แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 25 ตุลาคม 2568
เมื่อคืนนี้มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในประเทศเรา นั่นคือการสวรรคตของสมเด็จพระบรมราชชนนีพระพันปีหลวง นับว่าเป็นความสูญเสียครั้งสำคัญของประเทศชาติและของพสกนิกร เพราะว่าพระองค์เป็นคู่บุญคู่บารมีของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาโดยตลอด และได้บำเพ็ญคุณประโยชน์มากมายกับประเทศชาติ สำหรับประชาชนไทยจำนวนมาก หรือว่าทั้งประเทศก็ว่าได้ อันนี้คือความสูญเสียครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าสมเด็จพระพันปีหลวงสำหรับคนรุ่นอาตมาเรียกว่าเป็นพระบรมราชินีมาตั้งแต่เกิด เป็นมาค่อนชีวิตของอาตมา หรือถ้าคนที่อายุมากกว่าอาตมา อายุ 80-90 ก็เหมือนกัน จนกระทั่งบางทีเราคุ้นกับคำว่า พระบรมราชินี ไม่ค่อยคุ้นกับชื่อสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง คำนี้ไม่คุ้นเท่าไร
เราจะคุ้นกับคำว่าพระบรมราชินี เพราะว่าพระองค์เป็นพระบรมราชินีของคนไทยมาค่อนชีวิตสำหรับคนรุ่นอาตมา หรือคนที่อายุ 80-90 แต่สำหรับคนที่ตายไปก่อนปี 2559 พระองค์เป็นพระบรมราชินีองค์เดียวในชีวิตของคนเหล่านั้น เพราะว่าพระองค์เป็นพระบรมราชินีมานานทีเดียว อยู่ในตำแหน่งนี้มา 70 ปี จนกระทั่งปี 62 จึงค่อยเลื่อนฐานันดรศักดิ์เป็น สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ไม่รู้ว่าเรียกถูกหรือเปล่า เพราะว่าพวกเรารุ่นอาตมาคุ้นกับชื่อ สมเด็จพระบรมราชินี หรือบางทีเราเรียกสั้น ๆ ว่าพระราชินี แม้ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ผู้คนเศร้าโศกเสียใจอาลัยอาวรณ์อย่างไร แต่เป็นเหมือนสัญญาณเตือนให้เราตระหนักถึงสัจธรรมความจริงว่า
...ไม่ว่าใครก็ตาม จะยากดีมีจน สูงส่งหรือต่ำต้อย ในที่สุดก็ต้องจากโลกนี้ไป เพราะว่าทุกคนตกอยู่ภายใต้กฎอนิจจัง ความไม่เที่ยง
อย่างที่เราสวดกันอยู่บ่อย ๆ พิจารณาอยู่บ่อย ๆ สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มนุษย์เราก็เหมือนกัน ไม่ว่าคนที่เราเคารพนับถือเทิดทูนมากมายเพียงใด หรือครูบาอาจารย์ที่เรานับถือ แม้กระทั่งผู้ที่เราเชื่อว่าเป็นพระอรหันต์ สุดท้ายก็ต้องละโลกนี้ไป แม้แต่พระบรมศาสดาของเราคือพระพุทธเจ้า ก็มีพระชนมายุเพียงแค่ 80 พรรษา บางองค์ก็อยู่นานสุดท้ายก็ต้องจากไป เช่น พระอานนท์ 120 ปี เป็นข้อเตือนใจว่า คนที่เราเคารพรักซึ่งตอนนี้ยังมีหลายคนอยู่กับเรา เช่น พ่อแม่ หรือปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอา ท่านเหล่านี้สุดท้ายก็ต้องจากเราไป แม้ว่าท่านจะดีเพียงใด มีบุญคุณกับเราเพียงใด ครูบาอาจารย์ก็เหมือนกัน เพราะฉะนั้นในขณะที่ท่านอยู่กับเรา นั่นคือโอกาสทองที่เราไม่ควรปล่อยปละละเลยให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เราควรทำดีกับท่านหรือว่าเรียนรู้จากท่านก่อนที่ท่านจะหมดลม ไม่ใช่เอาแต่เศร้าโศกเสียใจ เราจะไม่ได้เปิดใจหรือเฉลียวใจรับรู้ถึงสัจธรรมความจริงที่ว่านี้
เพราะฉะนั้นแม้เราจะไม่ชอบเหตุการณ์นี้อย่างไร แต่ว่าเราต้องหาประโยชน์จากเหตุการณ์นี้ให้ได้นั่นคือ มาเตือนเราให้ตระหนักถึงสัจธรรมความจริงของชีวิตว่า คนที่เรารักเคารพเทิดทูนสุดท้ายก็จากไป และไม่ต้องรอให้ท่านแก่ก่อน เพราะว่าแม้จะอายุปานใดก็ตามก็สามารถจากไปได้ทุกเมื่อ บางคนจากไปขณะที่อายุ 90 แต่บางคนจากไปเพียงแค่อายุ 10 กว่าขวบอย่างเมื่อ 2-3 วันก่อน เด็กคนหนึ่งอายุ 14 ชื่อน้องวิน ที่บางคนเรียกว่าเด็กเพราะว่าหน้าตาเหมือนเด็กแม้ว่าอายุ 14 เป็นวัยรุ่นแล้ว อายุน้องวินวัยแค่ 14 ปีก็จากไป และเป็นเด็กที่สร้างความประทับใจให้กับผู้คนจำนวนมาก ใคร ๆ เรียกว่าน้องวิน อาตมาก็เรียกว่าน้องวิน แต่ที่จริงเรียกว่า หลานวินแล้ว เพราะว่าอายุห่างจากอาตมามาก
น้องวินอายุ 14 แต่ว่าเจอโรคมะเร็งตั้งแต่อายุ 3 ขวบ เป็นมะเร็งปอด ต้องผ่านการผ่าตัด ฉายแสง ฉีดคีโม จนเกิดโรคแทรกซ้อนตามมา แถมเป็นโรคหัวใจ เขาเคยบอกว่า ผมมีระเบิดเวลา เพราะว่าโรคแทรกซ้อนจะกำเริบเมื่อไรก็ไม่รู้ และถึงวันที่กำเริบจริง ๆ เขาก็จากไปเมื่อ 2 วันก่อน แต่ไม่ใช่น้องวินคนเดียว พวกเราทุกคนมีระเบิดเวลากันทั้งนั้น ระเบิดเวลานี้จะระเบิดเมื่อไรไม่รู้เลย ถึงแม้ตอนนี้เราจะยังแข็งแรงแต่สุดท้ายเราก็ต้องเจ็บ ต้องป่วย ต้องแก่ นั่นแหละคือระเบิดเวลา เพียงแต่ว่าแต่ละคนระเบิดเวลาทำงานไม่พร้อมกันหรือไม่เหมือนกัน บางคนระเบิดเวลาทำงานตอน 90 หรืออายุ 100 แต่บางคนระเบิดเวลาทำงานเอาตอน 10 ขวบ 20 ขวบ 30 ขวบก็มี เพราะฉะนั้น เป็นเครื่องเตือนใจเราเหมือนกัน เวลาคนที่เราเคารพเทิดทูนจากไป อย่าลืมกลับมามองดูคนที่อยู่รอบข้างเราด้วยว่า สักวันหนึ่งก็ต้องเดินตามท่านไปเหมือนกัน และเราเองก็ต้องเดินตามผู้ที่จากไปก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
ก่อนที่ระเบิดเวลาจะทำงาน ก็ให้เราหมั่นทำความดี สร้างบุญสร้างกุศล หมั่นทำหน้าที่สร้างคุณประโยชน์
แต่อย่าลืมเตรียมใจรับมือกับระเบิดเวลาที่จะทำงานด้วย เพราะบางทีไม่ได้ระเบิดแบบทันทีทันใด มันทำงานอย่างช้า ๆ แต่ว่าถ้าเรารู้จักฝึกใจเอาไว้ เราก็สามารถอยู่กับระเบิดเวลาได้ด้วยใจที่ไม่ทุกข์ ไม่ได้อยู่ด้วยความหวั่นกลัว แต่ตั้งจิตอยู่ในความไม่ประมาทอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีกำลังวังชา แต่ว่าชีวิตเราเปราะบาง มีระเบิดเวลาอยู่ตลอดเวลา มีระเบิดเวลาอยู่กับตัว พร้อมที่จะทำงานได้ทุกเมื่อ การที่เรามาฝึกจิตเจริญสติ ก็เป็นการช่วยเตรียมรับมือเมื่อระเบิดเวลาเริ่มทำงาน และเมื่อถึงเวลานั้นที่มันระเบิดตูมขึ้นมาจริง ๆ เราก็ไม่มีความรู้สึกทุกข์ เพราะว่าได้ใช้ชีวิตที่ผ่านมาอย่างคุ้มค่า และได้เตรียมตัวไว้พร้อมแล้ว.