PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
  • ทำดีกับแม่ก่อนท่านจากไป
ทำดีกับแม่ก่อนท่านจากไป รูปภาพ 1
  • Title
    ทำดีกับแม่ก่อนท่านจากไป
  • เสียง
  • 14042 ทำดีกับแม่ก่อนท่านจากไป /aj-visalo/2025-08-13-06-54-29.html
    Click to subscribe
    • Share
    • Tweet
    • Email
    • Share
    • Share

ผู้ให้ธรรม
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันพุธ, 13 สิงหาคม 2568
ชุด
ธรรมะสั้นๆ ก่อนอาหารเช้า 2568
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 12 สิงหาคม 2568
    มีผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณ 25 อยู่กับแม่ 2 คน คือ ลูกกับแม่ แม่อายุ 60 กว่า วันหนึ่งเธอกลับบ้านดึก เห็นแม่กำลังนั่งดูทีวี เธอบอกแม่ว่า หนูไปนอนแล้วนะ แล้วเข้าห้องปิดประตู และเปิดเพลงฟัง
    ตื่นเช้าขึ้นมาไม่เห็นแม่ ปกติแม่จะตื่นมาทำอาหารให้ลูก ไม่เห็นแม่ ไม่เห็นอาหารที่แม่เคยทำ เอะใจ เลยตามหาแม่ เห็นประตูห้องน้ำยังไม่ทันล็อก เปิดเข้าไปตกใจ เห็นร่างของแม่นอนคว่ำ มีเลือดออกทางศีรษะ หมดลมไปเป็นชั่วโมงแล้ว นาฬิกาที่ข้อมือแม่หยุดตรงประมาณตี 4 ครึ่ง ช่วยไม่ทันแล้ว เสียชีวิตไปเป็นชั่วโมงแล้ว
    เธอเสียใจมาก ไม่ใช่แค่เสียใจเพราะว่าเสียแม่เท่านั้น แต่เสียใจที่ว่า อยู่บ้านเดียวกันมาตั้ง 20 กว่าปี แทบจะไม่ค่อยได้มีความรู้สึกดี ๆ ต่อกันเลย การพูดคุยที่ดี ๆ ก็ไม่ค่อยมี
    ที่จริงคืนนั้นถ้าหากว่าเธอถามแม่สักคำว่า แม่เป็นไงบ้าง กินข้าวหรือยัง เธอคงจะรู้สึกดีกว่านี้ แต่เธอไม่ได้ทำ ได้แต่บอกแม่ว่า หนูไปนอนแล้วนะ ถ้าเธอรู้ว่าคืนนั้นเป็นคืนสุดท้ายที่จะได้คุยกัน เธอคงจะพูดดี ๆ กับแม่ หรือไต่ถามทุกข์สุขกัน แต่เธอไม่คาดคิดว่าคืนนั้นเป็นคืนสุดท้ายที่จะได้พบหน้ากันแบบยังมีลมหายใจ ฉะนั้น เธอรู้สึกว่าถ้าหากว่าได้มีโอกาสคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวก็จะดี
    ที่จริงมีโอกาสอยู่ แต่เธอละโอกาสนั้น เธอบอกว่า บางครั้งขณะที่เธอกำลังพูดคุยโทรศัพท์กับเพื่อนตอนค่ำ ๆ แม่ก็เคาะประตู ชวนไปกินข้าว แต่เธอปฏิเสธ บอกว่ากำลังคุยกับเพื่อน บางครั้งแม่ก็มาชวนคุย เธอก็อ้างว่า ยังไม่ว่าง เพราะกำลังคุยกับเพื่อน พรุ่งนี้ค่อยคุยแล้วกัน และพอถึงวันรุ่งขึ้นเธอก็ไม่ได้คุยกับแม่ ทำโน่นทำนี่ หรือไม่ก็ทักทายกันแบบผ่าน ๆ
    คำว่า พรุ่งนี้คุย แทบจะไม่มีความหมายเลย เพราะว่าวันพรุ่งนี้พอมา เธอก็ไม่คุย ปล่อยให้โอกาสทองหลุดลอยไป แต่ตอนนั้นไม่คิดว่าเป็นโอกาสทอง แล้วเธอก็ผลัดไปเรื่อย พรุ่งนี้คุย ๆ สุดท้าย วันพรุ่งนี้ก็มาก็ไม่ถึง ไม่มีวันพรุ่งนี้ โอกาสมีครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ว่าทิ้งโอกาสนั้นไป
    เธอร้องไห้คร่ำครวญมาก ร้องไห้ไม่ใช่เพราะเสียใจที่แม่จากไปเท่านั้น แต่เสียใจเพราะว่าละทิ้งโอกาสทอง ละทิ้งเวลาที่จะได้คุยอย่างใกล้ชิดกับแม่ อย่างที่เธอบอก อยู่กันมา 20 ปี แต่ไม่ได้รู้สึกว่าใกล้ชิดกันเลย ตัวอยู่ใกล้ แต่ว่าใจนั้นอยู่ไกล
    แต่แน่นอน ถ้าเธอรู้ว่าวันรุ่งขึ้นแม่จะจากไป คืนก่อนหน้านั้นเธอคงจะไม่ทำอย่างนั้นกับแม่ แม่เสียเพราะว่าเลือดออกในสมอง ถ้าหากว่าพาส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ผ่าตัดเอาเลือดออกจากสมอง ยังพอมีทางรอด แต่นี่แม่นอนอยู่ในห้องน้ำเป็นชั่วโมง และเลือดคงออกเยอะ ช่วยไม่ทัน
    เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่ากับคนเป็นลูก มันตอกย้ำว่า ความตายของคนที่เรารักมาเมื่อไรก็ไม่มีทางรู้ อาจจะเป็นคืนนี้ อาจจะเป็นพรุ่งนี้ก็ได้
    เพราะฉะนั้น ถ้ามีโอกาสก็พยายามทำดีกับคนที่เรารัก เตือนใจว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน หรือวันสุดท้ายของแม่ ของพ่อก็ได้ ถ้าเตือนใจแบบนี้จะทำให้เราใส่ใจ พูดคุยซักถาม มีความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน หรือพูดดี ๆ ต่อกัน ไม่ใช่พูดแบบขอไปที
    แต่บางรายหนักกว่านั้น ลูกชายอายุ 30 ทะเลาะกับแม่อายุไม่ถึง 70 ทะเลาะเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน แม่อยากได้เงินเพิ่ม แต่ลูกไม่ยอม บอกว่า ให้แล้ว ทำไมยังเอาอีก เถียงกันด้วยเรื่องที่เกี่ยวกับเงินแค่ไม่กี่พัน ต่างคนต่างไม่ยอม สุดท้ายลูกบอกแม่ว่า แม่เห็นแก่ตัว เห็นแก่เงิน ให้แล้วก็เอาอีก ให้เท่าไรก็ไม่รู้จักพอ แล้วเข้าห้อง ปิดประตู ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นมาพบศพแม่อยู่บนเตียง แม่ไม่ตื่น
    ปรากฏว่าเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดฉับพลัน กล้ามเนื้อหัวใจต้องมีเลือด ถ้าไม่มีเลือดก็ตาย เป็นการตายแบบฉับพลัน และโรคนี้เป็นเพราะความเครียด สันนิษฐานว่าคงเพราะทะเลาะกับลูก และลูกพูดแรง ๆ แม่เลยโกรธ แม่เลยเครียด กลุ้มใจ คนเราเวลาเครียดมันทำให้หลอดเลือดหดตัว คงจะมีผลทำให้เลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจมันขาด กล้ามเนื้อหัวใจเลยตายแบบฉับพลัน ลูกเสียใจมาก
    ที่จริงคืนนั้นลูกก็รู้สึกผิดแล้วที่พูดไม่ดีกับแม่ แต่เผลอพูดไปด้วยความโกรธ ตอนนั้นคิดว่าจะไปขอโทษแม่ แต่ว่าคิดว่า เอาไว้พรุ่งนี้แล้วกัน ผลัดไปวันพรุ่งนี้ ปรากฏว่าพรุ่งนี้แม่เป็นศพเสียแล้ว ไม่มีโอกาสที่จะขอโทษแม่
    มันเป็นเรื่องเดียวกับเรื่องที่เล่าเมื่อสักครู่ เราคิดว่ายังมีวันพรุ่งนี้ที่จะได้พูดคุยกับแม่ แต่นั่นเป็นความประมาท เพราะว่าแม่จากไปเสียก่อน
    ฉะนั้น ใครที่มีแม่อยู่ให้ตระหนักว่า หนึ่ง เราโชคดีที่ยังมีท่านอยู่กับเรา สอง เราไม่รู้ว่าท่านจะจากไปเมื่อไร อาจจะบ่ายนี้ คืนนี้ พรุ่งนี้ก็ได้ เพราะฉะนั้น พยายามทำดีที่สุดกับท่าน ถ้าอยู่ไกลก็พยายามที่จะไปเยี่ยมท่าน ไปพูดคุยกับท่าน พาท่านไปกินอาหาร พาท่านไปเที่ยว พูดดี ๆ กับท่าน
    อย่างน้อยเวลามีความโกรธ มีความไม่พอใจ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาระหว่างแม่กับลูก หรือแม้กระทั่งกับพ่อกับลูก โกรธเมื่อใดก็ยับยั้งชั่งใจ อย่าพูดอะไรออกไป เพราะถ้าพูดไปแล้วอาจจะเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจของผู้เป็นแม่หรือผู้เป็นพ่อ และคำพูดที่รุนแรงของเราสามารถทำให้ท่านตายได้ เพราะถ้าเครียดมาก ๆ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย หัวใจหยุดเต้น ตายเลย และมันเป็นความผิดที่จะต้องติดค้างใจไปนาน
    แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดจารุนแรงต่อกัน แต่ถ้าพูดจากันแบบผ่าน ๆ แม่มาชวนคุยก็บอก พรุ่งนี้ค่อยคุยนะ กำลังคุยกับเพื่อน อันนี้อาจเป็นสัญญาณอันตรายแล้ว เพราะว่าอาจจะไม่มีโอกาสที่จะได้คุยกับท่านเลยหากว่าท่านมีอันเป็นไปเสียก่อน
    ฉะนั้น ให้เราปฏิบัติกับท่านเหมือนกับว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของท่าน โดยเฉพาะวันนี้เป็นวันแม่ น่าจะเตือนใจเรา ไม่ใช่แค่ขอบคุณกราบเท้าท่านที่ได้มาให้กำเนิดเรา เลี้ยงดูเรา หรือพาท่านไปกินอาหาร แต่ว่าทำดีกับท่านทุกวัน อย่างน้อย ๆ ก็ทักทายพูดคุย เพราะเราไม่รู้ว่าจะมีโอกาสอย่างนี้อีกหรือเปล่าในวันรุ่งขึ้น
    วันแม่จะมีความหมายต่อเมื่อมันเตือนใจให้เรารู้ว่า วันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายของแม่หรือของพ่อก็ได้ ฉะนั้น ทำดีที่สุดกับท่าน อย่าทิ้งร่องรอยที่ออกมาจากความโกรธ หรือความละเลยเพิกเฉยของเรา เพราะนั่นอาจจะทำให้เรารู้สึกผิดหรือเสียใจไปจนตายเลยก็ได้.

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service