PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
  • ความปรกติสุขเป็นสิ่งเปราะบาง
ความปรกติสุขเป็นสิ่งเปราะบาง รูปภาพ 1
  • Title
    ความปรกติสุขเป็นสิ่งเปราะบาง
  • เสียง
  • 14794 ความปรกติสุขเป็นสิ่งเปราะบาง /aj-visalo/2025-12-11-08-29-25.html
    Click to subscribe
  • {ampz:shareampz}

ผู้ให้ธรรม
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันพฤหัสบดี, 11 ธันวาคม 2568
ชุด
ธรรมะสั้นๆ ก่อนอาหารเช้า 2568
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 29 พฤศจิกายน 2568
    เมื่อไม่กี่วันที่แล้ว พวกเราคงทราบว่ามีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ เป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงมาก เรียกว่าระดับชาติเลย เพราะเกิดความหายนะในทุกระดับ ทั้งหายนะในทางเศรษฐกิจ หายนะในทางชีวิต หายนะในทางจิตใจ เฉพาะคนที่ตายตอนนี้ก็หลักร้อยแล้ว อาจจะเหยียบหลักพัน ในแง่จิตใจ ความเศร้าโศกเสียใจ ความท้อแท้ ความรู้สึกผิด และความโกรธเคืองคงจะไม่น้อยเหมือนกัน
    นอกจากหายนะทางเศรษฐกิจ ทางชีวิตจิตใจแล้ว ในแง่ของอาชีพการงานก็เรียกว่าล่มสลายเลย เกิดขึ้นกับคนนับแสน ใครที่มีแผนการชีวิตเอาไว้ แผนการทั้งหมดเหล่านี้ก็พังทลายหมด เพราะว่าความสูญเสียด้านทรัพย์สิน ด้านชีวิตเกิดขึ้นไปทั่ว
    เหตุการณ์แบบนี้ทำให้เกิดความเศร้าโศกเสียใจ ความคับแค้น ความรู้สึกผิด ความรู้สึกสิ้นหวังนานาชนิด เฉพาะคนที่ตายในเหตุการณ์นี้ก็หลายร้อย เหยียบพันแล้ว และที่อาจจะตายหลังจากนั้นเพราะเหตุต่าง ๆ มากมายคงจะประมาณไม่ได้
    สำหรับคนที่ไม่ได้ผ่านพบเหตุการณ์นี้ก็ถือว่าโชคดี แต่ว่าจะดียิ่งขึ้นถ้าเกิดว่าเราพยายามช่วยเหลือคนที่เขาประสบความเดือดร้อน ช่วยทั้งแง่ของอาหาร ปัจจัย 4 เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ทรัพย์สินเงินทอง หรือว่าช่วยให้กำลังใจ
    เหตุการณ์ที่ว่านี้ จะว่าไปแล้วไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้น แม้กระทั่งคนในพื้นที่ ไม่มีใครคิดว่าฝนจะตกมาแบบกระหน่ำติดต่อกันหลายวัน ไม่มีใครคิดว่าน้ำจะท่วมรุนแรง แถมมาจากทิศทางที่ไม่เคยคิด ธรรมชาติรุนแรงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน บางคนบอกว่า 300 ปีมีสักครั้งหนึ่ง ฝนตกกระหน่ำอย่างนี้ แถมภูมิประเทศก็ไม่เต็มใจ อยู่ในแอ่งกระทะ ฝนตกจากอำเภออื่นก็ไหลเข้ามาสู่หาดใหญ่
    แต่ภัยธรรมชาติหนักหนาแล้วยังไม่พอ ระบบที่มีไว้เพื่อเตือนภัย หรือบรรเทาสาธารณภัย หรือแม้กระทั่งป้องกันภัยก็ไม่ทำงาน เกิดความผิดพลาด เรียกว่าภัย 2 อย่างบรรจบกัน ภัยธรรมชาติ กับ ความผิดพลาดของระบบต่าง ๆ ที่วางเอาไว้ ถ้ามีปัจจัยแค่อย่างใดอย่างหนึ่งก็ยังพอไหว แต่พอปัจจัย 2 อย่างผสมกันเข้าไปก็หนักมาก อันนี้ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ร้ายแรง เรียกว่าระดับชาติ
    อะไรที่เราช่วยได้ก็พยายามช่วย เพราะเชื่อว่าหลายคนมีญาติมิตร มีพี่น้อง หรือบางทีมีครอบครัวอยู่ที่หาดใหญ่ รวมทั้งจังหวัดอื่นในภาคใต้ ฉะนั้น ถ้าอะไรที่เราสามารถจะช่วยได้ก็ขอให้ช่วยกัน
    แต่นอกจากช่วยผู้ประสบภัยแล้ว อย่าลืมเตือนใจตัวเอง ใครที่ยังไม่ประสบเหตุการณ์เหล่านี้ มันได้เตือนเราว่า อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ หลายอย่างที่เกิดขึ้นในช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมามันชี้ย้ำว่า อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้
    20 ปีก่อนเกิดสึนามิ หลังจากนั้นก็เกิดอะไรต่ออะไรมากมายที่ไม่เคยคาดคิด แม้กระทั่งปีนี้ต้นปี ตึกสูงถล่มที่กรุงเทพฯ และคราวนี้ก็เกิดภัยธรรมชาติที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน และเราก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก เพราะว่า อย่างที่บอก สัจธรรมสอนเราว่า อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ อาจจะเกิดขึ้นในระดับบุคคล ในระดับครอบครัว หรือในระดับประเทศ ระดับรวมหมู่ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
    และในแง่หนึ่งก็ชี้ให้เห็นว่า ชีวิตนี้เปราะบางมาก แม้จะมีฐานะ มีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย แต่วันดีคืนดีชีวิตก็จบสิ้นลง อาจจะรวดเร็วหรือว่าฉับพลันทันที หรืออาจจะช้า ๆ อย่างที่หาดใหญ่ก็ช้า 5-6 วัน ไม่เหมือนกับกรณีตึกถล่ม สึนามิ มันเร็วมาก แต่ชี้ให้เห็นว่า ชีวิตเป็นสิ่งที่เปราะบางมาก ไม่ได้มั่นคงถาวรแต่อย่างใด
    และยิ่งกว่านั้น ความปรกติสุขของเราแต่ละคนก็เหมือนกัน แม้เราจะรู้สึกว่ามันมั่นคง แต่ที่จริงมันก็เปราะบาง เพราะว่ามันอาศัยสิ่งค้ำจุนต่าง ๆ มากมายอย่างที่เรานึกไม่ถึง
    เอาง่าย ๆ เพียงแค่ปัจจัย 4 อาหาร ยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย วันดีคืนดีก็หายไปหมด หรือมันไม่ทำงาน อย่างที่หาดใหญ่ แม้กระทั่งปัจจัย 4 ก็หายากมาก ไม่มีข้าวกิน 5-6 วัน ไม่มีน้ำกิน ต้องเอาน้ำฝนมารองเพื่อมาดื่มกิน และข้าวปลาอาหาร ปัจจัย 4 ต้องอาศัยสิ่งค้ำจุนต่าง ๆ มากมาย เช่น ถนน เช่น ไฟฟ้า ร้านค้า โรงงาน
    หลายคนไม่ตระหนักเลยว่า ชีวิตของเราต้องอาศัยสิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องค้ำจุน เหตุการณ์ที่หาดใหญ่ชี้ให้เห็นว่า พอทั้งหมดหายไปหรือไม่ทำงาน แต่ละคนก็อยู่ได้ยากมาก ถนนก็ดี ไฟฟ้าก็ดี รวมทั้งกลไกหรือระบบที่ใช้ป้องการภัย เขื่อนที่ป้องกันน้ำท่วม พอไม่ทำงานเข้า พอมันรับไม่ไหว ความปรกติสุขในชีวิตของเราก็หายไปทันที ชีวิตตกอยู่ในความเสี่ยง
    เราอาจจะไม่เคยตระหนักว่า ชีวิตของเรา รวมทั้งความสุขสบาย ความปรกติสุขเป็นสิ่งที่เปราะบางมาก เราคิดว่ามันแน่นหนามั่นคง แต่พอมีเหตุปัจจัยบางอย่างมาทำให้ถนนทำงานไม่ได้ ไฟฟ้าดับ ปัจจัยสนับสนุนต่าง ๆ ไม่ทำงาน ชีวิตของเราแต่ละคนก็อยู่ในความเสี่ยงขึ้นมาทันที
    เมื่อเราตระหนักเช่นนี้ว่า ความปรกติสุขของเราเป็นสิ่งที่เปราะบาง ต้องอาศัยสิ่งค้ำจุนหรือเสาค้ำมากมาย และถ้าเกิดว่าเสาค้ำพังทลาย ชีวิตของเราก็อยู่ไม่ได้ ความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับญาติพี่น้อง เพื่อนพ้องที่หาดใหญ่ชี้ให้เห็นว่า ชีวิตของเราต้องพึ่งพาอาศัยหลายสิ่งหลายอย่างมาก และถ้าเกิดว่าสิ่งเหล่านั้นสูญหายไป แค่การที่จะมีลมหายใจก็ยากแล้ว
    เมื่อตระหนักเช่นนี้แล้วก็ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ความไม่ประมาทว่า
    หนึ่ง อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ ไม่ใช่ในทางบวกอย่างเดียว ทางลบด้วย
    สอง ชีวิตของเราที่เป็นอยู่ตอนนี้ แม้จะสุขสบายก็สามารถจะผันแปรเป็นอย่างอื่นได้ เพราะว่ามันไม่ได้เป็นสิ่งที่มั่นคงแน่นหนาคงทนแต่อย่างใด
    แต่พอไม่ประมาทแล้วก็อย่าได้ตื่นตระหนก ให้หันกลับมาเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามี เมื่อเราพบว่าอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน เราจะเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามี เรามีอาหาร มีที่อยู่อาศัย มีความปรกติสุข อันนี้ถือว่าเรามีโชคแล้ว เพราะเราไม่รู้ว่าจะไม่มีอาหารกินเมื่อไร จะไม่มีน้ำดื่มเมื่อไร
    หลายคน ไม่ค่อยเห็นคุณค่าของสิ่งที่ตัวเองมี เพราะไปหวังความสุขจากสิ่งที่ยังไม่มี
    แต่ถ้าเราตระหนักว่าสิ่งที่เรามีวันนี้ วันหน้าอาจจะสูญไป และบางอย่างจะสูญไปอย่างแน่นอน เช่น ลมหายใจของเรา ระหว่างที่ยังไม่สูญสลายก็จะเสื่อม เช่น สุขภาพ เช่น สายตา แม้กระทั่งการที่เรามีที่หลับที่นอนสุขสบายก็ถือว่าโชคดี ให้เห็นคุณค่าของสิ่งเหล่านี้ เพราะวันดีคืนดีอาจจะไม่มีแม้กระทั่งที่หลับที่นอน ลอยคออยู่ในน้ำ หรือไม่ก็ต้องนอนอยู่บนหลังคา อย่างที่หลายคนที่หาดใหญ่ต้องประสบ
    ขณะเดียวกัน ถ้าหากว่าเราตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้แล้ว และเมื่อถึงวันที่เกิดเหตุร้ายขึ้น เราจะทำใจได้ เพราะเราได้เผื่อใจเอาไว้แล้ว อันนี้เป็นข้อเตือนใจสำหรับคนที่ยังไม่ประสบกับเหตุการณ์ที่ว่า
    แต่อย่างที่ว่า นอกจากการตั้งจิตอยู่ในความไม่ประมาท เห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามีแล้ว อย่าลืมเผื่อใจไปรับรู้ถึงความทุกข์ของคนที่เขาเดือดร้อน และหาทางช่วยเขา บรรเทา ไม่ว่าด้วยทรัพย์สินเงินทอง หรือด้วยกำลังใจให้กับคนที่หาดใหญ่ ผู้ประสบภัย รวมทั้งคนที่ภาคใต้หลายจังหวัดด้วย ปัตตานี ยะลาก็โดนหนัก คนเหล่านี้ก็ต้องการความช่วยเหลือจากเราเหมือนกัน จะพึ่งพาหน่วยงานรัฐก็ไม่พอ ต้องพึ่งพาประชาชนด้วยกันเอง และคนเหล่านี้ถ้าเขามีกำลังใจเขาก็จะเดินหน้าต่อไปได้
    เหมือนกับมีเจ้าของร้านค้า ร้านหนังสือแห่งหนึ่งในหาดใหญ่ หนังสือทั้งหลายทั้งปวงพังเสียหายหมด เขาบอกว่า ไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ ต้องเริ่มต้นจาก ติดลบระดับ7 แต่เขาบอกว่า ตราบใดที่ชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องสู้ต่อไป อันนี้เรียกว่าเป็นคนที่ยังมีความหวังกับชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก อาจจะสำคัญยิ่งกว่าข้าวปลาอาหารที่ผู้คนส่งไปให้ด้วยซ้ำ
    อันนี้ขอให้เราระลึกถึงเหตุการณ์เหล่านี้ด้วยความไม่ประมาท และการเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามี และอย่าสิ้นหวังง่าย ๆ เมื่อเจอเหตุการณ์เหล่านี้.

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service