มีชายคนหนึ่งเดินทางแล้วพลัดหลงอยู่ในทะเลทราย ยังดีที่เขามีอาหารแล้วพกน้ำติดไปด้วย แต่หลังจากที่เดินอยู่ในทะเลทรายสองวัน อาหารก็หมด ที่แย่กว่านั้นคือน้ำก็หมดด้วย แล้วเขาก็หิวมาก แต่ยังมีความหวัง เดินไปเรื่อยๆ หวังว่าจะเจอแหล่งน้ำ
แต่เดินแล้วเดินเล่าก็ไม่เจอ ทำท่าจะหมดแรง แต่เพราะยังมีความหวัง จึงพยายามรวมกำลังเดินต่อไปเป็นชั่วโมง ก็ยังไม่เจอแหล่งน้ำ เรียกว่าหมดหวังแล้ว
แต่สักพักหนึ่งก็เห็นกระท่อมเล็กๆ หลังหนึ่งอยู่กลางทะเลทราย เขาดีใจมาก พยายามรวบรวมกำลัง ถ่อสังขารไปที่กระท่อมหลังนั้น แต่พอไปถึงแล้ว ปรากฏว่าเป็นกระท่อมร้าง ไม่มีคนอยู่เลย ไม่มีน้ำ เห็นแต่ปั๊มมือ แต่ปั๊มมือนั้นก็เหมือนกับไม่มีคนใช้มานานแล้ว เขารู้สึกท้อมาก หมดแรง หมดกำลังใจ ตายแน่
ขณะที่เขากำลังรู้สึกสิ้นหวัง ปรากฏว่าเหลือบไปเห็นขวดน้ำขวดหนึ่งผูกไว้กับเพดาน ในขวดนั้นมีน้ำ แล้วก็มีฝาปิดเอาไว้ เขาเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำเพื่อจะมาดื่ม ปรากฏว่าไปเจอกระดาษแผ่นหนึ่งติดอยู่กับขวดน้ำ มีข้อความบอกว่า “น้ำขวดนี้ ถ้าเติมใส่ปั๊มน้ำ ก็จะใช้การได้”
ตอนนั้นเขาลังเลใจมาก ว่าจะทำอย่างไรกับขวดน้ำ ซึ่งเป็นขวดเดียวที่เขามีอยู่ หิวก็หิว อยากจะดื่มน้ำเพื่อแก้กระหาย อย่างน้อยก็ประทังชีวิตไปได้สักระยะหนึ่ง หรือว่าจะเอาน้ำเติมลงไปในปั๊มเพื่อปั๊มน้ำออกมา แต่เขาก็ลังเลสงสัยว่าปั๊มน้ำมันใช้ได้จริงหรือเปล่า เกิดเทลงไปแล้วใช้ไม่ได้ หรือถึงใช้ได้ แต่ว่าน้ำใต้ดินแห้งไปเสียแล้ว
เขาชั่งน้ำหนักอยู่นาน สุดท้ายก็ยอมที่จะเสี่ยง เอาน้ำเทลงไปในปั๊มน้ำนั้น แล้วก็ปั๊มด้วยมือ ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีปั๊ม ขยับคันโยก ทีแรกก็ไม่มีน้ำไหล สักพักก็มีน้ำไหลออกมา น้ำใสไหลเย็นเลย เขาดีใจมาก ดื่มน้ำนั้นเรียกว่าจนเต็มกระเพาะ แล้วก็เติมน้ำใส่ขวด ใส่ภาชนะที่เอาติดมาด้วย
เขาก็นึกถึงข้อความที่อ่าน แล้วก็ขวดน้ำที่เอามาใช้ในการเติม ก็เลยเอาขวดน้ำนั้น เติมน้ำ แล้วผูกไว้ที่เพดาน เผื่อคนที่มาข้างหลัง จะได้ใช้น้ำนี้ในการต่อชีวิต ขณะที่กำลังจะเดินออกจากกระท่อม เขาก็เห็นขวดแก้วอยู่ขวดหนึ่ง มีดินสอและแผนที่ที่จะพาออกจากทะเลทราย เขาก็จดจำแผนที่นั้นไว้ ทิ้งดินสอและแผนที่ไว้ที่เดิม แล้วเติมน้ำใส่ขวด เพื่อที่จะออกเดินทางต่อไป
แต่พอเขาเดินออกจากกระท่อมสักพัก ก็นึกขึ้นมาได้ หันกลับไปที่กระท่อม เขาไปทำไม เขาไม่ได้ไปเอาน้ำเพิ่ม แต่ไปเขียนข้อความแผ่นใหม่ใส่กระดาษ เพื่อติดไว้กับขวดที่วางไว้ในกระท่อม ข้อความนั้นเขาเขียนว่า “เชื่อผมเถอะ ปั๊มน้ำนี้ใช้ได้จริง” แล้วก็ออกเดินทาง ในที่สุดนี้เขาก็ออกจากทะเลทรายได้สำเร็จ เพราะมีแผนที่ที่นำทาง
เรื่องนี้ให้ข้อคิดหลายอย่าง ข้อคิดอย่างแรกคือว่า ไม่มีอะไรได้มาเปล่าๆ ต้องลงทุน การที่เขาจะใช้ปั๊มน้ำ เพื่อที่จะสูบน้ำให้กินได้นานๆ เขาต้องยอมลงทุนด้วยการเอาน้ำที่มีในขวดเติมลงไป ซึ่งก็เป็นความเสี่ยงด้วย เพราะว่าเกิดเติมลงไปแล้วปั๊มน้ำใช้ไม่ได้ เขาตายแน่เลย แต่ว่าจำเป็น
ชีวิตคนเราก็เหมือนกัน เราอยากจะมีเงินมีทอง อยากจะมีชีวิตที่ผาสุก อยากจะมีการงานที่มั่นคง เราก็ต้องลงทุน ลงทุนด้วยเวลา ลงทุนด้วยสติปัญญา กำลังวังชา และบางทีก็ต้องลงทุนด้วยเงิน
ถ้าเราอยากจะมีอนาคตที่ดี แต่เราไม่ลงทุนเลย ด้วยความเพียรพยายาม ด้วยสุขภาพที่มี ก็จะไม่ได้อะไรกลับมา
และเรื่องนี้ให้ข้อคิดประการที่สองคือว่า อย่าคิดถึงแต่ความสุขหรือประโยชน์เฉพาะหน้า ตอนที่เขามีน้ำในขวดอยู่ในมือ มีขวดเดียว ต้องตัดสินใจว่าจะกินน้ำนั้นดับกระหาย เพราะตอนนั้นใกล้ตายแล้ว หรือว่าจะเอาน้ำนั้นใส่ลงไปในปั๊ม เพื่อที่จะได้ปั๊มน้ำออกมากินได้หลายวัน อยู่ได้นานๆ
เงินที่เรามี ถ้าเราคิดถึงแต่ความสุขเฉพาะหน้า เราก็เอามากินเอามาเที่ยว แต่ถ้าเรารู้จักอดออมหรือว่าลงทุน ก็จะไม่ใช่แค่ได้กินวันนี้ แต่ว่าได้กินต่อไป สุขภาพที่เรามีก็เหมือนกัน ถ้าเราใช้เพื่อความสนุกสนานในวันนี้ วันหน้าเราก็ลำบาก แต่ถ้าเราใช้สุขภาพที่มี เพื่อการทำความดี เพื่อสะสมทุน เช่น มาปฏิบัติธรรม ก็จะทำให้เรามีสิ่งดีๆ สืบต่อไปในระยะยาว
เวลาที่เรามีก็เหมือนกัน ถ้าเราเอาเวลาที่มีมาหาความสุขเฉพาะหน้า กินดื่มเที่ยวเล่น ก็ได้ความสุขแค่วันเดียว แต่ถ้าเราเอาเวลาที่เรามีไปใช้ในการศึกษาหาความรู้ ฝึกฝนพัฒนาตน ก็จะให้ผลที่ยั่งยืน
คนส่วนใหญ่คิดถึงแต่ความสุขเฉพาะหน้า สิ่งที่มีทั้งหมดก็เลยทุ่มเพื่อความสุขในวันนี้ ไม่ได้คิดที่จะใช้เพื่อความสุขหรือประโยชน์สุขในวันหน้า
และเรื่องนี้ให้ข้อคิดต่อไปว่า เราจำเป็นต้องมีศรัทธา มีความหวัง ระหว่างที่เดินทางเขาก็ผิดหวัง ไม่ได้เจอแหล่งน้ำ เจอบ้าน เจอกระท่อม แต่ไม่มีคน เจอปั๊มน้ำ ไม่รู้ว่าใช้ได้หรือเปล่า แต่เขามีความหวัง มีศรัทธา
มีศรัทธาว่าปั๊มน้ำจะใช้ได้ แล้วก็มีศรัทธาในความปรารถนาดีของคนที่มาก่อนเพราะข้อความที่บอกว่า น้ำนี้เอามาใช้เติมปั๊มน้ำ ต้องเชื่อว่าเป็นข้อความที่ออกมาจากความปรารถนาดีของคนที่มาก่อน เพราะถ้าเขาไม่เชื่อ เขาก็กินไปแล้ว เพราะกำลังหิวโหยมาก
แต่เขามีศรัทธา มีความเชื่อว่ามีคนที่ปรารถนาดีกับเขาจริงๆ ก็เลยทำตาม ก็เลยรอด เพราะฉะนั้นคนเราเจอคนหลอกลวง เจอคนเอาเปรียบ แต่เราก็ต้องมีความเชื่อว่า มีคนที่ปรารถนาดีกับเรา มีคนที่จริงใจกับเรา ไม่ใช่ว่าคนทั้งโลกจะเลวร้าย เห็นแก่ตัว เอาเปรียบเราไปหมด
และประการที่สี่คือ เรื่องนี้ให้ข้อคิดว่า อย่าคิดถึงแต่ตัวเองเดียว คิดถึงคนอื่นด้วย คนที่รอดตายเพราะปั๊มน้ำ เขาไม่ได้คิดถึงแต่ตัวเอง เขาคิดถึงคนอื่นที่จะตามมาข้างหลัง
บางคนก็เขียนข้อความติดเอาไว้ว่า ปั๊มน้ำนี่ใช้ได้จริง หรือเขียนข้อความว่า เอาน้ำเติมลงไปในปั๊มแล้วจะใช้ได้ รวมทั้งทิ้งแผนที่เอาไว้ พวกนี้คือคนที่ไม่ได้คิดถึงแต่ตัวเอง แต่คิดถึงคนอื่น ตอบแทนบุญคุณที่คนอื่นช่วยตัวเอง ด้วยการทำความดี ฝากไว้ให้กับคนอื่นที่จะมาทีหลัง ชายคนนี้ก็เหมือนกัน พอเขาจะรอดตายแล้ว เขาก็นึกถึงคนอื่นที่จะตามมา เขาเลยกลับไปเขียนข้อความว่า เชื่อผมเถอะ ปั๊มนี้ใช้ได้จริง
เพราะถ้าไม่เขียนแบบนี้ คนที่เจอน้ำ ถ้าหิวโหยมากก็คงจะกรอกน้ำใส่ปาก เพื่อบรรเทาความหิวโหย ซึ่งก็จะอยู่ได้เพียงแค่วันเดียว หรืออาจจะไม่ถึงวันก็ได้ ในขณะที่ถ้าเอาน้ำมาใช้ในการเติมปั๊มน้ำ ก็จะทำให้เขาอยู่จนรอดพ้นจากทะเลทรายได้ในที่สุด.