พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 26 สิงหาคม 2568
เมื่อหลายปีก่อนเคยมีการทดลองเล็ก ๆ น่ารักในอเมริกา เขาทำกับเด็กทารกแต่ไม่ถึงกับเล็กมากประมาณสัก 2-3 ขวบ
เด็กนั่งอยู่ในห้อง สักพักก็มีหุ่นหรือตุ๊กตุ่นตุ๊กตาชื่อ เฟรด เข้ามาในห้องพร้อมกับถือแท่งช็อกโกแลต สักพักเฟรดก็เอาแท่งช็อกโกแลตไปซ่อนไว้ใต้เบาะที่อยู่ในห้อง แล้วเฟรดก็เดินออกไป
ไม่นานก็มีหุ่นตัวใหม่ก็เข้ามา เป็นหุ่นเพศหญิงชื่อแอนนี่ ถือตะกร้า แล้วแอนนี่ก็ไปหยิบแท่งช็อกโกแลตจากใต้เบาะที่เฟรดซ่อน เอามาใส่ไว้ในตะกร้าของตัว แล้วเดินออกไปจากห้อง
ตอนนี้ผู้ทดลองถามเด็กเล็กที่เห็นเหตุการณ์ตลอดว่า ถ้าเฟรดเข้ามาในห้องอีกครั้งหนึ่ง เขาจะเจอช็อกโกแลตที่ไหน เด็กทุกคนจะตอบว่า หาช็อกโกแลตได้ที่ตะกร้าของแอนนี่ ทำไมเด็กตอบอย่างนั้น เพราะเด็กเห็นแอนนี่เอาช็อกโกแลตใต้เบาะมาใส่ไว้ในตะกร้าของตัวแอนนี่
เด็กเล็กรู้อะไรมักจะคิดว่า คนอื่นก็รู้เหมือนตัว ตัวเองรู้ว่าช็อกโกแลตอยู่ในตะกร้าของแอนนี่ ก็คิดว่าเฟรดต้องรู้เหมือนกันว่าช็อกโกแลตอยู่ในตะกร้าของแอนนี่
แต่ถ้าถามผู้ใหญ่ หรือถามเด็กโต เขาจะตอบเลยว่า ถ้าเฟรดเข้ามาในห้อง เฟรดต้องไปหาช็อกโกแลตใต้เบาะ เพราะว่าเคยซ่อนไว้ตรงนั้น
เขาทำอย่างนี้กับเด็กที่อายุ 4 ขวบ ถามคำถามเดียวกันว่า ถ้าเฟรดเข้ามาในห้อง เฟรดจะหาช็อกโกแลตเจอที่ไหน เด็กจะตอบว่า ทีแรกเฟรดจะไปหาที่ใต้เบาะก่อน เพราะว่าเฟรดซ่อนไว้ตรงนั้น
อันนี้คือความแตกต่างระหว่างเด็กเล็กกับเด็กโต หรือระหว่างเด็กเล็กกับผู้ใหญ่ เด็กเล็กคิดว่า ตัวรู้อะไร คนอื่นก็จะรู้เหมือนกัน แต่ว่าเด็กโตจะรู้ว่า สิ่งที่ตัวเองรู้ คนอื่นอาจจะไม่รู้เหมือนตัวก็ได้
อย่างกรณีนี้เด็กโตจะรู้ว่าช็อกโกแลตอยู่ในตะกร้าของแอนนี่ แต่ก็รู้เหมือนกันว่าเฟรดเขาไม่รู้หรอก เพราะเขาไม่เห็น คงเข้าใจว่าช็อกโกแลตอยู่ใต้เบาะเหมือนเดิม
นี่คือเหตุผลว่า ทำไมคนเราพอโตขึ้น เราถึงรู้วิธีซ่อน ของสัตว์ก็รู้วิธีซ่อนของสัตว์ สัตว์บางชนิดซ่อนของ เช่น อาหาร หรือเนื้อไว้ในซอก หรือว่าขุดหลุมไว้ในดิน มันทำอย่างนี้เพราะอะไร เพราะมันรู้ว่าตัวอื่นอาจจะไม่รู้ว่าของนั้นซ่อนอยู่ในดินหรืออยู่ในซอก สัตว์บางชนิดมีความสามารถในการรู้ว่าสัตว์ตัวอื่นไม่สามารถจะรู้เหมือนตัวได้
คนเราก็เหมือนกัน รู้อะไร เราก็เชื่อว่าคนอื่นอาจจะไม่รู้เหมือนเรา อันนี้คือสิ่งที่ทำให้พ่อสอนลูกอย่างโน้นอย่างนี้ เพราะรู้ว่าลูกไม่รู้เหมือนพ่อ คนเราเติบโตได้ก็วัดกันที่ตรงนี้ด้วยคือ คิดว่าตัวเองรู้อะไร คนอื่นอาจจะไม่รู้เหมือนตัว
แต่เท่านี้ยังไม่พอ นอกจากรู้ว่าคนอื่นอาจจะรู้ไม่เหมือนตัวแล้ว ที่สำคัญกว่านั้นคือ เราคิดอะไร คนอื่นอาจจะคิดต่างจากเราก็ได้ อันนี้สำคัญมากสำหรับการอยู่ร่วมกัน
แต่คนส่วนใหญ่ หรือคนจำนวนไม่น้อยเขาเข้าใจว่า ฉันคิดอย่างไร คนอื่นต้องคิดเหมือนฉันด้วย เพราะฉะนั้น พอเจอคนที่คิดไม่เหมือนตัวเองก็จะไม่พอใจ จะเสียใจ จะโกรธ บางทีพ่อหรือแม่ก็เสียใจที่ลูกไม่คิดเหมือนตัว ทั้งที่การคิดต่างเป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่าคนจำนวนมากเขาไม่มองว่าเป็นเรื่องธรรมดา ตรงนี้แหละที่ทำให้เกิดความขัดแย้งกันขึ้นมา
มนุษย์เราเมื่อเติบโตขึ้น เราไม่เพียงแต่จะรู้ว่าคนอื่นรู้ไม่เหมือนเราเท่านั้น แต่จะต้องรู้ว่าคนอื่นอาจจะคิดไม่เหมือนเราก็ได้
ประสบการณ์สอนให้เราตระหนักว่า คนอื่นเขาอาจจะคิดไม่เหมือนเรา
บางครั้งประสบการณ์ก็ไม่ได้ทำให้เราตระหนักว่า ความคิดต่างเป็นเรื่องธรรมดา อาจจะเป็นเพราะมีความยึดมั่นถือมั่นในความคิดของตัว เลยยอมรับไม่ได้ที่คนอื่นเขาคิดต่างจากตัว
ซึ่งอันนี้แสดงว่ายังไม่มีการพัฒนาที่สมบูรณ์ เพราะถ้ามีการพัฒนาที่สมบูรณ์ ไม่ใช่แค่รู้ว่าคนที่รู้ต่างจากเราเป็นธรรมดาเท่านั้น แต่ยังรู้ว่า คนที่คิดต่างจากเราก็เป็นธรรมดาเหมือนกัน
อย่างที่พระพุทธเจ้าสอนเรื่อง สัจจานุรักษ์ มีธรรมะข้อหนึ่งที่ชาวพุทธไม่ค่อยได้ยินเท่าไร สัจจานุรักษ์ แปลตามตัวว่า การคุ้มครองสัจจะ ความหมายหนึ่งคือว่า การรักสัจจะ รักความจริง แปลว่า พูดจริง ไม่พูดเท็จ
อีกความหมายหนึ่ง ที่พัฒนาขึ้นมาคือ การไม่ผูกขาดความจริงด้วย หรือไม่เหมาว่าสิ่งที่ตัวเองรู้ สิ่งที่ตัวเองเห็นคือ ความจริงหนึ่งเดียว
คนส่วนใหญ่มักจะเหมาหรือผูกขาดว่า สิ่งที่ตัวเองรู้ สิ่งที่ตัวเองเห็น เป็นความจริงหนึ่งเดียวเท่านั้น แต่พระพุทธเจ้าเตือนว่า สิ่งที่เรารู้ สิ่งที่เราคิดอาจจะเป็นจริง แต่ว่าคนอื่นที่รู้ต่างจากเรา คิดต่างจากเราก็อาจจะจริงเหมือนกัน
เหมือนกับว่า จากวัดป่าสุคะโตไปชัยภูมิ คนหนึ่งบอกว่าใช้เวลาชั่วโมงครึ่ง อีกคนหนึ่งบอกว่าใช้เวลา 1 ชั่วโมง คนหนึ่งบอกว่าต้องผ่านแก้งคร้อ อีกคนหนึ่งบอกว่าไม่ต้องผ่านแก้งคร้อ ลงเขาไปเลย เถียงกัน เพราะต่างคนต่างยืนยันว่าสิ่งที่ตัวเองรู้เท่านั้นที่จริง
แต่ความจริงคือว่า ไปชัยภูมิไปได้ 2 ทาง ผ่านแก้งคร้อก็ได้ ใช้เวลาชั่วโมงครึ่ง แต่ไม่ผ่านแก้งคร้อก็ทำได้ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง จริงเหมือนกัน แต่ว่าเป็นเพราะทั้ง 2 คนผูกขาดความจริงว่า สิ่งที่ตัวเองรู้เท่านั้นที่จริง เป็นความจริงหนึ่งเดียว
เพราะฉะนั้น อันนี้คือสิ่งที่จะต้องเตือนใจเราว่า ไม่ใช่แค่คนเรารู้ไม่เหมือนกันเท่านั้น แต่คนเรายังคิดไม่เหมือนกันด้วย จำเพาะเด็กเล็ก ๆ ต่ำกว่า 4 ขวบที่คิดว่าคนเรารู้เหมือนกัน ฉันรู้อะไร คนอื่นก็รู้เหมือนฉัน แต่พอโตขึ้นก็รู้ว่า ฉันรู้อะไร คนอื่นอาจจะรู้ไม่เหมือนฉันก็ได้ แต่นั่นไม่พอ ต้องไปถึงขั้นว่า ฉันคิดอะไร คนอื่นอาจจะคิดไม่เหมือนฉันก็ได้ และยอมรับหรืออยู่ร่วมกันได้ว่ามันเป็นธรรมดา.