พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 29 สิงหาคม 2568
เมื่อ 200 ปีก่อน ถ้าถามพวกเราว่ามีข้อความแบบไหนที่ถือว่าหยาบคายมากที่สุด ห้ามพูดเลย เราจะนึกไม่ถึงเลยว่าเมื่อ 200 ปีที่แล้วข้อความที่ถือว่าหยาบคายมากก็คือ ติดเนื้อต้องใจ
แต่นั่นยังไม่หยาบคายเท่ากับคำว่า ไว้เนื้อเชื่อใจ หรือวางเนื้อวางใจ หยาบคายขนาดรัชกาลที่ 4 ให้ออกประกาศราชกิจจานุเบกษา ห้ามประชาชนทั้งประเทศพูดคำนี้ เอ่ยคำนี้ หรือวลีนี้ ขืนเอ่ยจะถูกลงโทษ แต่เดี๋ยวนี้คำว่าไว้เนื้อเชื่อใจกลายเป็นคำดีไปเสียแล้ว อยากได้ยินได้ฟังจากคนที่อยู่ใกล้ ถ้าใครที่อยู่ใกล้เป็นเพื่อนก็ดี เป็นคู่รักก็ดี บอกมีความไว้เนื้อเชื่อใจเรา เราจะรู้สึกปลื้ม แต่สมัยก่อนไม่ได้เลย พูดประโยคนี้ออกมาเป็นเรื่อง
เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่า คำว่าไว้เนื้อเชื่อใจ ติดเนื้อต้องใจ 200 ปีก่อนเป็นคำที่อุจาดมาก หยาบคายมาก แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นคำธรรมดา กลายเป็นคำที่ดีไปแล้ว
และหลายคนจะนึกไม่ถึงว่าเมื่อไม่ถึง 200 ปีที่แล้วเอาแค่ไม่ถึง 100 ปี การนำพระพุทธรูปมาไว้ในบ้าน ถือว่าเป็นเรื่องที่อุบาทว์มาก คนสมัยก่อนเขาไม่นำพระพุทธรูปมาไว้ในบ้าน ที่ ๆ เหมาะสมของพระพุทธรูปมีที่เดียวคือ วัด เพราะเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่บ้านเป็นที่ ๆ ถือว่าไม่เหมาะสมกับพระพุทธรูป เพราะอะไร
เพราะบ้านเป็นที่ ๆ ผู้คนอาจจะใช้ทำผิดศีลก็ได้ ทั้งกินเหล้า เล่นการพนัน ดูหนัง ฟังเพลง สมัยก่อนไม่มีหนังก็ฟังเพลง เล่นอบายมุข เล่นการพนัน หรือหนักกว่านั้นคือเสพเมถุน เสพกาม สมัยก่อนก็เสพเมถุน เสพกามกันในบ้าน ถ้าเป็นผัวเมียกัน ถือว่าเป็นพื้นที่ ๆ เรียกว่าสาธารณ์
คำว่าสาธารณ์สมัยก่อนถือว่าเป็นคำที่ไม่ดี ใช้คำว่าชั่วช้าสาธารณ์ ชั่วช้าสามานย์ เพราะฉะนั้นบ้านจึงเป็นที่ ๆ ไม่เหมาะสำหรับการนำพระพุทธรูปมาวางไว้ ไม่ว่าจะเคารพพระพุทธรูปอย่างไร ก็เอาไปวางไม่ได้ เพราะเป็นพื้นที่ ๆเรียกว่าต่ำ แม้จะไม่ได้ผิดศีล แต่การที่ไปเสพกามกันในบ้านโดยที่มีพระพุทธรูปอยู่ในบ้าน ก็ถือว่า เป็นการไม่แสดงความเคารพ
ด้วยเหตุนี้คนสมัยก่อนจึงไม่แขวนหรือห้อยพระไว้ที่คอ เพราะคนเรา โดยเฉพาะฆราวาส สามารถจะเอาร่างกายไปทำชั่วได้ เช่น ไปลักขโมย ไปยิงนกตกปลา เล่นการพนัน หรือถึงแม้จะไม่ได้ทำชั่วแต่ก็อาจจะทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องไม่เหมาะสม ไม่ได้หมายถึงการไปเข้าห้องน้ำ ขี้ เยี่ยวนะ เพราะพระก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน แต่หมายถึงการไปเสพกามกัน เที่ยวซ่องหรือไปเสพเมถุนกับคู่รัก แม้จะไม่ผิดศีลข้อที่ 3 แต่ไม่เหมาะสมสำหรับพระพุทธรูป
คนสมัยก่อนจึงไม่แขวนหรือห้อยพระไว้ที่คอ แต่เดี๋ยวนี้เป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว การนำพระพุทธรูปไปไว้ในบ้านถือเป็นเรื่องที่เหมาะสมสำหรับชาวพุทธ มีพิธีกรรมต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะวางพระพุทธรูปหันหน้าไปทางไหน อัญเชิญอย่างไร ถวายด้วยอะไร มีพิธีกรรมต่าง ๆ มากมาย
ทั้งหมดเพิ่งเกิดขึ้นมาเมื่อไม่นานมานี้ สมัยก่อนไม่มีปัญหาเรื่องนี้เพราะเขาไม่เอาพระพุทธรูปมาวางไว้ในบ้าน ใครเอามาวางไว้ถือว่าอุบาทว์ หรือเอาพระเครื่องมาห้อยคอก็ถือว่าอุบาทว์ เดี๋ยวนี้ธรรมดาเสียแล้ว ถือเป็นเรื่องที่ดีเสียด้วยซ้ำ มีพระพุทธรูปเป็นเครื่องปกป้อง ทำให้แคล้วคลาด
ความเคารพหรือสิ่งที่เราเรียกว่าหยาบคาย อุบาทว์ อุจาด มันเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย หลายสิ่งหลายอย่างที่เราทำทุกวันนี้คนสมัยก่อนถือเป็นเรื่องอุบาทว์ แต่เดี๋ยวนี้เราไม่รู้สึกอะไรแล้ว กลับเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ
เช่นเดียวกับเรื่องความหยาบคายความสุภาพ สมัยก่อนการกินข้าวด้วยมือ ถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่เดี๋ยวนี้ใครกินข้าวด้วยมือ ถือว่าไม่สุภาพ ต้องกินข้าวด้วยช้อนส้อม ไปกินข้าวด้วยมือในบางที่เขาดูถูกเอา ต้องกินข้าวด้วยช้อนส้อม
แต่สมัยก่อนนั้นการกินข้าวด้วยช้อนส้อมถือว่าไม่สุภาพ ในยุโรปสัก 3-400 ปี ตอนที่ราชินีจากอิตาลีมาอยู่ฝรั่งเศสนั้น อิตาลีมีธรรมเนียมการกินข้าวด้วยช้อนส้อมและมีด มีดเขามีมานานแล้ว พอมาอยู่ฝรั่งเศสกินข้าวด้วยช้อนส้อมเขาก็ดูถูก ว่าเป็นพวกที่ไม่รู้ธรรมเนียม เป็นพวกที่ไร้การศึกษา เพราะคนที่มีสกุลรุนชาติเขากินอาหารด้วยมือกับมีด ไม่มีช้อนส้อม
ความคิดเรื่องสุภาพหรือไม่สุภาพก็เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ยึดมั่นถือมั่นอะไรไม่ได้ แต่ก่อนจะไปบรรยายตามที่ไหน ๆ ในเมืองไทยเมื่อ 50 ปีที่แล้วต้องสวมเสื้อนอก แม้กระทั่งไปบรรยายอภิปรายที่โรงเรียนก็ต้องสวมเสื้อนอก ทั้งที่สมัยก่อนไม่มีเครื่องปรับอากาศ แต่เดี๋ยวนี้การใส่เสื้อผ้าลำลองไปอภิปราย ไปบรรยายที่ไหนกลายเป็นเรื่องธรรมดาเสียแล้ว
แต่ก่อนใส่กางเกงยีนส์ถือว่าไม่สุภาพ แต่เดี๋ยวนี้ใส่กางเกงยีนส์เป็นเรื่องธรรมดาแล้ว บางคนก็ไปรับรางวัลด้วยเสื้อผ้าที่สวมกางเกงยีนส์
สิ่งที่เราคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีสมัยก่อนเป็นเรื่องที่แย่สมัยนี้ สิ่งที่สมัยก่อนมองว่าเป็นเรื่องที่ดีเดี๋ยวนี้เป็นเรื่องที่แย่
เฮโรอีนเมื่อ 100 ปีก่อนวางขายอย่างถูกกฎหมาย เป็นเรื่องธรรมดามาก แต่เดี๋ยวนี้ใครมีในครอบครองติดคุกไม่รู้เรื่องเลย
ตรงข้ามกับกาแฟเมื่อ 3- 400 ปีก่อน เช่นที่จังหวัดออตโตมันที่ตุรกีในปัจจุบันนี้ ห้ามดื่มกาแฟกันทีเดียว ถ้าจับได้ว่าดื่มกาแฟอาจถูกลงโทษประหารชีวิตเลย ในยุโรปโป๊บบอกเลยว่ากาแฟเป็นเครื่องดื่มของซาตาน แต่เดี๋ยวนี้การดื่มกาแฟเป็นเรื่องเทพไปเสียแล้ว กินกาแฟต้องไปกินร้านกาแฟชื่อดัง ตรงข้ามเฮโรอีนนั้นถ้าจะเสพต้องปกปิดไม่งั้นติดคุกหรือถูกประหารชีวิตเลย
โลกมีความไม่แน่นอน แปรเปลี่ยนไปมากมาย บางสิ่ง บางคน บางประเทศที่เราเกลียด เดี๋ยวนี้กลายเป็นชื่นชมไปแล้ว 60 ปีก่อนคนไทยเกลียดกลัวจีนมาก จีนแผ่นดินใหญ่ ที่เราเรียกว่าจีนแผ่นดินใหญ่ แต่เขาไม่ชอบ เขาเรียกว่าจีนเฉยๆ เพราะจีนมีจีนเดียว แต่เราบอกว่าจีนแผ่นดินใหญ่ เพราะมีจีนไต้หวันด้วย
คนไทยตอนนั้นเกลียดกลัวจีนมาก และรังเกียจความเป็นจีน ใครมีแซ่ต้องเปลี่ยนแซ่เป็นนามสกุล อย่างอาตมาเองแต่ก่อนแซ่อุ่ย อับอายมาก ต้องเปลี่ยนเป็นนามสกุลวงศ์วรวิสิทธิ์ โรงเรียนจีนก็เดือดร้อนต้องปิด ใครคบกับจีนก็ไม่ได้เพราะจีนน่ากลัว เป็นคอมมิวนิสต์ แต่เราชื่นชมอเมริกา ต้องส่งลูกไปเรียนอเมริกา อะไรที่เป็นของอเมริกาเป็นของดีหมด แต่เดี๋ยวนี้เป็นยังไง คนชื่นชมจีนรังเกียจต่อต้านอเมริกากันมากขึ้นเรื่อย ๆ เดี๋ยวนี้เรารู้สึกภูมิใจในความเป็นจีน พอถึงตรุษจีนก็ต้องแต่งเสื้อใส่ชุดสีแดงไปเยาวราช มันพลิกกันไปเสียแล้ว คนสมัยนี้นึกไม่ออกว่าสมัยก่อนเราเกลียดจีนมาก เราต่อต้านจีนมาก ไม่กล้าบอกว่ามีพ่อแม่เป็นจีน เพราะเดี๋ยวเดือดร้อน เดี๋ยวถูกดูถูก
ความรัก ความเกลียดนั้นเอาแน่เอานอนไม่ได้ สมัยก่อนอเมริกากับญี่ปุ่นเกลียดชังกันมาก ทำสงครามกันในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปรากฏว่าพอเลิกสงคราม คนที่ห้ำหั่นกันกลายเป็นเพื่อนกัน เช่น มีฝรั่งคนหนึ่งชื่อ เจมส์ มูริ James Muri เป็นนักบินที่ป้องกันเกาะมิดเวย์ ก็ออกไปเผชิญหน้ากับนักบินญี่ปุ่นชื่อ ฟูจิตะ Fujita ต่างห้ำหั่นจะฆ่ากันให้ตาย พอเลิกสงครามโลกครั้งที่ 2 กลายเป็นเพื่อนกัน เพื่อนสนิทด้วย
และทำงานเป็นนักบินสายการบินเดียวกัน แจแปนแอร์ไลน์จอห์นแมคเคน สมัยก่อนเกลียดชังเวียดนามมาก เพราะถูกจำคุกคุมขังในเวียดนามถึง 5 ปีสมัยสงครามเวียดนาม พอออกมาเป็นวุฒิสมาชิก ก็กลับมาเป็นมิตรกับเวียดนามมาก
ความเกลียดชัง ความรักนั้นเอาแน่เอานอนไม่ได้ ดาราที่รักกันแต่งงานกันเป็นเรื่องเป็นราว เป็นข่าวคราวใหญ่โต 3-4 เดือนก็ทะเลาะกัน นานกว่านั้น ก็ยังถึงกับฆ่ากัน ทุบตีกันก็มี ความเกลียดกลายเป็นความรัก ความรักกลายเป็นความเกลียด มาถึงทุกวันนี้
ถึงแม้เราจะเกลียดชังบางประเทศ เช่น เกลียดเขมร ต่อไปอาจจะกลายเป็นตรงข้ามก็ได้ เหมือนกับที่เราเคยเกลียดจีนมาแล้ว ตอนหลังเราก็เปลี่ยนกลายเป็นชื่นชมจีน
เพราะฉะนั้นเวลาเรารักใครเกลียดใครอย่าไปทุ่มเต็มที่ ให้เผื่อใจไว้ว่าวันหน้าอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ ดาราหรือคู่รัก รักกันปานจะกลืนกิน ไม่กี่ปีต่อมาก็กลายเป็นศัตรูกัน เป็นอริกัน คนที่เป็นอริกันพอเวลาผ่านไปก็กลายเป็นเพื่อนรักกัน อะไรๆก็ไม่เที่ยง อะไรๆก็ไม่แน่นอน
เช่นเดียวกับความรัก ความเกลียด ความศักดิ์สิทธิ์ ความสุภาพ ความสวย ความงาม เหล่านี้ล้วนเป็นสมมุติทั้งนั้น มันก็มีประโยชน์แต่ก็อยู่ในวิสัยที่จะแปรเปลี่ยนไปได้
เพราะฉะนั้นอะไรที่เราถือว่าศักดิ์สิทธิ์ ถือว่าสุภาพ อย่าไปยึดมั่นถือมั่นกับมันมาก ถ้าคนเขาบอกว่าไม่สุภาพ ไม่ศักดิ์สิทธิ์ ก็อย่าไปโกรธไปแค้น เพราะว่าวันข้างหน้าอาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ เผื่อใจไว้บ้าง ว่าสิ่งที่เราคิดว่าดี ว่าไม่ดี ว่าสุภาพ ว่าไม่สุภาพ ว่าสวย ว่างาม รวมทั้งความรัก ความเกลียดนั้น มันไม่แน่นอน อย่าไปทุ่มกับมันเต็มที่ ไม่อย่างนั้นจะผิดหวัง
คนบางคนวันก่อนเป็นนักบุญ วันนี้กลายเป็นคนบาปไปแล้ว แต่ก่อนเป็นเทพตอนนี้เป็นมารไปแล้ว ข่าวคราวก็มีให้เห็น เพราะฉะนั้นใครที่ไปยึดมั่นถือมั่นว่าคนนั้นเป็นเทพเต็ม 100 พอพบว่าเขาเป็นมารก็จะผิดหวังมาก เสียใจมาก
นั่นเป็นความผิดของเราที่ไปยึดมั่นถือมั่น ไปยึดมั่นถือมั่นว่าเขาเป็นนักบุญ พอพบว่าเขาเป็นคนบาป เขาทุจริต เขาคอรัปชั่น เขาโกงเงิน ก็ผิดหวังเสียใจ เป็นเพราะเราไม่เผื่อใจไว้ ว่าอะไรๆก็ไม่เที่ยง อะไรๆก็ไม่แน่นอน สิ่งที่เราคิดว่าดี สิ่งที่เราคิดว่าวิเศษ อาจจะไม่ใช่ก็ได้ หรืออาจจะเปลี่ยนแปลงไปก็ได้ ให้เผื่อใจไว้.