พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 7 กันยายน 2568
วันนี้เป็นวันสำคัญสำหรับพวกเรา ไม่ใช่วันสำคัญทางพุทธศาสนาแต่เป็นวันสำคัญทางประเพณี เพราะวันสำคัญทางพระพุทธศาสนานี้ก็มีแค่ 3 วัน วันเพ็ญเดือน 3 วันเพ็ญเดือน 6 วันเพ็ญเดือน 8
แต่วันนี้วันเพ็ญเดือนสิบ เป็นวันสำคัญตามประเพณีไทย เรียกว่าบุญเดือนสิบหรือบ้านเรา ภาคอีสานก็คือบุญข้าวสาก สำคัญอย่างไร สำคัญเพราะว่าเป็นวันที่เราจะร่วมกันทำบุญอุทิศให้กับบรรพบุรุษ บุพการี พ่อแม่ ญาติพี่น้อง มิตรสหายที่ล่วงลับไป
เราทุกคนมีพ่อมีแม่ มีบรรพบุรุษ มีพี่มีน้อง มีเพื่อน เมื่อท่านเหล่านี้ล่วงลับไป ถ้าเรามีโอกาสก็ควรทำอะไรดี ๆ ให้กับท่านเหล่านั้น และสิ่งที่จะทำได้ก็คือการทำบุญอุทิศไปให้ เพราะว่าผู้ที่ล่วงลับไปแล้วไม่ว่าจะร่ำรวยแค่ไหน ยิ่งใหญ่เพียงใด มีที่ดินกี่แปลง มีบ้านกี่หลังก็แล้วแต่ เอาไปไม่ได้แม้แต่น้อย กระทั่งมีบริษัทบริวารมากมายเป็นร้อยเป็นพัน หรือมีคนรัก มีพ่อ มีแม่ มีลูก มีหลานที่รักปานจะกลืนกินเพียงใด ก็เอาไปไม่ได้ถ้าเกิดเขาตายไปแล้ว
แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่จะเอาไปได้นั้นก็คือบุญกุศล และแม้ไปอยู่ในปรโลกแล้ว พวกเราที่อยู่ข้างหลังก็ยังอุทิศบุญกุศลไปให้ และชาวไทยเราก็เชื่อว่าวันเพ็ญเดือนสิบเป็นโอกาสดีที่จะทำบุญอุทิศไปให้ท่าน โดยเฉพาะสำหรับผู้ล่วงลับที่ได้ไปอยู่ในทุคติภูมิที่เรียกว่าไปอยู่ในเปรตวิสัย หรืออยู่ในภพภูมิที่เป็นเปรต ซึ่งก็มีเพราะคนเราตอนที่มีชีวิตอยู่ถ้าหากว่าไม่ได้ทำบุญทำกุศล มิหนำซ้ำทำบาปทำกรรม
แม้จะร่ำรวย แม้จะยิ่งใหญ่เพียงใด พอตายไปแล้วก็ต้องไปรับกรรมในปรโลก บางทีก็เป็นเปรต แต่ว่าก็ไม่เหลือวิสัยที่เราผู้ยังอยู่จะทำบุญไปให้ท่านเหล่านั้น นอกจากวันสงกรานต์แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ชาวไทยทั้งประเทศซึ่งส่วนใหญ่นับถือพุทธร่วมกันทำบุญไปให้กับท่านเหล่านั้น เป็นวันพิเศษ
อันนี้ก็เป็นเรื่องเตือนใจเราด้วยว่า คนเราเมื่อตายไปแล้วไม่ใช่ว่าจะสูญหายไปเลย แต่ว่าจะยังไปเกิดใหม่ในปรโลก ซึ่งก็มีทั้งสุคติและทุคติ ฉะนั้นถ้าเราทำความดีเราก็ไปสุคติ ไปสุคติก็ไม่ต้องรอให้ลูกหลานทำบุญอุทิศให้เพราะว่าอยู่ในนั้นก็มีของที่เป็นทิพย์อยู่แล้ว
แต่ถ้าเกิดไปทุคติ ไปอบายพูดง่าย ๆ โดยเฉพาะไปเป็นเปรต ก็ต้องรอลูกหลานมาทำบุญอุทิศไปให้ ถ้าเราตอนที่เป็นพ่อเป็นแม่มีลูกที่ดี ถ้าเราตอนที่เป็นตาเป็นยาย เป็นปู่เป็นย่า มีหลานที่ดี เราก็สบายใจได้เพราะว่าพอเราตายไปก็จะมีลูกหลาน ก็จะมีคนรู้จักทำบุญอุทิศไปให้ แม้ว่าจะไปอยู่ในอบาย แต่ว่าพอมีลูกหลาน มิตรสหายทำบุญอุทิศให้ก็พ้นจากความทุกข์
เรามีความเชื่อว่าเปรตยังหิวโหย พอได้รับส่วนบุญก็หายหิวโหย อิ่มหนำสำราญ ที่เคยหนาวเพราะไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่ก็มีเสื้อผ้าสวมใส่ เพราะอะไร เพราะบุญกุศลที่ลูกหลาน ญาติพี่น้อง มิตรสหายได้ทำบุญอุทิศไปให้ แต่ถ้าเกิดว่าตอนที่เราเป็นพ่อเป็นแม่ เป็นปู่เป็นย่า เป็นตาเป็นยาย เราไม่ดูแลลูกหลานให้ดี เราเห็นแก่ตัว คิดถึงแต่ตัวเอง พอไปอบาย ไม่มีใครจะทำบุญอุทิศให้
อันนี้ก็คิดเอาไว้ไกล ๆ หน่อยว่า ตายไปแล้วก็ไม่รู้ว่าจะได้ไปสุคติหรือไปทุคติ ถ้าอยากให้ไปสุคติก็ต้องทำความดีเสียแต่วันนี้ ทำบุญทำกุศล รักษาศีล แต่ถ้าหากว่าไม่ทำบุญ ไม่รักษาศีลก็อาจจะไปทุคติได้ แถมไปแล้วเกิดลูกหลานไม่สนใจเพราะตอนที่เรามีชีวิตอยู่เราไม่สนใจลูกหลาน เอาแต่กินเหล้า เอาแต่เล่นไพ่ เอาแต่เที่ยวเตร่ ถึงเวลาตายไปลูกหลานก็ไม่สนใจเรา ถึงวันทำบุญก็ไม่สนใจจะทำบุญอุทิศไปให้ แบบนี้ก็แย่
ฉะนั้นถ้าหากว่าอยากจะไปประสบสุขในสัมปรายภพในปรโลก ก็ควรจะทำความดีเสียแต่วันนี้ รวมทั้งดูแลลูกหลานให้ดีด้วย ดูแลด้วยความรักเอาใจใส่ อย่าเลี้ยงด้วยเงินอย่างเดียว แต่ว่าเลี้ยงด้วยความรัก อันนี้จะเป็นหลักประกันว่า ไปแล้วก็จะไปดี หรือถึงบังเอิญไปทุคติก็ยังมีลูกหลานทำบุญอุทิศให้
แต่ก็อย่างว่า สมัยนี้จะพึ่งพาลูกหลานก็ยาก เพราะว่าเด็กสมัยนี้เขาอาจจะไม่เห็นความสำคัญของความกตัญญูรู้คุณ เขาอาจจะคิดว่าเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะต้องเลี้ยงดูเขา แต่เขาไม่คิดว่าเป็นหน้าที่ของเขาที่จะแสดงความกตัญญู เพราะฉะนั้นพอเราตายไปแล้วอาจจะไม่มีลูกหลานมาทำบุญอุทิศให้
หรือบางคนไม่มีลูกไม่มีหลานเลยเพราะเป็นโสด ก็ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องหวั่นวิตกว่าจะไม่มีใครทำบุญอุทิศให้ ถ้าเราทำความดีเสียแต่วันนี้ ไม่ใช่แค่เข้าวัด ใส่บาตร แต่ว่าทำความดีกับเพื่อนบ้าน ทำความดีกับส่วนรวม แม้ไม่มีลูกแต่ก็ดูแลหลาน มีความเมตตากรุณาต่อหลาน ถึงแม้เราตายไปเขาจะไม่ทำบุญอุทิศให้เพราะเขาไม่สนใจ หรือเพราะเขาไม่เชื่อเรื่องพวกนี้
แต่ถ้าเราทำความดีไว้ตั้งแต่ตอนนี้ บุญกุศลก็จะส่งผลให้เราได้ไปสุคติ ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องรอว่าใครจะมาทำบุญอุทิศให้ เพราะว่าเรารวยแล้ว รวยด้วยบุญที่สะสมมาตอนที่มีชีวิตอยู่ ไปสุคติก็ประสบความสุขความสวัสดี เพราะฉะนั้นใครที่อยากจะมีความสุขในปรโลกก็หมั่นทำความดีเอาไว้ และถ้ามีลูกก็ดูแลลูกให้ดี ๆ มีหลานก็ดูแลหลานให้ดี ๆ ไม่มีลูกมีแต่หลานก็ช่วยดูแลเขา อย่าเลี้ยงลูกด้วยเงิน
เดี๋ยวนี้เราเลี้ยงลูกด้วยเงินเยอะ บางทีก็เลี้ยงลูกด้วยโทรศัพท์ เลี้ยงลูกด้วยไอแพด เลี้ยงลูกด้วยมือถือ แบบนี้ถึงเวลาเขาโตขึ้นเขาก็ไม่ได้สำนึกบุญคุณของเราเท่าไหร่ เพราะเขาก็ไม่เชื่อเรื่องความกตัญญูกตเวที ถึงเวลาเราตายไปเขาก็ไม่ทำบุญให้
แต่ถ้าเกิดว่าเราทำความดี มีศีล มีธรรม ก็มั่นใจได้เลยว่าตายแล้วก็ไปดี ไม่มีใครทำบุญอุทิศให้ก็ไม่เป็นไรเพราะว่าบุญที่เราสะสมมาตอนที่มีชีวิตอยู่มากพอที่จะประสบสุขในสัมปรายภพได้
ที่จริงไม่ใช่แค่ประสบสุขในสัมปรายภพ ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็จะไม่ทุกข์ถ้าเราทำความดี เรามีน้ำจิตน้ำใจ ถึงเวลาแก่ก็มีลูกมีหลานมาช่วยดูแล หรือถึงไม่มีลูกไม่มีหลานก็มีเพื่อนบ้านมาช่วยดูแลเอาใจใส่
เพื่อนของอาตมาหลายคนเขาไม่มีลูกไม่มีหลาน แต่ตอนป่วยหนักก็มีมิตรสหายมาช่วยกันดูแล 24 ชั่วโมงเลย ทั้งเวลากลางคืนและกลางวัน เขามีแม่ แม่ไม่ต้องเหนื่อยมาดูแลลูกสาวเลย เพราะมีเพื่อนมาดูแลตลอดหลายเดือนจนสิ้นลม เพราะอะไร เพราะว่าเขาเป็นคนมีน้ำใจ
เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าเราอยากจะมีความสุขทั้งในภพนี้และภพหน้า หรือชาตินี้และชาติหน้า ก็ขอให้มั่นใจในบุญกุศล ความดีมีน้ำใจ อย่าไปฝากความหวังไว้กับเงินทอง อย่าไปฝากความหวังไว้กับชื่อเสียง อำนาจ ตำแหน่ง พวกนี้มันไม่เที่ยง
หลายคนมีตำแหน่งสูง ๆ แต่พอบั้นปลายชีวิตไม่มีตำแหน่งอะไรเลยเพราะถูกแย่งชิงไป หรือเพราะเกษียณ ก็อยู่อย่างหงอยเหงา ก่อนตายก็เหงา ตายไปแล้วก็ไม่รู้ไปไหน ถ้าเกิดไปอบายก็ลำบากเพราะว่าไม่มีลูกหลานที่เขาจะนึกถึงหรืออุทิศบุญกุศลไปให้ เพราะตอนมีชีวิตอยู่ไม่สนใจเขาเลย ให้แต่เงิน แต่ไม่ได้ให้ความรัก ไม่ได้ให้ความเอาใจใส่
เมื่อเรามาทำบุญเดือนสิบกัน เราก็ระลึกถึงความจริงข้อนี้เอาไว้ อนุโมทนาด้วยคนที่มาทำบุญอุทิศให้กับบรรพบุรุษที่จากไปในวันนี้ ถือว่าเป็นผู้ที่มีคุณงามความดี แต่ก็อย่าลืมว่านอกจากทำบุญอุทิศให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว เราก็พยายามทำความดีให้กับผู้ที่ยังอยู่ โดยเฉพาะลูกหลานของเรา พ่อแม่ของเราในวันนี้ด้วย
อย่ารอให้พ่อแม่ตายก่อนแล้วค่อยไปทำบุญให้ ดูแลท่านเสียแต่วันนี้ เพราะถ้าเราไม่ดูแลท่านตอนแก่ ถึงเวลาเราแก่เองก็ไม่มีใครดูแลเหมือนกัน เขาเรียกว่าเป็นกฎแห่งกรรม เพราะฉะนั้นอยากสบายทั้งในยามแก่ และประสบสุขในสัมปรายภพก็ทำความดี รักษาศีล ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น ดูแลลูกหลานให้ดี.