พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 11 สิงหาคม 2568
เวลาพูดถึงคำว่าลิง ส่วนใหญ่จะเห็นภาพขึ้นมาในใจ และภาพที่เรานึกในใจก็ไม่ค่อยต่างกันเท่าไร ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วมีลิงมากมายหลายชนิดมาก แต่ทั้งหมดก็มีรูปร่างหน้าตาไม่ค่อยต่างจากที่เรานึกในใจเท่าไร
แต่ว่าลิงแต่ละชนิดมีนิสัยไม่เหมือนกัน รูปร่างหน้าตาบุคลิกบางอย่างเหมือนกัน แต่ว่านิสัยบางอย่างไม่เหมือนกัน
อย่างเช่น ลิงวอกเป็นลิงที่ค่อนข้างจะขี้โวยวาย ใจร้อน และชอบทะเลาะกับเพื่อนในฝูง พอทะเลาะเสร็จก็ไม่คบค้าสมาคม เป็นปฏิปักษ์ต่อกันมากขึ้น
แต่มีลิงอีกชนิดหนึ่ง เรียกว่า ลิงเสน ลิงเสนค่อนข้างเงียบ ๆ จะเรียกว่ารักสงบก็ไม่เชิง แต่ว่าไม่ค่อยทะเลาะกับเพื่อน และที่น่าสนใจคือ เวลาทะเลาะกันจะพยายามกลับมาคืนดีกัน
มีนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งศึกษาเรื่องลิงโดยเฉพาะมาตลอดชีวิต มีชื่อมาก ชื่อ ฟรานซ์ เดอ วาล (Frans de Waal) เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว เขาสังเกตว่า ลิงเสนเวลามีเรื่องทะเลาะกับเพื่อนจะพยายามคืนดีกัน เช่น คู่กรณีอาจจะมาเลียบ ๆ เคียง ๆ มาอยู่ใกล้กัน และมีบางตัวอาจจะริเริ่มด้วยการไปช่วยหาเหาให้ วิธีการหาเหาให้กับอีกตัวหนึ่งเป็นวิธีการสร้างความเป็นมิตร และสุดท้ายก็คืนดีกัน
เดอวาลศึกษาเปรียบเทียบระหว่างลิง 2 ชนิด ลิงวอก กับ ลิงเสน ว่า เวลามีเรื่องทะเลาะกันแล้ว หลังจากนั้นมีพฤติกรรมแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
พบว่าลิงเสนชอบไปคืนดีกับคู่กรณี เดอวาลนับว่าคืนดีกันมากน้อยแค่ไหน พบว่าลิงเสนชอบคืนดีกับคู่กรณีมากเป็น 3 เท่าเมื่อเทียบกับลิงวอก เขาเลยสนใจว่า ถ้าเอาลิง 2 ชนิดมาอยู่ใกล้ ๆ กัน หรือมาอยู่ด้วยกันจะเป็นอย่างไร
ทีแรกเอาลิง 2 ฝูงต่างชนิดมาอยู่ใกล้ ๆ กัน และสังเกตพฤติกรรมของมัน ปรากฏว่าทั้ง 2 ฝูงทีแรกต่างคนต่างอยู่ ไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกันเท่าไร แต่ตอนหลังพออยู่ไปนาน ๆ เริ่มมีการคบค้าสมาคม เริ่มมีการคบเข้าหากัน แต่ยังมีการถือเนื้อถือตัวอยู่ ไม่ค่อยได้คลุกคลีกันเท่าไร
ผ่านไปสักพัก ลิงเสนเริ่มมีความสนใจลิงวอก เพราะว่าลิงเสนหางกุด แต่ลิงวอกหางยาว ลิงเสนเริ่มเข้าไปอยู่ใกล้ ๆ ลิงวอก และไปดูหาง ไปจับหาง แปลกดี ในที่สุดก็เป็นเพื่อนกัน ทั้ง 2 ฝูงเป็นเพื่อนกัน คลุกคลีกัน จากเดิมที่ต่างคนต่างอยู่ก็มาคลุกคลีกัน เป็นเพื่อนกัน เล่นกัน
แต่แน่นอน เวลาเล่นกัน บางทีก็เล่นกันแรง อาจจะมีการทะเลาะกันบ้าง และเขาสังเกตว่า เวลามีการทะเลาะกันหรือสู้กัน มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับลิงวอก
ลิงวอกซึ่งชอบเอะอะโวยวาย และเวลาทะเลาะกันแล้วเหินห่างหมางเมินกัน เป็นปฏิปักษ์ต่อกันมากขึ้น เริ่มมีพฤติกรรมคล้าย ๆ ลิงเสนคือ กลับมาคืนดีกับคู่กรณี มีการเข้าไปเลียบ ๆ เคียง ๆ เข้าไปหาเหาให้ ไปสัมผัสแตะเนื้อต้องตัว และในที่สุดก็กลับมาเป็นเพื่อนกัน อันนี้เป็นนิสัยที่แตกต่างจากของเดิมซึ่งพอทะเลาะกันแล้วยิ่งเป็นปฏิปักษ์กันมากขึ้น
และเดอวาลสังเกตว่า ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับลิงวอกมีเฉพาะเรื่องการกลับมาคืนดีกันมากขึ้น แต่นิสัยอย่างอื่นของลิงเสน ลิงวอกไม่เอามาหรือไม่เลียนแบบ ไม่ว่าจะเป็นการร้อง หรือว่าท่าทาง มีแต่วิธีการคืนดีที่ลิงวอกรับมาจากลิงเสนและเอามาใช้กับตัวเองหรือใช้กับพวกของตัว
ทีนี้ เดอวาลสังเกตว่า ถ้าเกิดว่าแยก 2 ตัวนี้ออกจากกัน พฤติกรรมมันจะเปลี่ยนไปไหม ปรากฏว่าพอแยก 2 กลุ่มนี้ออกไปจากกัน นิสัยลิงวอกที่เคยก้าวร้าว นิสัยที่เคยทะเลาะเบาะแว้งกันแล้วไม่เผาผีกันเปลี่ยนไป เริ่มมีการกลับมาคืนดีกันมากขึ้น ถึงแม้ว่าลิงเสนซึ่งเป็นแม่แบบจะไม่ได้อยู่ใกล้กันแล้ว
และที่เขาสนใจคือว่า ลิงเสนไม่ได้รับเอานิสัยก้าวร้าวจากลิงวอกมาเลย ทีแรกเขากลัวว่า ถ้าเอา 2 ชนิดนี้มาอยู่ใกล้กัน ลิงเสนซึ่งเป็นพวกรักสงบจะมีนิสัยก้าวร้าวเหมือนกับลิงวอก แต่ลิงเสนไม่ได้เอานิสัยก้าวร้าวมาจากลิงวอกเลย ตรงข้าม ลิงวอกกลับเอานิสัยรักสงบ ชอบคืนดี เอามาใช้กับตัว
อันนี้เป็นเรื่องที่เขาบอกว่า การคืนดี การรักสงบเป็นสิ่งที่เรียนรู้กันได้ และเป็นไปได้ว่า ที่ลิงวอกรับเอาวิธีการของลิงเสนมาเพราะมันรู้ว่าทำแล้วได้ผล
แต่ก่อนมันไม่รู้วิธีนี้ ทะเลาะกันก็จะตีกันท่าเดียว แต่ตอนหลังมาเรียนรู้จากลิงเสนว่า มีอีกวิธีหนึ่ง ทะเลาะกันแล้วก็คืนดีกันได้ และพอใช้แล้วก็ได้ผล คือว่าเกิดความกลมเกลียวกันในฝูง ไม่ต้องคอยหวาดระแวงว่าจะมีคนมาทำร้าย และมีคนมาช่วยกัน เพื่อนที่เคยทะเลาะกัน มาคืนดีกัน และมาช่วยกันสู้กับศัตรู หรือว่าไปหาอาหารมาด้วยกัน มันรู้ว่าวิธีการคืนดีได้ผล มีผลดีกว่าวิธีการต่อล้อต่อเถียงหรือว่าทะเลาะเบาะแว้งกันแบบไม่เผาผี
อันนี้เป็นเรื่องที่จริง ๆ แล้วคนเราก็สามารถจะเรียนรู้ได้ และหลายคนพบว่า เวลาเกิดเรื่องขัดแย้งกัน วิธีที่ดีกว่าการทะเลาะกันหรือต่อสู้กันคือ การกลับมาคืนดี หรือว่ากลับมาทำดีต่อกัน
มีเกร็ดเล็กเกี่ยวกับ สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) เป็นนักสร้างหนัง มีชื่อมากในปัจจุบัน ตอนที่เขาอายุ 13 ยังวัยรุ่น เขาเป็นคนที่มีความทุกข์มากเวลาไปโรงเรียน เพราะว่ามีขาใหญ่อายุ 17 ชอบแกล้งเขา ตบหัวเขา บางทีก็ขโมยเอาขนมของเขาไปกิน ไปโรงเรียนทีไรเจอไอ้หมอนี่ทุกที ไม่อยากไปโรงเรียนเลย และเขาไม่รู้จะทำอย่างไร
ถ้าเขาอายุเท่ากับ หรือตัวเท่ากับขาใหญ่คนนี้คงจะสู้ แต่เขาไม่มีปัญญาจะสู้ และเขาไม่มีรุ่นพี่ที่อายุหรือตัวใหญ่พอ ๆ กับขาใหญ่นี้ด้วย ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไปขอให้รุ่นพี่ไปต่อย ไปจัดการกับขาใหญ่คนนี้
สปีลเบิร์กทำอย่างไร ไปโรงเรียนก็ต้องไป เผอิญเขาเป็นคนที่ชอบถ่ายหนัง เขาเป็นคนชอบทำหนังตั้งแต่เล็ก และเขาได้เครื่องถ่ายหนังมา กล้องถ่ายหนังแบบ 8 มิล กล้องนี้เขาซื้อเอง พ่อรู้ แต่ว่าพ่อไม่ได้ซื้อให้เขา บอกว่า สปีลเบิร์ก ถ้าเธออยากได้ก็หาเงินเอง พ่อให้เงินนิดหน่อย แต่ที่เหลือสปีลเบิร์กไปหาเงินเอง ขายของได้เงินมาก็ซื้อกล้อง
ซื้อกล้องแล้ววันหนึ่งอยากจะทำหนัง เลยไปหาขาใหญ่ บอกว่า กำลังทำหนังเรื่องตามล่านาซี ขาดพระเอก แกจะมาเป็นพระเอกให้ฉันได้ไหม
หมอนั่นทีแรกก็งง ๆ คิดว่าเป็นลูกไม้ของสปีลเบิร์ก เพราะว่าเขาเล่นงานสปีลเบิร์กมาตลอด แต่ว่าวันดีคืนดีสปีลเบิร์กกลับเสนอให้เขาเป็นพระเอกในหนังที่สปีลเบิร์กจะสร้าง
แม้จะลังเล แต่ว่าขาใหญ่นั้นก็รับเป็นพระเอกในหนัง เขาใช้เวลาประมาณ 2-3 อาทิตย์ ปรากฏว่าพอทำหนังเสร็จ นับแต่นั้นมา ขาใหญ่นั้นกลายเป็นเพื่อนสนิทของสปีลเบิร์ก คอยปกป้องสปีลเบิร์ก ไม่แกล้งแล้ว มีแต่ช่วยปกป้อง กลายเป็นเพื่อนกัน
สิ่งที่สปีลเบิร์กทำน่าสนใจคือ แทนที่จะตอบโต้แก้แค้นขาใหญ่ กลับยื่นไมตรีจิตให้ ให้โอกาสขาใหญ่คนนี้
ขาใหญ่คนนี้เป็นคนที่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า เลยเป็นอันธพาล เด่นทางดีไม่ได้ก็เด่นทางร้ายแล้วกัน แต่พอสปีลเบิร์กมาเสนอโอกาสให้ก็รู้สึกว่า ฉันก็มีคุณค่า รู้สึกว่าตัวเองมีความหมายขึ้นมา เลยรับน้ำใจของสปีลเบิร์กว่า ฉันอุตส่าห์แกล้งแกสารพัด แต่แกกลับมาให้ฉันเป็นพระเอก ซาบซึ้งน้ำใจมาก เลยกลายเป็นเพื่อนสปีลเบิร์ก
นับแต่นั้นมาสปีลเบิร์กก็ไปโรงเรียนอย่างมีความสุข ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนถีบ โดนตีกะโหลก เพราะว่ามีขาใหญ่คอยปกป้องให้ คอยช่วยคุ้มครองให้
อันนี้เป็นวิธีการที่สปีลเบิร์กพบว่า มีวิธีการที่ดีกว่าการไปทะเลาะเบาะแว้ง หรือการไปตอบโต้ทุบตี อันนี้คงไม่ต่างจากลิงวอกที่พบว่า วิธีการของลิงเสนดีกว่าการที่จะไปทะเลาะเบาะแว้งกันแล้วไม่เผาผีกัน
การคืนดี การทำดีกับคนที่เราเคยทะเลาะกันเป็นวิธีการที่ดีกว่า
สัตว์ยังรู้ แล้วนับประสาอะไรกับคน ถ้าหากว่าคนเราไม่จมอยู่กับความโกรธ ความแค้น ความพยาบาท ย่อมรู้ว่า การคืนดี หรือว่าการทำดีกับคนที่เขาทำไม่ดีกับเราเป็นวิธีการที่ดีกว่า ได้ผลดีกว่าการที่จะไปทะเลาะ หรือว่าการที่จะไปตอบโต้ด้วยวิธีการที่รุนแรงกว่าเดิม.