PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
  • พระมีข้อคิดอะไรให้คนอยากรวย
พระมีข้อคิดอะไรให้คนอยากรวย รูปภาพ 1
  • Title
    พระมีข้อคิดอะไรให้คนอยากรวย
  • เสียง
  • 13982 พระมีข้อคิดอะไรให้คนอยากรวย /aj-visalo/2025-07-01-09-13-15.html
    Click to subscribe
    • Share
    • Tweet
    • Email
    • Share
    • Share

ผู้ให้ธรรม
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันอังคาร, 01 กรกฎาคม 2568
ชุด
ธรรมะสั้นๆ ก่อนอาหารเช้า 2568
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 24 มิถุนายน 2568

    วันสองวันที่ผ่านมา มีคำพูดของนักเรียนมัธยมคนหนึ่งเป็นวัยรุ่น คำพูดนี้แพร่หลายไปตามอินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย เพราะว่านักเรียนคนนี้พูดตรง บอกว่า "ถ้าเราอยากมีรถ มีบ้าน มีชื่อเสียง ทำไมเราต้องฟังพระด้วย ในเมื่อพระไม่มีอะไรเลย"  หลายคนได้ยินคำพูดแบบนี้แล้วไม่พอใจ ไม่ใช่เฉพาะพระอย่างเดียว อาจจะรวมถึงพ่อแม่ด้วย เพราะคำถามที่ว่านี้คลุมไปถึงพ่อแม่ ถ้าเราอยากมีเงิน มีบ้าน มีชื่อเสียง ทำไมเราต้องฟังพ่อแม่ด้วย ในเมื่อพ่อแม่ไม่มีอะไรเลย หรือว่าไม่มีอย่างที่ตัวเองอยากจะมี ผู้ใหญ่หลายคนได้ยินแล้วไม่พอใจ อาจจะกล่าวหาเด็กคนนี้ว่า ไม่มีสัมมาคารวะ ไม่มีธรรมะ อยากดัง อยากเท่

    ที่จริงคำพูดของนักเรียนคนนี้ควรที่เราจะรับฟัง ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ เป็นผู้ใหญ่ หรือว่าเป็นพระ เพราะว่าเป็นคำพูดที่ตรงดี และคงจะออกมาแทนใจของคนหนุ่มสาวจำนวนไม่น้อย แล้วไม่ใช่เฉพาะหนุ่มสาวอย่างเดียว รวมถึงคนทั่วไปด้วย ที่จริงประโยคนี้มาจากการโต้วาทีที่ว่า พระ กับ อินฟลูเอนเซอร์ เราควรฟังข้อคิดของใครมากกว่ากัน เพราะฉะนั้นธรรมดาของการโต้วาที ฝ่ายค้านต้องแย้ง เด็กคนนี้คือ น้ำอิง เธอเป็นฝ่ายค้าน เธอเลยตั้งคำถามที่ว่านี้ขึ้นมา แต่ใครไม่รู้อาจจะโกรธคนพูดว่า ทำไม พูดแบบนี้ได้อย่างไร ที่จริงควรจะฟังเขามากกว่า เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจของวัยรุ่นหลายคน อยู่ที่ว่าเขาจะพูดหรือไม่ แต่ว่านักเรียนคนนี้กล้าพูด ซึ่งอันนี้ต้องชมที่กล้าพูด แม้จะเป็นรายการโต้วาทีก็ตาม

    ทีนี้ นอกจากรับฟังแล้ว ควรถามตัวเองด้วย หมายถึงผู้ใหญ่และพระ ว่าเราตอบคำถามนี้ได้ไหม ถ้าคนอยากมีบ้าน อยากมีรถ อยากมีชื่อเสียง ทำไมต้องฟังพระด้วย ในเมื่อพระไม่มีอะไรเลย ถ้าเราตอบไม่ได้ แสดงว่าเราไม่เข้าใจว่า เราปฏิบัติธรรมหรือเรานับถือพุทธศาสนาไปทำไม แต่ถ้าเราตอบได้ มันก็ช่วยทำให้เราเข้าใจว่า พุทธศาสนามีคุณค่ากับเราอย่างไร และเราจะแนะนำประโยชน์หรือคุณค่าเหล่านี้ให้กับคนทั่วไปได้อย่างไร โดยเฉพาะวัยรุ่นคนหนุ่มสาว

    พระหลายรูปไม่มีคำตอบกับคำถามที่ว่านี้ แต่บางคนบอกว่ามี คำตอบคือว่า ควรจะฟังพระ เพราะว่าพระสามารถให้หวย ทำให้รวยเบอร์ได้ ถ้าเชื่อฟังพระ เดี๋ยวก็รวยเอง เพราะว่าพระให้หวย คำตอบแบบนี้จะว่าไปก็ไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะว่ามันก่อปัญหาเยอะ เล่นหวยแล้วอาจจะถูกกินก็ได้ ไม่ใช่ถูกหวย ส่วนใหญ่ก็ถูกกินทั้งนั้น ชีวิตไม่ได้ดีขึ้นเลยจากการเล่นหวย และอีกอย่างหนึ่งคือว่า คำสอนของพุทธศาสนาที่พระควรจะสอนบอกญาติโยมคือ พุทธศาสนาท่านไม่ได้สอนให้หวังพึ่งลาภ รอคอยโชค แต่ให้พึ่งความเพียรของตัวเอง อันนี้คือสิ่งที่พระสามารถแนะนำคนที่อยากรวย อยากมีชื่อเสียง อยากมีบ้านว่า ให้พึ่งความเพียรของตัวเอง พระพุทธเจ้าก็สอนเรื่องความขยันหมั่นเพียร การรู้จักอดออม เก็บหอมรอมริบ ไม่หลงติดอยู่ในอบายมุข และการพนัน ความสำเร็จทางโลก พระก็สอน พระพุทธเจ้าก็สอน เพราะฉะนั้นถ้าอยากรวย อยากมีบ้าน อยากมีชื่อเสียง ต้องมีความเพียร รู้จักเก็บหอมรอมริบ

    ที่สำคัญคือ ต้องตระหนักว่า การมีบ้าน ความร่ำรวย มันไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต ชีวิตเราต้องการมีสุขภาพที่ดี มีครอบครัว มีมิตรภาพด้วย

    หลายคนได้บ้าน ได้ที่ดิน รวยมหาศาล แต่ป่วยเป็นโรคประสาท นอนไม่หลับ ครอบครัวแตกแยก ลูกหันหลังให้พ่อ ลูกไม่พูดกับแม่ และไม่มีเพื่อนเลย เพราะว่าเอาเปรียบคนอื่น มีแต่พวก อย่างนี้เป็นชีวิตที่พึงปรารถนาหรือเปล่า เพราะฉะนั้นถ้าจะหวังรวย หวังมีบ้าน หวังมีชื่อเสียง อย่าลืมว่า เรายังมีอย่างอื่นที่ต้องใส่ใจด้วย อย่าทุ่มเทแต่หาเงิน ทำงาน เพื่อมีบ้าน มีชื่อเสียง แต่สุขภาพย่ำแย่ ครอบครัวแตกแยก ขาดเพื่อน ไม่มีใครเอา ชีวิตแบบนี้ไม่ดีแน่ อันนี้คือสิ่งที่พระสามารถสอนให้กับญาติโยมได้

    และที่สำคัญคือว่า เมื่ออยากได้บ้าน อยากได้รถ อยากมีชื่อเสียง ทำอย่างไรจึงได้มาโดยไม่ก่อทุกข์ให้ตนเองหรือสร้างปัญหาให้แก่ผู้อื่น คำตอบคือ ต้องแสวงหาบ้าน ที่ดินด้วยวิธีการที่ถูกต้อง คือมีศีลนั่นเอง อย่างน้อยก็ศีล 5 เพราะถ้ามีศีล 5 ก็ช่วยทำให้ไม่ไปก่อทุกข์แก่ตัวเอง และไม่ไปสร้างปัญหาให้กับคนอื่น เพราะถ้าทุจริตคอร์รัปชัน หรือว่าไปโกหกหลอกลวงเขา อาจจะรวยเร็ว แต่ว่าต้องรับกรรมหรือประสบความเดือดร้อนในวันหน้า นี่คือสิ่งที่พระสามารถจะบอกหรือสอนญาติโยมได้

    ทีนี้เมื่อได้มาด้วยวิธีการที่ถูกต้องชอบธรรมแล้ว ก็ต้องคิดต่อไปว่า จะรักษาสิ่งที่ได้มาอย่างไรให้ยั่งยืน ไม่ใช่ว่าได้มาแล้วก็รักษาไม่ได้ สูญเสียไปในเวลาไม่นาน เพราะประมาท เลินเล่อ เอาแต่เที่ยวเล่น ไม่ดูแลรักษา นอกจากนั้นก็ต้องคิดด้วยว่าเมื่อได้มาแล้ว ต้องรู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์ เกิดประโยชน์กับตัวเองด้วย เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นด้วย มีรถแล้วควรใช้รถเพื่อใช้ในการทำมาหากิน เพื่อทำงานต่าง ๆ ได้สะดวกรวดเร็วขึ้น รวมทั้งใช้รถเพื่อช่วยเหลือคนอื่น นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่มีรถแล้วเอาไปเที่ยว ขับเล่น สนุกสนาน มีเงินแล้วใช้จ่ายฟุ่มเฟือย มันก็สร้างปัญหาให้กับตัวเอง อาจจะอายุไม่ยืน อาจจะเกิดอุบัติเหตุ หรือว่าเกิดกิเลสพอกพูน อันนี้คือสิ่งที่พระสอนได้ และควรที่จะฟัง เรียนรู้จากพุทธศาสนาด้วยคือว่า เมื่อมีแล้ว รู้จักรักษาและใช้ให้เกิดประโยชน์ ประโยชน์อย่างแรกคือ ประโยชน์ต่อผู้อื่น และสอง ประโยชน์กับตัวเองด้วย ไม่ใช้เพื่อปรนเปรอกิเลส ไม่ใช่ว่ามีก็ใช้อย่างสุรุ่ยสุร่าย เสร็จแล้วปรากฏว่าเป็นหนี้เป็นสิน เพราะว่าเงินที่ใช้หมดไปกับการพนัน หมดไปกับการเที่ยวเล่น เพราะฉะนั้น คำถามคือว่าได้มาแล้ว ทำอย่างไรจะรักษาให้ยั่งยืน และมีอย่างไรจึงจะไม่เกิดทุกข์ ใช้อย่างไรจึงจะเกิดประโยชน์ ไม่ก่อโทษ นี่เป็นคำถามที่สำคัญที่ต้องใส่ใจ

    และประการต่อมาคือว่า ต้องพร้อมที่จะเจอกับความเสื่อม ความสลาย ไม่ว่าเรามีอะไร ในที่สุดมันต้องหมด ไม่ว่าเราได้อะไรมา ในที่สุดก็ต้องเสีย อินฟลูเอนเซอร์ไม่รู้ว่าสอนเรื่องนี้หรือเปล่า แต่ว่านี่คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าได้สอนว่า ไม่ว่ามีอะไรก็ต้องหมด ไม่ว่าได้อะไรก็เสีย ดังนั้นเราก็ต้องถามตัวเองด้วยว่า เมื่อสิ่งที่มีเกิดสูญไป ทำอย่างไรใจจะไม่ทุกข์ นี่เป็นสัจธรรมที่เกิดขึ้นกับทุกคน ไม่ว่าจะร่ำรวยแค่ไหน ยังไม่ต้องพูดถึงว่าได้เท่าไรจึงจะรู้จักพอ ไม่ใช่ว่าได้แล้วไม่มีความสุขเพราะว่ายังไม่พอซักที อันนี้แหละคือสิ่งที่พระสอนได้คือ ให้รู้จักพอ และรู้จักยอมรับความเสื่อม ความสลาย ความไม่เที่ยง ตามหลักโลกธรรม 8 ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ

    และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือว่า แม้จะเพียรพยายามอย่างไร บางครั้งมันก็ไม่สำเร็จ อยากได้บ้าน อยากได้รถ อยากได้ชื่อเสียง แต่ถ้าไม่ได้ เราจะต้องทุกข์เสมอไปไหม ถึงแม้ไม่ได้มาเราก็ยังรักษาใจให้ปกติได้ และนี่แหละคือสิ่งที่พุทธศาสนาหรือธรรมะสอนเรา ช่วยเราได้ แม้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ไม่ทุกข์ และที่สำคัญคือว่า แม้จะไม่มีรถ ไม่มีบ้าน ไม่มีชื่อเสียง แต่ก็มีความสุขได้ เพราะมีความสุขที่ประณีตกว่า และนี่คือสิ่งที่พระสอนเราได้ เพราะว่าการที่ท่านไม่มีอะไรเลย แต่ท่านมีความสุข แสดงว่า การมีบ้าน มีรถ มีชื่อเสียง ไม่ใช่เป็นสรณะประเสริฐ เราสามารถจะมีความสุขได้โดยที่ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ ไม่มีชื่อเสียง และนี่แหละคือสิ่งที่เราสามารถจะเรียนรู้ได้จากพุทธศาสนา หรือจากแบบอย่างของพระที่ไม่มีอะไรเลย

    เพราะฉะนั้น การไม่มีอะไรเลยของพระ มันแฝงสาระสำคัญว่า แม้ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ ไม่มีชื่อเสียง ก็มีความสุขได้

    นักเรียนคนนี้ยังพูดอีกว่า ทำไมต้องฟังพระด้วย ในเมื่อมีแต่ข่าวคราวเกี่ยวกับพระแย่ ๆ ตอนนี้หนูไม่ได้รู้สึกแย่ แต่หนูไม่มีศรัทธาในพระ แล้วจะฟังพระไปทำไม อันนี้ก็ธรรมดาที่จะรู้สึกขาดศรัทธา เพราะว่าพระหลายรูปปรากฏเป็นข่าวที่ย่ำแย่ แต่น่าจะถามต่อไปว่า ทำไมพระท่านถึงปฏิบัติตัวแบบนั้น ทำไมพระท่านจึงเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นมา คำตอบหนึ่งก็เพราะว่าพระท่านอยากรวยไง อยากมีบ้าน อยากมีรถ อยากมีชื่อเสียง เหมือนฆราวาสทั่วไป เพราะฉะนั้นความอยากมีบ้าน มีรถ มีชื่อเสียง ถ้าไม่ระมัดระวัง มันก็ฉุดเราสู่ชีวิตที่ตกต่ำได้ พระที่อยากได้รถ อยากได้บ้าน อยากได้ชื่อเสียง อยากรวย สุดท้ายก็เสียพระ เสียผู้เสียคน

    ฆราวาสก็เหมือนกัน การอยากได้บ้าน อยากได้รถ อยากได้ชื่อเสียง ไม่ใช่ว่าจะดีเสมอไป ถ้าเราไม่ระมัดระวัง มันก็ฉุดให้เราสู่ทางต่ำ หรือทางพระเรียกว่า ลงนรกได้ และนี่คือสิ่งที่พุทธศาสนาสอนเรา หรือช่วยเราได้ คือว่า มีความอยากก็ธรรมดา แต่ว่าให้กำกับ รู้จักควบคุมความอยาก และถ้าลดความอยากได้ ชีวิตที่จะเจริญงอกงามก็เป็นไปได้ มันจะไม่ถูกฉุดให้ตกต่ำ และนี่คือสิ่งที่พระสามารถจะสอนเราได้ แต่ต้องเป็นพระที่ปฏิบัติตามหลักพุทธศาสนา เป็นพระที่แท้ เพราะพระที่ไม่แท้ พระที่ไม่ปฏิบัติตามพุทธศาสนาก็อยากรวย อยากมีชื่อเสียง อยากมีสมณศักดิ์สูง ๆ และพวกนี้ก็ทำให้เกิดข่าวคราวอื้อฉาวขึ้นมา ซึ่งทำให้นักเรียนและคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยเสื่อมศรัทธา อันนี้ชี้ให้เห็นถึงโทษของความอยากมีบ้าน อยากมีรถ อยากมีชื่อเสียง โดยที่ไม่รู้จักมีธรรมะมาควบคุมจิต

    เพราะฉะนั้นถึงแม้เป็นฆราวาส ชีวิตก็ย่ำแย่ได้เหมือนกัน หรือว่าเอาตัวไม่รอด ถ้าอยากมีบ้าน อยากมีรถ อยากมีชื่อเสียงแบบไม่รู้จักประมาณ อย่างขาดสติ อย่างไม่มีธรรมะมากำกับ
    นี่แหละคือเหตุผลว่า ทำไมพุทธศาสนา หรือว่าข้อคิดความเห็นของพระจึงยังมีความหมายอยู่ แม้กระทั่งกับคนที่อยากมีรถ มีบ้าน มีชื่อเสียง แม้ว่าท่านจะไม่มีก็ตาม.

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service