แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 27 ตุลาคม 2568
ศุ บุญเลี้ยง ชื่อนี้หลายคนคงเคยได้ยินโดยเฉพาะรุ่นอาตมา เพราะว่าเป็นนักเขียน นักร้อง นักแต่งเพลงสมัยสัก 30 ปีก่อน แต่ทุกวันนี้ก็ยังเขียนอยู่ ระยะหลังนี้เขาเข้าโรงพยาบาลบ่อย แล้วเขาก็เล่าถึงประสบการณ์บางช่วงที่ไปโรงพยาบาล อย่างเช่นเขาเล่าว่า เวลาไปโรงพยาบาลคำถามที่มักจะได้รับจากบุคลากรในโรงพยาบาล ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ พนักงานวัดความดัน พยาบาล หมอ คำถามนั้นก็คือว่าเป็นอะไรมา ถามเหมือนกันเลย
เขาบอกว่าบางครั้งก็ตอบยากโดยเฉพาะถ้าเกิดว่าคันในร่มผ้าอย่างนี้ ไม่รู้จะตอบอย่างไร แต่ก็จะเจอคำถามแบบนี้ตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลเลย แต่มีคราวหนึ่งไปเจอหมอผิวหนังแทนที่จะถามว่าเป็นอะไรมา แกถามว่าวันนี้จะให้หมอช่วยอะไรบ้าง เขาบอกเป็นคำถามที่ดีมากเลย แกเลยบอกว่าช่วยบอกให้พยาบาลออกจากห้องนี้เถิดครับ จะได้ให้หมอตรวจจุดเกิดเหตุได้สะดวก คำพูดนี้น่าสนใจ ที่หมอบอกว่าวันนี้จะให้หมอช่วยอะไรบ้าง คนไข้ก็อาจจะตอบได้ง่ายกว่าถามว่าเป็นอะไรมา เพราะว่าโรคบางโรคคนไข้ก็ไม่อยากตอบ
มีคราวหนึ่งคนใกล้ชิดหรือคนใกล้ตัวของศุ เขาแพ้ยา พอไปโรงพยาบาลหมอให้ยาแก้แพ้ ไม่นานก็ดีขึ้น ศุเป็นคนมารับเขา หมอเห็นก็บอกว่า เขาไม่เป็นอะไรแล้ว มารับคุณป้ากลับได้เลย ปรากฏว่าคนไข้อาการดูเหมือนจะกำเริบหนักกว่าเดิม เพราะคำว่า “คุณป้า” ทำให้ไม่สบายใจ ทำให้เสียขวัญ เสียกำลังใจมากเลย กลับไปบ้านแล้ว ก็ไม่สบายใจไปอีกหลายอาทิตย์ อีกคราวหนึ่ง พี่สาวไปหาหมอ บอกหมอว่านอนไม่ค่อยหลับ รู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เวลาเดินขึ้นบันไดก็เหนื่อย หมอถามว่าอยากจะให้บอกตรง ๆ ไหม พี่สาวของศุก็บอกว่า ที่มาหาหมอก็เพื่ออยากจะได้คำตอบ หมอตอบสั้น ๆ ว่า “แก่” คำเดียวเท่านั้น คนไข้หรือพี่สาวไม่กลับไปหาหมอคนนั้นอีกเลย
อันนี้เป็นสิ่งที่ศุสะท้อนมา เรื่องการสื่อสารของบุคลากรในโรงพยาบาล คำพูดบางอย่างดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา อาจจะธรรมดาสำหรับชาวบ้านแต่ว่าสำหรับคนบางกลุ่มนั้นไม่ธรรมดา มาเรียกฉันว่าป้าได้อย่างไร ฉันอายุแค่ 70 เอง คือหลายคนก็ยังไม่ยอมรับว่าตัวเองอายุมากแล้ว หรือว่าไม่ยอมรับว่าตัวเองแก่แล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่หมอพูด สิ่งที่พยาบาลพูด อาจจะเป็นเรื่องธรรมดา จะถือว่าเป็นการนับญาติ เพราะว่าคนไข้อายุมากกว่าหมอ อายุมากกว่าพยาบาล 20-30 ปี หรือ 1 ชั่วอายุคนเลย เขาเรียกว่านับญาติเป็นป้า นับญาติเป็นลุง แต่ว่าเป็นคำที่แสลงใจคนไข้มาก สำหรับคนจำนวนไม่น้อยสมัยนี้เพราะรู้สึกว่ายังไม่แก่ มาเรียกว่าป้าเรียกว่าลุง อันนี้ก็สะท้อนเหมือนกันว่า คนสมัยนี้ไม่ค่อยชอบความแก่หรือยอมรับความแก่ไม่ได้ คนสมัยก่อนความแก่ถือเป็นเอกสิทธิ์ ที่เป็นเอกสิทธิ์ก็เพราะว่าพอแก่แล้วใคร ๆ เรียกว่าลุง เรียกว่าป้า เรียกว่าตา เรียกว่ายาย แล้วรู้สึกว่าได้อภิสิทธิ์ ได้รับความเคารพนับถือ แต่สำหรับคนยุคนี้นิยมเชิดชูความหนุ่มสาวก็เลยไม่ชอบความแก่ พอใครเรียกว่าป้า เรียกว่าลุง ก็ไม่สบายใจ
มีคราวหนึ่ง อาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ ไปพูดที่สวนโมกข์กรุงเทพฯ มีโยมคนหนึ่งมาหาบอกว่าแย่เลย ตอนนี้ฉันแก่แล้ว อาจารย์ประมวลบอกว่า "คนเรายากที่จะแก่ ความแก่ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ง่ายที่จะแก่" พูดอย่างนี้ผู้หญิงคนนั้นก็สบายใจขึ้น เพราะอะไร เพราะว่าจะแก่ได้ต้อง
ฉะนั้นความแก่จะว่าไปเป็นทั้งรางวัลและเป็นทั้งสิ่งที่เชิดชูว่าดูแลรักษาตัวดี
เพราะหลายคนแม้จะยังหนุ่มยังสาวแต่ว่าไม่ทันได้แก่ เพราะว่าประมาท หรือว่าเกิดเป็นโรคมะเร็งอะไรพวกนี้จนกระทั่งเสียชีวิต อย่างนี้เป็นเรื่องสุดวิสัย แต่ก็ตรงกับที่อาจารย์ประมวลว่า คนเราจะแก่ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องแคล้วคลาดจากโรคภัยหลายอย่าง แต่แก่แล้วเราก็ต้องยอมรับว่า อะไร ๆ ก็ไม่เหมือนเดิม ความจำก็ดี สายตาก็ดี หูก็ดี ให้เรายอมรับเสียว่าพอแก่แล้วกำลังวังชาน้อยลง เราจะได้ไม่ทุกข์ ไม่ทรมานว่า ทำไมความจำแย่ ทำไมตาไม่ดี ทำไมกินอาหารไม่ได้ไม่สะดวกเหมือนก่อน เพราะเคี้ยวของแข็งของเหนียวไม่ได้
ความแก่ไม่ได้ทำร้ายเรา แต่การไม่ชอบความแก่ที่ทำร้ายเรา
ทำร้ายจิตใจทำให้ทุกข์ รวมทั้งเวลาใครเรียกเราว่าป้า เรียกว่าลุงก็รู้สึกเสียใจ ทุกข์ใจไปหลายวัน ที่จริงแล้วถ้าเรายอมรับได้ก็กลายเป็นเรื่องดี เพราะว่าแสดงว่าเรายอมรับความเสื่อมของร่างกายได้ แล้วอยู่ในความแก่ก็ตามมาด้วยประสบการณ์หรือว่าวุฒิภาวะ ร่างกายอยู่ในช่วงขาลงก็จริง แต่ว่าจิตใจอาจจะอยู่ในช่วงขาขึ้น ขาขึ้นก็คือความรู้จักปล่อยวาง ความอดกลั้น ไม่หลงติดอยู่ในลาภยศสรรเสริญ เพราะรู้ว่ามันไม่เที่ยง ความเข้าใจหรือชีวิตทางธรรมสามารถจะพุ่งขึ้น สูงขึ้นได้เรื่อย ๆ
ฉะนั้นอย่าให้แก่แต่ตัว แต่ว่าให้มีวุฒิภาวะมีปัญญามากขึ้น เราก็จะแก่ได้อย่างมีความสุข แล้วถึงเวลาเราจะไปเราก็ไม่เสียดายเวลาที่ผ่านมา เพราะว่าได้ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าแล้ว.