พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 18 กรกฎาคม 2568
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วซึ่งเป็นวันเข้าพรรษา ศูนย์วิจัยกสิกรไทยออกรายงานการคาดการณ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยเป็นระยะ ๆ และเนื่องในวันเข้าพรรษา โดยพยากรณ์ว่าตลาดการกุศลของไทยจะยังโตขึ้นปีนี้ 2 เปอร์เซ็นต์ ตลาดการกุศล หมายความว่า ยอดเงินที่ผู้คนทำบุญด้วยการบริจาคยังเพิ่มขึ้น
ถึงแม้ว่าจะมีข่าวคราวอื้อฉาวเกี่ยวกับพระสงฆ์ แต่ว่าคนยังนิยมทำบุญด้วยการบริจาคเงิน ปีนี้เขาคาดการณ์ว่า คนที่บริจาคเงินเพื่อการกุศลจะมีถึง 150,000 ล้านบาท เรียกว่าเยอะมาก และจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างน้อยปีนี้ 2 เปอร์เซ็นต์
แต่เขาบอกว่า การบริจาคเงินเพื่อการกุศล แนวโน้มใหม่คือ การบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือสัตว์ที่เดือดร้อน เช่น หมาจรจัด รวมทั้งช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยธรรมชาติ เป็นการบริจาคเพื่อบรรเทาสาธารณภัย อันนี้มีแนวโน้มที่สูงขึ้น แต่เขาไม่ได้บอกว่าการทำบุญให้กับวัดจะน้อยลงหรือเพิ่มขึ้น แต่ว่าที่จะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ คือ การบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือสัตว์ หรือว่าช่วยบรรเทาผู้ประสบภัย
และการบริจาคทางออนไลน์จะมากขึ้นเรื่อย ๆ เรียกว่า Online Donation และที่น่าสนใจคือ คนรุ่นใหม่ หรือว่า Gen Z ซึ่งเป็นผู้บริจาครายใหม่กําลังจะมีบทบาทมากขึ้นมาทดแทนคนแก่ซึ่งกำลังล้มหายตายจากไป
อันนี้น่าสนใจว่าคนไทยยังนิยมการทำบุญ ถึงแม้ว่าจะมีข่าวคราวเกี่ยวกับพระ เกี่ยวกับวัดที่ไม่ค่อยสู้ดี
ที่จริงแล้ว ยังมีข้อสังเกตของผู้รู้ท่านหนึ่งบอกว่า คนที่นิยมทำบุญจำนวนไม่น้อยเลยเป็นพวกที่ทุจริต เป็นพวกที่คอร์รัปชัน คนที่ทำการทุจริตคอร์รัปชันจะนิยมทำบุญ อันนี้เพราะอะไร เพราะเชื่อว่าการทำบุญจะช่วยลดผลของการทำชั่วได้ คือทำชั่วไปแล้ว ได้เงินมากมายเพราะประสบความสำเร็จ แต่ก็กลัวบาป กลัวเคราะห์กรรม เลยทำบุญเพื่อหวังบรรเทาเคราะห์กรรม หรือพูดอีกอย่างคือว่า ทำบุญเพื่อลดบาป
จริง ๆ แล้วมันทำไม่ได้ ทำชั่ว เกิดบาปกรรม เกิดวิบากขึ้นมา มันลบล้างไม่ได้ จะทำบุญแค่ไหนก็ลบล้างไม่ได้ เพียงแต่ว่ามันอาจจะอำนวยให้เกิดประโยชน์สุขบางอย่าง อย่างเช่น ทำชั่วแล้ว ปรากฏว่าเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาเพราะไปทำร้าย จะเป็นสัตว์หรือว่าผู้คนก็ตาม อาจจะถึงขั้นฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แล้วเจ็บป่วย ทำบุญไม่ได้ทำให้ไม่เจ็บป่วย แต่ว่าอาจมีส่วนช่วยให้ความเจ็บปวดทุเลา แต่ยังป่วยเหมือนเดิม เพราะว่าเป็นวิบากของกรรมชั่วที่ทำไว้
หรือทำชั่ว ไปคดโกงเขาแล้ว ปรากฏว่าทรัพย์สมบัติของตัวเองสูญหาย น้ำท่วม ไฟไหม้ ทำดีอย่างไรก็ไม่ได้ช่วยลดวิบากกรรมส่วนนี้ แต่ว่าอาจจะมีส่วนช่วยทำให้มีคนมาช่วยเหลือเรา กำลังตกระกำลำบากก็มีคนมาช่วยเรา อันนี้เป็นไปได้ แต่ว่าอย่าไปคิดว่า ทำบาปแล้ว วิบากจะลดลงเพราะว่าการทำบุญทำกุศล
อันนี้มีคนตั้งข้อสังเกตว่า แล้วตอนนี้พระจำนวนมากตกเป็นข่าวว่าเอาเงินบริจาคไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว ไปให้ผู้หญิง แล้วอย่างนี้เวลาเราทำบุญเราจะได้บุญไหม เพราะไม่แน่ใจว่าถวายพระหรือถวายวัดไปแล้วจะตกไปถึงพระศาสนาหรือเปล่า อันนี้ต้องตอบว่า การทำบุญ บุญจะมากหรือน้อย จริง ๆ แล้วไม่ได้อยู่ที่ผู้รับ อยู่ที่ผู้ให้
เคยมีโยมคนหนึ่งไปกราบเพื่อถวายผ้าไตรกับหลวงปู่บุดดา เขาเชื่อว่าพระหลวงปู่บุตดาเป็นพระอรหันต์ ขณะที่ถวายผ้าไตร โยมคนนั้นเขานึกในใจว่า วันนี้ฉันโชคดีเหลือเกิน ได้มาทำบุญกับพระอรหันต์ จะได้บุญมาก ๆ เลย หลวงปู่บุดดาพอรับเสร็จ ท่านก็บอกว่า ผู้รับหมดกิเลส ผู้ให้ก็ต้องหมดกิเลสด้วยถึงจะได้บุญมาก
หมายความว่า ตราบใดที่ผู้ให้ยังมีกิเลสกระทั่งศีลไม่ครบ ทำบุญกับพระอรหันต์อย่างไร บุญก็ได้ไม่มาก เพราะว่าบุญอยู่ที่ผู้ให้ด้วย
ฉะนั้น ใครที่กริ่งเกรงว่า ผู้รับ คือพระ จะเป็นพระดีหรือเปล่า เดี๋ยวฉันทำบุญแล้ว บุญที่ได้จะน้อยถ้าเกิดว่าถวายให้กับพระที่ไม่ดี บุญอาจจะน้อยก็จริง แต่ต้องเข้าใจว่า บุญน้อยหมายความว่าอย่างไร
หมายความว่า ทานที่เราถวาย แทนที่ท่านจะเอาไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนรวม เอาไปใช้เพื่อการศึกษาปฏิบัติธรรม แต่เอามาใช้ปรนเปรอกิเลส ประโยชน์ส่วนนี้น้อยถ้าถวายให้กับคนที่ไม่ใช่พระดี
แต่บุญที่เกิดกับใจของเรา บุญที่เกิดจากการลดการละ บุญที่เกิดจากการลดความตระหนี่ บุญที่เกิดจากการลดความยึดติดถือมั่นในทรัพย์ยังเท่าเดิม เราจะให้ใคร ถ้าเราให้ด้วยเจตนาที่ดีเป็นกุศลก็เกิดกุศลในใจเรา ตรงนี้บุญที่เกิดในใจเราไม่ได้ลดน้อยลงเลย
เพราะฉะนั้น ขอให้มั่นใจว่า เราจะทำบุญกับใคร สิ่งสำคัญคือ หนึ่ง เราต้องทำความดีด้วย อย่างน้อยเราต้องรักษาศีล ถ้าเราทำดี กิเลสลดลง บุญที่เกิดขึ้นกับเราก็จะมากขึ้น และสอง ถ้าเราวางใจถูก ถวายด้วยความต้องการลดความตระหนี่ จิตใจเราก็จะเป็นบุญ
ส่วนผู้รับเขาจะเอาเงินที่เราถวายไปทำอะไร แม้จะไม่ได้เอาไปทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม หรือเพื่อการศึกษาปฏิบัติธรรม ประโยชน์ส่วนนี้อาจจะน้อย แต่ว่าประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับใจเราไม่ได้น้อยลงเลย ถ้าเราวางใจถูก
และตอนนี้มีหลายคนเขาเกิดความลังเลสงสัย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ว่า คนที่สอนให้ทำดี แต่ตัวเองกลับทำไม่ดีเสียเอง แล้วเราจะทำดีไปทำไม เกิดความเสื่อมศรัทธาในความดี
อันนี้ต้องแยกแยะ ระหว่าง คำสอน กับ ผู้สอน ไม่เหมือนกัน คำสอนจะดีหรือไม่ เราต้องพิจารณาด้วยเหตุด้วยผล แล้วนำไปปฏิบัติ ถ้าเกิดผลดีกับเรา คำสอนนั้นเรียกว่าเป็นคำสอนที่ดี
ส่วนคนสอนจะดีหรือไม่ อย่าดูที่คำพูดของเขา ให้ดูที่การกระทำ เพราะว่าคนที่พูดดี แต่ว่าเวลาลงมือทำ ทำไม่ดีก็มี คนดีหรือไม่ อย่าดูที่คำพูด พูดดีอย่างไรไม่ได้แปลว่าเขาเป็นคนดี ต้องดูที่การทำของเขาด้วยว่าเป็นการทำดีหรือไม่ คนไปเข้าใจว่า ใครพูดดีแสดงว่าเป็นคนดี ไม่ใช่ คนจะดีหรือไม่ต้องดูที่การกระทำ ไม่ใช่ดูที่คำพูด
ฉะนั้น ถ้าเราแยกแยะได้ ระหว่าง คำสอน กับ คนสอน คนสอนจะพูดแล้วไม่ทำอย่างไรเราก็ไม่หวั่นไหว เรายังทำความดีอยู่นั่นแหละ เมื่อเราพิจารณาแล้วว่าคำสอนที่ออกมาจากปากของท่านเหล่านั้นดีจริง แม้ว่าคนสอนจะไม่ได้ทำอย่างที่พูดก็ตาม
เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงบอกอย่างไรว่า อย่าเชื่อเพียงเพราะผู้พูดเป็นครูของเรา อย่าเชื่อเพียงเพราะผู้พูดเป็นสมณะ หมายความว่า ให้เชื่อเมื่อเราพิจารณาดูแล้ว ใคร่ครวญดูแล้วว่ามันดี แล้วเอาไปปฏิบัติ
ฉะนั้น เวลามีคนถามแม่ถามพ่อว่า จะรักษาศีลไปทำไม ในเมื่อพระที่สอนให้รักษาศีลยังทำไม่ได้เลย ต้องอธิบายว่า พระท่านรักษาศีลไม่ได้ หมายถึงบางรูป ไม่ได้แปลว่าศีลไม่ดี ถ้าเราใคร่ครวญแล้ว ทดลองทำดูแล้ว ศีลดีก็ปฏิบัติ แม้คนสอนจะทำไม่ได้หรือไม่ได้ทำ ก็เป็นเรื่องของเขา แต่เราทำแล้วเราดีเอง
และตอนนี้ก็มีคนสงสัย ทำดีได้ดีจริงหรือเปล่า มีข่าวคราวแบบนี้ขึ้นมา ให้มั่นใจว่า อันนี้เป็นความจริง เป็นสัจธรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ข่าวมันยืนยัน ทำชั่ว แม้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใด มันก็เปิดเผยในที่สุด จะเป็นพระราชาคณะระดับไหน จะเป็นรัฐมนตรี หรือจะเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าหากว่าทำชั่ว ทุจริตแล้ว ไม่วันใดวันหนึ่งมันต้องเปิดเผย และถึงเวลานั้นก็รับเคราะห์กรรม ข้อสำคัญคือว่า อย่าด่วนสรุป
ดูบอล จะรู้ว่าใครแพ้ใครชนะ อย่าดูแค่ครึ่งแรก อย่าดูผลการแข่งขันเพียงแค่ครึ่งแรก ต้องดูให้ครบทั้ง 2 ครึ่ง แม้กระทั่งครบ 90 นาทีแล้ว ยังบอกไม่ได้ว่าใครแพ้ใครชนะ ต้องดูจนกรรมการเป่านกหวีดหมดเวลา เพราะว่า 90 นาที ผลอย่างหนึ่ง แต่พอต่อเวลาไปอีก 5 นาที ผลกลับอีกแบบหนึ่งก็ได้ ทีมที่ชนะใน 90 นาทีแรกอาจจะกลายเป็นทีมที่แพ้เมื่อยุติการแข่งขันก็ได้
เวลาดูว่าใครทำดีทำชั่ว อย่าดูตรงที่ว่าเขากำลังเจริญ มั่นคง ร่ำรวย ต้องดูยาว ๆ ไปก่อนนั้น บางทีตายไปแล้วยังบอกไม่ได้ ต้องดูไปถึงภพหน้าหรือปรโลกด้วยว่าได้ไปสุคติหรือทุคติ
ฉะนั้น เรื่องผลของการทำความดีเป็นสัจธรรม ใครทำดีก็ย่อมได้ดี แต่ดีอาจจะไม่ใช่ร่ำรวย แต่ถึงแม้จะร่ำรวยก็ต้องดูยาว ๆ ดูให้ตลอด ดูบอลก็ต้องดูให้ครบ 90 นาที หรือว่าหลังจากที่กรรมการเป่านกหวีดแล้ว ไม่ใช่ดูแค่ครึ่งแรก การตัดสินผลของกรรมก็เหมือนกัน ต้องดูยาว ๆ อย่าไปดูแค่ช่วงแรก.