พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 31 กรกฎาคม 2568
หญิงชาวอินเดียคนหนึ่งได้ทุนไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ไปเรียนได้ปีหนึ่งแล้ว พอปิดเทอมเธอก็กลับมาเยี่ยมบ้าน พอใกล้เปิดเทอมเธอก็เตรียมเดินทางกลับไปประเทศอังกฤษ วันที่เดินทางเธอตื่นตั้งแต่ตี 5 เลยเพราะบ้านเธอหรือเมืองที่เธออยู่มันห่างจากสนามบิน 150 กม.
150
กม. ก็ถ้าเป็นบ้านเราก็ชั่วโมงครึ่งได้ กรุงเทพฯ – ชลบุรี แต่อินเดีย 150 กม. คือ 5 ชั่วโมง รถยนต์ไปได้ชั่วโมงละ 30 กม. ตื่นตี 5 เพื่อที่จะไปสนามบิน ก็ไปจ้างรถแท็กซี่มา ปรากฏว่าแท็กซี่เกิดมาสายครึ่งชั่วโมง แถมพอเดินทางไปถึงเมืองซึ่งเป็นที่ตั้งของสนามบินก็ไม่รู้จักเส้นทาง อ้อม ไปเจอรถติดเข้า เพราะสนามบินแห่งนี้มันไปอยู่กลางเมืองอาห์เมดาบัด (Ahmedabad)
เสียเวลากับการเดินทาง 6 ชั่วโมงกว่า พอไปถึงสนามบิน ไปเช็คอิน พนักงานก็บอกว่าปิดแล้ว ไม่รับเช็คอินแล้ว แต่เครื่องยังไม่ออก เธอไปถึงช้าแค่ 10 นาที เธอก็วิงวอนพนักงานสายการบินขอให้รับเธอ แต่ว่าพนักงานก็ไม่ยอม
เธอโมโห ทั้งโมโหคนขับแท็กซี่ โมโหรถติดในเมือง แล้วก็โมโหพนักงานที่ไม่ยอมให้เธอขึ้นเครื่องบิน ฉุนเฉียวมาก แล้วเธอก็ไปกินกาแฟในร้านในสนามบิน ขณะที่กินกาแฟมันมีข่าวด่วน เครื่องบินลำที่เธอตั้งใจจะขึ้นมันตก ขึ้นไปได้ไม่ถึงนาทีแล้วก็ตก คนตายทั้งลำเลยยกเว้นคนเดียว
นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับแอร์อินเดียเมื่อเดือนที่แล้ว 12 มิถุนายน ก็กลายเป็นว่าผู้หญิงคนนี้ซึ่งตกเครื่องบิน แล้วก็นับว่าเป็นความซวยของเธอเพราะว่าเธอก็พยายามที่จะไปให้ถึงสนามบินแต่เนิ่น ๆ แต่เหตุปัจจัยต่าง ๆ ที่เธอไม่ต้องการให้เกิดขึ้นมันดันเกิด แต่แล้วมันกลับทำให้เธอรอดตาย เรียกว่าความซวยกลายเป็นความเฮงไป
อันนี้ก็คล้าย ๆ กับเหตุการณ์เมื่อ 24 ปีก่อน ที่นิวยอร์กเกิดกรณี 11 กันยายน ตึกแฝด World Trade Center ถูกเครื่องบินพุ่งชน พังทลาย คนตายตั้งสามพันกว่าคน
มีบริษัทหนึ่งสำนักงานอยู่ในตึก World Trade Center แต่ว่ามีเจ้าหน้าที่หลายคนรอดตาย ก็มีการสอบถามเจ้าหน้าที่ที่รอดตายว่าทำไมถึงรอด คนหนึ่งบอกว่าไปทำงานสายเพราะว่าไปส่งลูกเข้าโรงเรียนวันแรก ส่งเสร็จจะไปที่ทำงานเจอรถติด ขณะที่รถติดก็เห็นตึกพัง ตึกถล่มลงมา
อีกคนบอกว่าที่ไปสายก็เพราะว่าตื่นสาย นาฬิกาปลุกเกิดไม่ทำงาน อีกคนหนึ่งบอกว่า ที่รอดตายเพราะว่ารถเกิดสตาร์ทไม่ติด ต้องซ่อมรถ เสียเวลาซ่อมรถ กว่าจะซ่อมรถเสร็จก็เกิดเหตุการณ์ 11 กันยายนแล้ว บางคนบอกเรียกแท็กซี่ไม่ได้เลยวันนั้น คงมีอุบัติเหตุอะไรสักอย่างเรียกแท็กซี่ไม่ได้
อีกคนหนึ่งบอก วันนั้นลูกค้านัดไปกินข้าว ปกติไปกินในร้านอาหารนอกบ้านที่ร้านกาแฟ ปรากฏว่ากาแฟนี่มันหกใส่เสื้อ ต้องกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อก็เลยไปทำงานสาย ไม่ทันถึงที่ทำงานก็เกิดเหตุการณ์ 11 กันยายน อีกคนหนึ่งบอก เช้าวันนั้นใส่รองเท้าคู่ใหม่ปรากฏว่ามันกัด ก็เลยต้องไปซื้อปลาสเตอร์ร้านยา เสียเวลาพอสมควร กว่าจะเรียบร้อยก็เกิดเหตุการณ์ 11 กันยายนแล้ว
ตอนที่เกิดเหตุการณ์ที่ว่าทุกคนก็บอกว่าไม่สบายใจเลย เพราะว่าบางคนบอกว่ามีงานสำคัญที่ที่ทำงาน มีนัดคุยกับลูกค้า หงุดหงิดมากที่ไปทำงานสาย หรือว่าสตาร์ทรถไม่ติด บางคนก็มีธุระสำคัญ มีการประชุมนัดสำคัญกับทีมงาน
ตอนที่เกิดเหตุที่ทำให้ไปทำงานไม่ได้ตามเวลานี่ทุกคนบอกว่าหงุดหงิดมาก แล้วก็โวยวายว่าทำไมต้องมาเกิดเหตุการณ์ในวันนี้ ทำไมรถสตาร์ทไม่ติดวันนี้ ทำไมถึงเรียกรถแท็กซี่ไม่ได้ ทุกคนไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ลงท้ายมันเป็นเหตุที่ทำให้เขารอดตาย
อันนี้ก็เหมือนกัน ความซวยนี่บางทีมันกลายเป็นความเฮง หรือว่าเคราะห์บางครั้งมันกลายเป็นโชคขึ้นมา ถ้าไม่เจอเคราะห์ไม่เจอความซวยก็คงจะตายไปแล้วจากเหตุการณ์ 11 กันยายน เรื่องนี้มันสอนอะไรเรา มันสอนให้เราตระหนักว่าเหตุการณ์ที่ไม่ถูกใจเรา เวลาเจอเหตุการณ์ที่ไม่เป็นไปดั่งใจ ผิดแผน บางครั้งอาจจะกลายเป็นของดีก็ได้
เคราะห์บางครั้งมันกลายเป็นโชค หรือว่าเป็นโชคจำแลงก็ได้ เพราะเวลาเราเจอความไม่สมหวัง อย่ามัวแต่โวยวายตีโพยตีพาย เพราะมันอาจจะกลายเป็นของดีในลำดับถัดไป หรือในวันต่อไปก็ได้
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์เหล่านี้ต้องสรุปบทเรียนให้ถูก เพราะบางคนเข้าใจว่าอย่างนี้นี่บางทีเขารอดตายเพราะเขาไปทำงานสาย ที่เขารอดตายเพราะว่าตื่นสาย เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ฉันก็จะไปทำงานสายแล้ว เพราะว่าขืนไปทำงานตรงเวลาอาจจะตายก็ได้
ถ้าคิดแบบนี้มันผิดแล้ว เหตุการณ์นี้มันเพียงแต่บอกเราว่า สิ่งที่มันแย่ ๆ เหตุการณ์แย่ ๆ บางครั้งอาจจะกลายเป็นดีก็ได้ ถ้าเอาเหตุการณ์เหล่านี้มาเป็นบทเรียน มาถอดบทเรียนไม่ถูกต้องมันก็ส่งเสริมความขี้เกียจ ต่อไปนี้ไม่ไปทำงานตรงเวลาแล้ว พอไปทำงานตรงเวลาเดี๋ยวตาย อันนี้ไม่ถูกต้อง
มันคล้ายกับผู้ชายคนหนึ่งเป็นพราน ไปเข้าป่าล่าสัตว์ วันหนึ่งไม่ได้อะไรเลย ตอนบ่าย ๆ เหนื่อย นั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ ปรากฏว่าอยู่ดี ๆ มีกระต่ายตัวหนึ่งวิ่งอย่างเร็วเลย วิ่งมาชนต้นไม้ใหญ่ต่อหน้าต่อตาเขาเลย มันคงเป็นกระต่ายตื่นตูม วิ่งชนต้นไม้จนตายเลย
ชายคนนี้บอกว่า โอ้ ดีจัง ไม่ต้องทำอะไรเลย อยู่ดี ๆ ก็มีกระต่ายมาชนต้นไม้ตายต่อหน้าต่อตา อย่ากระนั้นเลยเราไม่ต้องไปตามหาไล่ล่าสัตว์แล้วล่ะ มานั่งรออยู่ที่ต้นไม้นี้แหละ รออะไร รอกระต่ายตัวอื่นจะมาชนต้นไม้ตาย
ใครที่คิดแบบนี้ สรุปบทเรียนแบบนี้ก็ถือว่าผิด เพราะว่าจริง ๆ แล้วเหตุการณ์แบบนี้อาจจะเกิดขึ้นนาน ๆ ครั้งก็ได้ ถ้าเกิดไปสรุปบทเรียนผิด ถอดบทเรียนผิด มันทำให้ขี้เกียจ มันทำให้งอมืองอเท้า รอโชคอย่างเดียว
ไม่ต่างจากคนที่ฝันเห็นเลข แล้วไปแทงเลขถูก ได้เงินเยอะเลย เป็นหมื่น เป็นแสน วันต่อไปก็เลยไม่คิดจะไปทำงานแล้ว รอแต่เห็นเลขในฝัน พยายามนอนเพื่อให้เห็นเลขในฝัน ส่วนการทำงานเลิกทำแล้ว จะทำทำไม ทำแล้วก็ได้เงินน้อย สู้ฝันเห็นเลขดีกว่าได้เงินเยอะดี
มันก็มีประเภทว่าฝันเห็นเลขแล้วก็เอาเลขไปแทงหวยถูก แต่ถ้าเกิดว่าทำอย่างนี้บ่อย ๆ หรือคิดพึ่งพาวิธีนี้โดยไม่เป็นอันทำงาน มันก็มีแต่จะถูกกิน หรือว่ามีแต่จะยากจนไปทุกทีเพราะไม่ทำงานเอาแต่รอโชค
เดี๋ยวนี้คนไทยเราพึ่งพาโชคมากจนกระทั่งไม่รู้จักพึ่งพาความเพียร อันนี้ก็เรียกว่าเป็นการถอดบทเรียนไม่ถูกต้อง เหตุการณ์หลาย ๆ อย่างมันให้บทเรียนแก่เรา แต่ถ้าถอดไม่ถูกสรุปไม่เป็นนี่มันเกิดโทษมากเลย อันนี้ต้องระวัง.