PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
  • ความดีบันดาลใจให้อยากทำดี
ความดีบันดาลใจให้อยากทำดี รูปภาพ 1
  • Title
    ความดีบันดาลใจให้อยากทำดี
  • เสียง
  • 14890 ความดีบันดาลใจให้อยากทำดี /aj-visalo/2025-12-17-04-19-36.html
    Click to subscribe
  • {ampz:shareampz}

ผู้ให้ธรรม
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันพุธ, 17 ธันวาคม 2568
ชุด
ธรรมะสั้นๆ ก่อนอาหารเช้า 2568
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 7 ธันวาคม 2568 วัดป่าสุคะโต
    เด็กสาวคนหนึ่งชื่อมินต์ เธอเล่าว่าตอนอยู่ ม. 2 อายุคงประมาณ 13-14 ปี พ่อป่วยหนักแบบเฉียบพลัน เธอก็รีบพาพ่อไปโรงพยาบาล นั่งรถฉุกเฉินของโรงพยาบาล โรงพยาบาลที่ว่าคือโรงพยาบาลตากสิน
    พอถึงโรงพยาบาลก็เข้าห้องฉุกเฉินเลย หมอ พยาบาล 6-7 คนเข้ามามะรุมมะตุ้มอยู่รอบเตียงพ่อ ทีแรกเธอคิดว่าพ่อคงไม่รอดแล้วเพราะหมอหลายคนมาก แต่ปรากฏว่าในที่สุดพ่อก็รอด ถอดเครื่องช่วยหายใจ แล้วก็กลับไปใช้ชีวิตตามปกติที่บ้าน
    เธอประทับใจมาก ประทับใจหมอที่นั่น แล้วก็เลยเกิดความมุ่งมั่นที่จะเป็นหมอ เรียกว่ามีเป้าหมายในชีวิตเลยว่าจะเรียนหมอให้จบแล้วไปเป็นหมอดูแลรักษาผู้ป่วย
    ตอนหลังพอเธอขึ้นชั้น ม. 5 ปรากฏว่าพ่อก็ป่วยเป็นมะเร็ง ต้องมารักษาตัวที่โรงพยาบาลเดิม ทุกเย็นเธอก็มาเยี่ยมพ่อหลังจากเลิกเรียน เอาอาหารมาให้ เช็ดน้ำเช็ดตัว ทำให้เธอคุ้นเคยกับโรงพยาบาลตากสิน แล้วก็เข้าใจความรู้สึกของคนป่วยว่าเวลาคนป่วยมาโรงพยาบาลเขามีปัญหา มีความทุกข์อย่างไรบ้าง
    พอเธอขึ้นชั้น ม. 6 เธอก็เลยขอไปเป็นจิตอาสาที่โรงพยาบาลตากสิน คือโรงพยาบาลตอนนั้นก็เปิดรับจิตอาสาอำนวยความสะดวก จิตอาสาอำนวยความสะดวกคือจิตอาสาที่ไปช่วยแนะนำผู้ป่วยหรือแยกผู้ป่วยเวลามาโรงพยาบาล บางคนไม่รู้จะรับบัตรคิวที่ไหน บางคนก็ไม่รู้ว่าจะติดต่อใครก่อน หรือบางทีจะไปวัดความดันก็ไม่รู้ทำอย่างไร พยาบาลเจ้าหน้าที่ก็งานเยอะ เธอก็เลยไปเป็นจิตอาสาอำนวยความสะดวก
    เธอก็ขอครูว่า เช้าวันจันทร์กับเช้าวันพุธขอลาไปเป็นจิตอาสา ซึ่งก็คงเป็นนโยบายของโรงเรียนด้วย เธอไปเป็นจิตอาสาทุกอาทิตย์เลย แล้วเธอพบว่า แม้ว่างานจะหนัก บางช่วงก็วุ่นวายแต่เธอก็มีความสุข สุขที่ได้ช่วยเหลือผู้ป่วย บางทีพาคนแก่ซึ่งป่วยมาโรงพยาบาลแล้วหน้าเสียเพราะมีความทุกข์ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เธอก็พาไปตามจุดที่โรงพยาบาลกำหนดเอาไว้
    หลายคนพอเธอไปช่วยแล้วเขามีความสุขมากเลย เขาดีใจ ยิ้มให้ เธอก็พลอยมีความสุข เธอบอกว่าเวลาใครถามว่าไปเป็นจิตอาสาทำไม เธอบอก รอยยิ้มของผู้ป่วยโดยเฉพาะคนแก่ ๆ นี่คือคำตอบ ตอบอยู่ในตัวอยู่แล้ว เพราะว่าเห็นรอยยิ้มของผู้ป่วยแล้วเธอก็มีความสุข
    คนแก่บางคนควักเงินให้ด้วย บอกว่าเอาไปซื้อขนม เธอก็ไม่รับ เพราะว่าแค่ได้ช่วยคุณตาคุณยายให้เขาได้รับความสะดวกในการไปโรงพยาบาล แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว
    แต่ก็ไม่ใช่มีแต่เรื่องดี ๆ เวลาเป็นจิตอาสา เธอเล่าว่า คราวหนึ่งเธอไปประจำอยู่ที่จุดวัดความดัน ช่วยวัดความดันผู้ป่วย ปกติเขามีข้อกำหนดว่า มีเงื่อนไขว่า วัดความดันอย่าวัดแขนข้างที่ล้างไต มีคุณยายคนหนึ่งแกมาวัดความดัน แต่แกใส่เสื้อแขนยาวเลยไม่รู้ว่าล้างไตหรือเปล่า ฟอกไตหรือเปล่า เพราะถ้าฟอกไตจะมีร่องรอยที่แขน
    ไม่รู้ทำอย่างไร เธอก็ถามเลยว่า คุณยายฟอกไตหรือเปล่า คุณยายปรากฏว่าแกตวาดใส่เลย ถามทำไม จะวัดก็วัดเร็ว ๆ มาถามอยู่ได้ ทีแรกมินต์ก็หน้าเสีย แล้วก็นึกฉุนอยู่ในใจว่า ถามแค่นี้ ทำไมถึงตอบแบบนี้ แต่ตอนหลังแกก็พบว่าก็ดีเหมือนกัน เป็นเครื่องฝึก ฝึกให้ใจเย็น ให้อดทน มีสติ รวมทั้งฝึกให้ยิ้มรับปัญหาที่เกิดขึ้น
    กลายเป็นว่าเธอพบว่าในการไปเป็นจิตอาสาช่วยผู้ป่วย ดีกับเธอ นอกจากไม่เพียงจะทำให้มีความสุขเวลาช่วยผู้ป่วยแล้วเขาสบายใจ เขายิ้มให้ เขาขอบคุณ แต่แม้กระทั่งคนที่ต่อว่า เธอก็ได้ประโยชน์ เพราะว่าเป็นเครื่องฝึกให้อดทน ใจเย็น ให้มีสติ ซึ่งก็ดีกับชีวิตของเธอด้วย
    ทีนี้เธอพอมาคลุกคลีอยู่กับโรงพยาบาลและประสบการณ์ตอนที่พ่อป่วยทำให้เธอมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเป็นหมอ และไม่ใช่เท่านั้น พอเรียนจบเป็นหมอเธอก็ตั้งใจว่าจะกลับมาเป็นหมอที่โรงพยาบาลตากสิน เพราะว่ามีความรู้สึกประทับใจบุคลากรที่นั่น ต้องการจะขอบคุณ แล้วก็ต้องการจะตอบแทน ที่เธอมีความรู้สึกแบบนี้ได้เพราะว่าเธอได้รับสิ่งดี ๆ แล้วก็เห็นสิ่งดี ๆ จากหมอ จากพยาบาลจากเจ้าหน้าที่ที่นั่น
    คนเราอยากจะทำความดีได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าได้รับความดีจากคนอื่น เธอได้รับความดีจากหมอพยาบาลที่ได้ช่วยเหลือพ่อของเธออย่างเต็มที่ ก็ทำให้เกิดแรงบันดาลใจที่จะทำความดี
    คนเราสิ่งที่จูงใจให้ทำความดีได้ไม่ใช่คำสอน สอนให้ทำดีอย่างไรก็อาจจะไม่เกิดแรงบันดาลใจที่จะทำความดีมากเท่ากับการที่ได้เห็นความดีที่คนอื่นกระทำกับตัว หรือว่ากระทำกับคนที่ตัวเองรัก หรือแม้กระทั่งเห็นความดีที่คนอื่นเขากระทำกับคนอื่น อย่างเช่นเราเห็นคลิปวีดีโอว่า มีคนเอื้อเฟื้อเกื้อกูลคนแก่ คนชรา เด็กที่ยากไร้ หรือช่วยสัตว์ที่เดือดร้อน แม้คนเหล่านั้นหรือสัตว์เหล่านั้นไม่เกี่ยวอะไรกับตัวเราเลย เราเห็นเราแล้วก็เกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะทำความดี
    คนเราทุกคนมีใจใฝ่ดีอยู่แล้ว และใจใฝ่ดีจะมีพลังไม่ใช่เพราะว่ามีใครสอน อันนั้นก็มีส่วน แต่ที่สำคัญคือว่า เจอแบบอย่าง หรือไม่ก็ได้รับความดีด้วยตัวเอง พอใครทำดีกับเรา เราก็อยากจะทำความดี อาจจะไม่ใช่ทำความดีกับคนนั้น แต่ทำความดีกับผู้อื่นต่อไป เหมือนกับที่มินต์เขาได้รับความดีจากหมอ จากพยาบาล เขาก็อยากจะทำความดีด้วยการเป็นหมอช่วยผู้ป่วย แล้วก็กลับมาตอบแทนโรงพยาบาลที่เธอได้รับความประทับใจ
    ฉะนั้นความดี ที่จริงไม่ต้องพูดไม่ต้องสอนแค่ทำให้เป็นแบบอย่าง ลูกหลานของเราอยากจะทำความดีกับพ่อแม่ อยากจะทำความดีกับผู้อื่นก็เพราะว่าเขาได้รับได้เห็นความดีที่พ่อแม่ทำกับคนอื่น หรือพ่อแม่ทำกับเขา หรือผู้ใหญ่ทำกับเขา อันนี้เรียกว่า ทำให้ดู อยู่ให้เห็น เย็นให้สัมผัสได้
    อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ทำให้ความดีกระจายออกไปเรื่อย ๆ จาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 3 เพราะฉะนั้นการที่เราทำความดีกับใคร ขอให้มั่นใจว่าจะมีผลทำให้ความดีที่เราทำกระจายเผยแพร่ออกไป อาจจะไม่กลับมาที่ตัวเราแต่กระจายไปสู่คนอื่นในสังคม เหมือนกับคลื่นที่กระเพื่อมเมื่อมีแรงลม.

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service