไปด้วยกัน หมาก็นั่งเบาะหน้าข้างๆเธอ แล้วหมาก็รู้เวลาเธอขึ้นรถ หมาก็จะเตรียมกระโดดขึ้นรถไปด้วยเพราะว่าสนิทกับผู้หญิงคนนี้มาก สมมติหมาตัวนี้ชื่อบ๊อบก็แล้วกัน
วันหนึ่งผู้หญิงคนนี้ก็จะไปธุระโดยจะแวะที่สวนแห่งหนึ่งเป็นสวนสาธารณะ บ็อบก็ขึ้นรถไปด้วย แต่พอเจ้าของจอดที่สวนแล้วเธอก็ลงไปคนเดียวไม่ได้ให้บ๊อบลงไปด้วย เพราะเธอตั้งใจจะไปทำธุระประเดี๋ยวเดียว อีกอย่างหนึ่งในบริเวณนั้นก็มีหมาหลายตัวที่เจ้าของพามา ฝรั่งเขาชอบพาหมาไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ และเธอกลัวว่า บ๊อบจะเพลินกับการเล่นกับหมาตัวอื่นๆ เดี๋ยวจะตามหาลำบาก เพราะว่าเธอยังมีนัดอีกที่หนึ่ง
เพราะฉะนั้นเธอลงจากรถ ไม่ให้บ๊อบลงจากรถด้วย บ็อบพยายามจะลงไปให้ได้แต่เธอก็ไม่ยอม บ๊อบโมโหมากถึงกับล็อคประตูรถเลย แล้วก็เลื่อนกระจกหน้ารถขึ้นมา หมานี่เขารู้ว่าปุ่มไหนทำหน้าที่อะไร โกรธเจ้านายก็เลยล็อคประตูรถ
เจ้านายทำธุระเสร็จปรากฏว่าขึ้นรถไม่ได้เพราะกุญแจก็อยู่ในรถ ก็เรียกให้บ๊อบเลื่อนกระจกหน้าต่างลง บ๊อบไม่ยอม โมโหเจ้านาย เจ้าของจะขอร้องบ๊อบอย่างไรว่าให้ลดกระจกหน้าต่างก็ไม่ยอม พอเปิดประตูรถไม่ได้ เจ้าของทำอย่างไรให้บ็อบลดกระจกหน้าต่างลงเพื่อจะเปิดประตูรถได้ เพราะว่ามีนัดสำคัญด้วย เธอทำอย่างไร
เธอก็ไปคว้าเอาหมาอีกตัวหนึ่งของใครก็ไม่รู้ที่มาเที่ยวสวนสาธารณะ คว้ามันขึ้นมาอุ้มให้บ๊อบดู ตรงหน้าต่างรถ บ็อบเห็น ปรากฏว่าได้ผลเลย บ๊อบรีบกดลดกระจกหน้าต่างลงเลย แล้วก็เห่า เพราะอะไร เพราะว่าอิจฉา อิจฉาเจ้านายจะปันใจให้หมาตัวอื่นแล้วหรือนี่ ก็เลยรีบลดกระจกหน้าต่างลงเลย
เจ้าของเห็นก็หัวเราะเลยแล้วก็บอกมาว่า เปล่าหรอก แกล้ง แล้วก็คืนหมาตัวนั้นให้เจ้าของ บ๊อบก็สบายใจยอมให้เจ้าของนั่งรถและขับต่อไปได้
หมาก็มีความอิจฉา มีความหึงหวง เหมือนกัน เวลาเจ้านายไปแสดงความรักหมาตัวอื่นเขาก็จะไม่พอใจ ที่โกรธก็เปลี่ยนไปเป็นความน้อยใจหรือกลายเป็นความหึงหวงขึ้นมาทันที หมาเขาก็มีจิตใจ หึงหวงเป็นเหมือนกัน นี่ขนาดหมานับประสาอะไรกับคน แล้วบางทีคนเราหึงหวงยิ่งกว่านั้น ความหึงหวงนี่สามารถทำให้คนเราทำอะไรที่ไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้
มีผู้หญิงคนหนึ่งอายุเกือบ 60 แล้ว 50 กว่า ไปงานเลี้ยงกับสามี เป็นงานเลี้ยงงานแต่งงานหรืออะไรไม่ทราบ แล้วก็มีลูกชายซึ่งเป็นหนุ่มแล้วไปด้วย พอไปงานเลี้ยง จู่ๆโรคประจำตัวของผู้หญิงคนนี้ก็กำเริบ เธอเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง และอาจจะกินไวน์กินเหล้าเข้าไป มันจึงกำเริบ หมดสติไปเลย เรียกเท่าไหร่ๆก็ไม่ฟื้น ต้องพาไปโรงพยาบาล
ไปถึงโรงพยาบาลแล้วเข้าห้องฉุกเฉินหมอพยายามทำอย่างไรๆก็ไม่ฟื้น ลูกชายทำอย่างไร ลูกชายบอกกับแม่ว่า แม่ต้องฟื้นเพราะพ่อกำลังจะพาผู้หญิงอื่นไปเที่ยว เท่านี้แหละแม่ลืมตาเลย รู้สึกตัวขึ้นมาเลย เพราะว่าเธอนี่หวงสามี สามีจะไปเที่ยวเธอยอมไม่ได้ โดยเฉพาะไปเที่ยวกับผู้หญิงคนอื่น
เรื่องนี้ก็แสดงว่า คนที่เหมือนโคม่านั้นจริงๆแล้วเขาได้ยิน เขาเห็นด้วย อยู่ที่ว่าเขาจะฟื้นหรือเขาจะลืมตาขึ้นมาหรือเปล่า บางทีเขาก็อาจจะไม่มีเรี่ยวไม่มีแรงที่จะลืมตาหรือจะฟื้นขึ้นมาก็ได้ แต่พอมีตัวกระตุ้น กระตุ้นให้เกิดความหึงหวงขึ้นมา
อย่างลูกชายคนนี้ก็รู้จักแม่ดี พอพูดให้แม่เกิดความหึงหวงขึ้นมา ความหึงหวงก็ทำให้ผู้หญิงคนนี้มีเรี่ยวมีแรงฟื้นขึ้นมาเลย ความหึงหวงหรือความอิจฉานี่ก็มีประโยชน์เหมือนกันถ้าเรารู้จักใช้ ลูกชายคนนี้ก็รู้ว่าถ้ากระตุ้นความหึงหวงให้เกิดขึ้นในใจแม่แล้วแม่ก็จะฟื้นขึ้นมาได้ และก็ได้ผลด้วย
เรื่องนี้แสดงว่าคนที่เขาเหมือนกับหมดสติหรือบางทีโคม่านั้นไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้ยิน ไม่ใช่ว่าเขาไม่เห็น เขาเห็นเขาได้ยิน แต่อยู่ที่ว่าเขาจะมีเรี่ยวแรง หรือมีความตั้งใจที่จะฟื้นหรือตื่นขึ้นมาหรือเปล่า
อาตมาเคยไปเยี่ยมผู้ป่วยที่ไม่รู้จัก แต่ลูกบอกว่าแม่ป่วยมานอนพักที่โรงพยาบาลเป็น 10 วันแล้วไม่ฟื้นเลย ไม่ตื่น ไม่ลืมตา ไม่ตอบสนอง ต่อมาอาตมามีกิจไปโรงพยาบาลนั้นอีก ก็เลยถือโอกาสแวะไปเยี่ยม พอไปเยี่ยมก็แนะนำตัวว่าเป็นพระมา พูดไม่ทันไรแกลืมตาขึ้นมาเลย
ลืมตาขึ้นมาแล้วก็สนทนาตามประสาคนป่วย แสดงว่าอะไร แสดงว่าแกรู้ ใครมาหาแกก็รู้ แต่ว่าถ้าเป็นคนอื่นอาจจะไม่สนใจ แต่พอเป็นพระ ความที่เจ้าตัวเป็นคนที่มีศรัทธาในบุญกุศล เป็นคนใกล้วัดมีศรัทธาในพระ พอเห็นพระมาก็ฟื้นขึ้นมาทันที แต่มันก็แล้วแต่คน ไม่ใช่ว่าเห็นพระแล้วทุกรายก็จะฟื้นหรือจะลืมตาขึ้นมาสนทนาได้
อย่างมีคุณยายคนหนึ่งแกมีหลานเป็นทหารชั้นประทวน ตอนหลังก็ได้ชั้นสัญญาบัตร เป็นทหารอากาศ ก็มีการติดยศ มีการให้เหรียญ ติดยศ คุณยายแกป่วยอยู่แล้ว แกก็รอวันที่หลานจะได้ติดยศ แต่ปรากฏว่าพิธีติดยศนั้นมันเลื่อนเพราะช่วงนั้นมีรัฐประหารปี 57 แล้วก็ไม่มีกำหนดว่าจะให้เหรียญติดยศเมื่อไหร่
ในที่สุดคุณยายก็เหมือนกับหลับไปเลยเพราะแกป่วยหนัก เหมือนโคม่า ไม่ฟื้น ไม่ตอบสนอง ไม่พูดไม่คุยกับใคร จนกระทั่งผ่านไปหลายเดือนหลานก็ได้ติดยศ พอติดยศเสร็จหลานรีบมาที่โรงพยาบาล มาบอกยายว่าผมได้ติดยศแล้ว เท่านั้นแหละยายตื่นลืมตาขึ้นมาเลย แล้วก็เอามือลูบหัวหลานด้วยความรัก ด้วยความเอ็นดู
นี่แสดงว่าอะไร แสดงว่าแกรู้ แกได้ยิน แม้จะโคม่าแต่ได้ยิน แล้วพอมีอะไรบางอย่างที่มากระตุ้น เช่น ความสมหวัง ความยินดี ความดีใจ ก็ฟื้นขึ้นมาทันที เพราะฉะนั้นคนที่เขานอนติดเตียงไม่รู้สึกตัวหรือแม้อาการโคม่าอย่าคิดว่าเขาไม่รู้อะไร เขายังสามารถได้เห็น ได้ยิน เพียงแต่เขาจะมีกำลังที่จะลืมตาหรือฟื้นขึ้นมาหรือเปล่า
และกำลังส่วนนั้นก็เกิดจากการกระตุ้นของคนที่อยู่รอบข้างด้วย ถ้ากระตุ้นถูก โดนใจเขา เขาก็จะฟื้นขึ้นมาได้เหมือนกัน อันนี้ก็เป็นเรื่องที่เราควรจะรับรู้เอาไว้.