PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
  • มีน้ำใจแม้ไม่รู้ภาษา
มีน้ำใจแม้ไม่รู้ภาษา รูปภาพ 1
  • Title
    มีน้ำใจแม้ไม่รู้ภาษา
  • เสียง
  • 14798 มีน้ำใจแม้ไม่รู้ภาษา /aj-visalo/2025-12-11-08-36-55.html
    Click to subscribe
  • {ampz:shareampz}

ผู้ให้ธรรม
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันพฤหัสบดี, 11 ธันวาคม 2568
ชุด
ธรรมะสั้นๆ ก่อนอาหารเช้า 2568
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล แสดงธรรมเช้าวันที่ 3 ธันวาคม 2568 วัดป่าสุคะโต
    มีร้านค้าแห่งหนึ่งขายของนานาชนิด เย็นวันหนึ่งไม่ค่อยมีลูกค้าเท่าไหร่ ร้านยังค่อนข้างโล่ง แต่จู่ ๆ ก็มีหมาตัวหนึ่งเข้ามาในร้าน แล้วมันก็คาบผ้าห่มออกไปจากร้าน ตอนที่หมากำลังจะออกจากร้านก็มีพนักงานเห็น แต่คนที่เห็นนี้แทนที่จะไล่หมา กลับเดินตาม อยากจะรู้ว่าหมาคาบผ้าห่มไปทำอะไร
    ตามไปเงียบ ๆ สุดท้ายก็พบว่าหมาเอาผ้าห่มไปให้คน ๆ หนึ่งที่นอนอยู่ในตรอก เป็นคนไร้บ้านอายุก็มากแล้ว 50-60 ได้ ชายคนนั้นนอนท่ามกลางอากาศที่หนาว ก็คงจะนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ หมาตัวนี้คงสงสาร ก็เลยไปคาบผ้าห่มเอามาให้ เจ้านายก็เลยหลับสบาย
    พนักงานคนนั้นเห็นก็เกิดสงสาร กลับไปที่ร้านเอาหมอนเอาผ้าห่มมาเพิ่ม รวมทั้งอาหารสัตว์ด้วยมาให้หมาตัวนี้ เพราะว่ามันมีความกตัญญูแล้วก็แสนรู้ด้วย เห็นเจ้านายนอนไม่ค่อยหลับก็เลยไปตามหาผ้าห่มมาให้เจ้านาย
    ร้านมีกล้องวงจรปิด พนักงานคนนี้ก็เลยเอาคลิปตอนที่หมาตัวนี้เข้ามาในร้านแล้วก็ลากผ้าห่มกลับออกไป เอาไปโพสต์ คนก็สนใจ แชร์กันเป็นทอด ๆ เขาเรียกว่าเกิดไวรัลขึ้นมา กระจายเผยแพร่กันไปอย่างกว้างขวาง
    หลายคนก็เห็นใจ ส่งเงินมาให้ทั้งหมาทั้งคน ชายไร้บ้านคนนั้นก็เลยมีที่พักแล้วพาหมาไปอยู่ด้วย ก็เรียกว่าไม่ต้องทนหนาว
    มีคนถามเจ้าของร้านว่า โกรธไหมที่ผ้าห่มในร้านถูกขโมยไป แกตอบดีบอกว่า จะโกรธไปทำไม ก็หมามันทำสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ทำอยู่แล้ว ช่วยคนที่เดือดร้อน เจ้าของร้านชื่นชมหมาด้วย แม้ว่าผ้าห่มในร้านจะถูกขโมยไป หมามันก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง เรื่องการขโมยหรือการหวงแหนทรัพย์ แต่มันรู้ว่าเจ้านายนี่กำลังเดือดร้อน
    มีอีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องของช่างภาพสารคดีชีวิตสัตว์ แกสนใจติดตามชีวิตของสิงโตตัวหนึ่ง เป็นสิงโตเดียวดายไม่ได้อยู่เป็นฝูง เป็นสิงโตตัวผู้ อยู่แถวทุ่งหญ้าสะวันนาของแอฟริกา หากจะถ่ายรูปสิงโตตัวนี้ได้ ก็ต้องซุ่ม แล้วก็ต้องอยู่ห่าง ๆ ไกล ๆ ด้วย เพราะว่าสิงโตกัดกินคนเหมือนกันถ้าไม่ระมัดระวัง
    ชายคนนี้ซุ่มติดตามสิงโตตัวนี้ไปห่าง ๆ คอยเก็บภาพว่ามันอยู่ยังไง หาเหยื่อยังไง ติดตามสิงโตตัวนี้เป็นเวลา 1 อาทิตย์เลย แต่ไม่ใช่ว่าตามไปเรื่อย ๆ ตอนเย็นก็กลับมาที่แคมป์ ตอนเช้าก็ตามใหม่
    ตามได้ประมาณ 7 วัน วันสุดท้ายจะกลับอยู่แล้วปรากฏว่า หาเลนส์ไม่เจอ เลนส์ซูม หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ เสียดายมากเพราะเลนส์นี่ราคาแพงตั้ง 15,000 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยก็ 4 แสน 5 แสนบาท เสียดายก็เสียดาย แต่ว่าไปตามหามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เพราะว่าได้เวลากลับ
    เช้าวันรุ่งขึ้นขณะที่ออกจากแคมป์ ยืนอยู่หน้าแคมป์รอรถ รถที่จะมารับไปสนามบิน ปรากฏว่าเจอสิงโตตัวนี้เดินมาหา แล้วแปลกที่ในปากมันคาบเลนส์ถ่ายรูปมาด้วย เลนส์กล้องที่หายแต่มาปรากฏที่สิงโตตัวนี้หาเจอ ที่น่าทึ่งคือ มันคาบเลนส์นั้นมาคืนช่างภาพคนนี้เหมือนกับว่าคุ้นเคย ทั้ง ๆ ที่ช่างภาพคนนี้เวลาถ่ายรูป เวลาติดตามสิงโตตัวนี้ ก็อยู่ห่าง ๆ อาศัยกล้องที่มีเลนส์ซูมถ่ายระยะไกล
    ถึงตอนนี้ก็เลยรู้ว่าสิงโตตัวนี้รู้ว่ามีคนติดตามอยู่ ไม่ใช่ไม่รู้ แล้วพอรู้ก็เกิดความคุ้นเคย ไม่ได้มองเป็นศัตรู แต่มองว่าเป็นเพื่อน เพราะฉะนั้นพอเลนส์ของช่างภาพคนนี้หาย สิงโตตัวนี้เจอก็เลยคาบเอามาคืน แล้วมันรู้ได้ยังไง ว่าอันนี้เป็นเลนส์ที่มีความหมายสำหรับช่างภาพ ถึงกับคาบเอามาคืน
    อันนี้ก็เรียกว่ามิตรภาพระหว่างสิงโตตัวนี้กับช่างภาพคนนี้ เกิดขึ้นโดยที่ช่างภาพไม่รู้ตัว สัตว์รู้ว่าใครติดตามมัน แล้วแทนที่มันจะมองว่าเป็นศัตรู กลับรู้สึกว่าเป็นเพื่อน ติดตามมา 7 วัน ก็เกิดความคุ้นเคยกันจนถือว่าเป็นเพื่อนได้ ฉะนั้นพอรู้ว่าเพื่อนเดือดร้อนกำลังตามหาเลนส์ ก็เลยคาบเลนส์มาส่งคืน
    อันนี้ก็เป็นเรื่องของสัตว์ที่ไม่ว่าจะเป็นหมาหรือว่าสิงโต ก็มีน้ำจิตน้ำใจ หมาก็มีความกตัญญู ส่วนสิงโตก็มีความรู้สึกเป็นเพื่อนกับคน แม้ว่าจะเป็นสัตว์ป่า ไม่ได้มีใครสอน ไม่ได้อยู่กับคนมาแต่เล็ก แต่ว่ารู้สึกผูกพันกับคน แล้วก็มีน้ำใจด้วย เห็นคนทำของหายก็เอามาคืน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง
    ที่พูดมาทั้งหมดนี้ ไม่รู้ว่าเรื่องแต่งหรือว่าเรื่องจริง เพราะเดี๋ยวนี้ใน Facebook ในโซเชียลมีเดีย แยกออกได้ยากระหว่างเรื่องแต่งกับเรื่องจริง เรื่องอาจจะจริงก็ได้แต่ภาพอาจจะแต่งขึ้นมา ใช้ AI สร้างขึ้นมา ก็เป็นเรื่องที่ต้องตระหนักเอาไว้
    แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง ก็ไม่สำคัญเท่าไหร่ถ้ามีคุณค่า เรื่องแต่งแต่ถ้าหากว่าเราหาประโยชน์จากมันได้ มันดีกว่าเรื่องจริง แต่ว่าเราไม่รู้จักหาประโยชน์จากมัน เรื่องของดาราที่เป็นข่าวคราวกันมันก็เป็นเรื่องจริง แต่หลายคนพอไปเสพข่าวนี้แล้วกลายเป็นหลงไป ไม่ได้อะไรเลย มีแต่ความหลง
    แต่เรื่องแต่งถ้าหากว่าศึกษาพิจารณามันถูก ก็ได้ประโยชน์ เกิดสำนึกในทางคุณธรรม เหมือนกับนิทานอีสปก็เรื่องแต่งทั้งนั้น แต่สอนใจคนเราได้ เรื่องจริงบางอย่างถ้าหากมองให้เป็นก็มีประโยชน์ แต่ถ้ามองไม่เป็นก็หลง เรื่องแต่ง เรื่องที่ AI สร้างขึ้นมา แม้จะไม่จริง แต่ว่าถ้ามองให้เป็นก็ได้ประโยชน์
    อันนี้อยู่ที่เราด้วย ไม่ใช่อยู่ที่ว่าสิ่งที่เราเห็น หรือรับรู้ หรือข้อมูลข่าวสารที่เราได้รับ จริงหรือไม่จริง เรื่องจริงก็ทำให้เราหลงได้ เรื่องแต่งก็สามารถทำให้เราเกิดปัญญาได้ อันนี้อยู่ที่เรา.

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service