พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 22 มีนาคม 2567
เมื่อ 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ แต่ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร เป็นเหตุการณ์ที่คนจำนวนหลายแสนทีเดียวมีความสุข มีรอยยิ้ม กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ เพราะว่ามีคอนเสิร์ตของนักร้องชื่อดัง เทย์เลอร์ สวิฟ (Taylor Swift)
เทย์เลอร์ สวิฟ มาแสดงสดที่สิงคโปร์หลายรอบ มีคนเดินทางมาชมคอนเสิร์ตของเธอ ที่จากหลายประเทศประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ของคนที่ชมคอนเสิร์ต หรือประมาณ 3-4 แสนคน มาจากประเทศอื่นรวมทั้งเมืองไทยด้วย
ค่าตั๋วแพงมาก ตั๋วที่แพงที่สุด 3 แสนบาท แต่ว่ามีคนหัวใสซื้อแล้ว ขายต่อ มีคนยอมซื้อ 5 แสนก็มีคนซื้อ รู้ว่าตั๋วแค่ 3 แสน แต่ว่าจ่าย 5 แสน เพราะอยากจะดูมาก อยากจะกระโดดโลดเต้น ไม่นับค่าเครื่องบิน ค่าโรงแรม ซึ่งทำให้เงินสะพัดมากในสิงคโปร์ เฉพาะที่พักก็เต็มแน่นไปทั้งเกาะ
แต่มีเหตุการณ์เล็ก ๆ เหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งภายหลังกลายเป็นข่าวใหญ่เหมือนกัน เป็นเรื่องของวัยรุ่นคนหนึ่งเรียกสั้น ๆ ว่า หลิม แกเป็นแฟนเทย์เลอร์ สวิฟ เหมือนกัน ซื้อตั๋วไปดูคอนเสิร์ตกับพ่อแม่ และน้าสาว พอไปถึงที่สนามกีฬาแห่งชาติซึ่งเขาจัดเป็นที่แสดงคอนเสิร์ต ไปเจอเด็กสาววัยรุ่นสองคนกำลังร้องไห้อยู่ที่ประตูทางเข้าสนามกีฬา
ตอนนั้นฝนตกปรอย ๆ แต่เด็กสองคนนี้ก็ไม่สนใจเพราะว่ากำลังเศร้าอยู่ ร้องไห้ พ่อแม่ของหลิมก็ถามว่า ทำไมไม่ไปหลบฝน เด็กดูเหมือนจะไม่สนใจ แล้วเธอบอกว่า “หนูเข้าไปไม่ได้” เพราะอะไร พวกเธอซื้อตั๋วมาแล้ว ปรากฏว่าพอจะเข้าไปฟังคอนเสิร์ต พนักงานตรวจตั๋วบอกว่าตั๋วสองใบนี้ถูกวนขายมาหลายรอบแล้ว เขาเพิ่งให้คนแรกที่มา ได้เข้าไป พูดง่าย ๆ คือ ตั๋วที่เธอซื้อมาเป็นตั๋วผี
คนที่ได้ตั๋วนี้หรือซื้อตั๋วนี้ คนแรกก็โชคดีไปที่ได้เข้าไป แต่คนที่เหลือเข้าไปไม่ได้ เธอก็ร้องไห้ เสียเงินแล้วยังหมดโอกาสที่จะได้สนุก หลิมเห็นก็รู้สึกเห็นใจ เลยบอกว่าจะขายตั๋วของตัวให้ผู้หญิงสองคนนี้ คนใดคนหนึ่งก็ได้ ใครจะซื้อไป
แม่ก็ถามว่าทำไมถึงจะขายตั๋ว เธอก็อยากดูไม่ใช่หรือ หลิมบอก “ผมรู้สึกว่า เหตุการณ์นี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับใครเลย เหตุผลข้อแรก ผมเองก็ไม่อยากถูกใครโกงแบบนี้ ข้อสอง ผมคิดว่า สองคนนี้ควรจะได้ดูคอนเสิร์ตมากกว่าผม เพราะถ้าเขาได้ดู จะต้องมีความสุขมากกว่าผมแน่ๆ” หลิมก็เลยขายตั๋วให้สองคนนั้น
ที่จริงตั๋วใบเดียว แต่ว่าน้าสาวเขาเห็นใจเด็กสองคน เลยขายตั๋วของตัวให้ผู้หญิงอีกคนหนึ่งไปด้วย รวมเป็นสองใบ แล้วขายราคาเท่าทุน ไม่ได้ขายโกงราคาเหมือนคนอื่น ซื้อมาเท่าไรก็ขายไปเท่านั้น เด็กสองคนนี้ดีใจมาก
กลายเป็นว่าพ่อแม่ของหลิมแทนที่จะเข้าไปดูคอนเสิร์ตเทย์เลอร์ สวิฟ กับลูกชาย กับน้าสาว ปรากฏว่าไปกับเด็กสองคนนี้ พอเข้าไปถึง แม่ก็ถ่ายคลิปเพื่อให้หลิมได้รู้ว่าเด็กสองคนที่ได้ตั๋วจากหลิมไปนั้น พวกเธอมีความสุขมาก ยิ้มแย้ม กระโดดโลดเต้น ร้องเพลงคลอไปตลอด 3 ชั่วโมงแบบไม่ได้พักเลย มีความสุขมาก
ถ่ายคลิปมาให้หลิมดู หลิมเห็นแล้วก็มีความสุข เขาไม่รู้สึกเสียใจเลยที่ไม่ได้ดูเทย์เลอร์ สวิฟ เพราะว่าเขามีความสุขที่เห็นเพื่อนสองคนซึ่งไม่รู้จักเลยเขามีความสุขจากตั๋วที่หลิมขายให้
แล้วเรื่องนี้ไปถึงหูของใครต่อใคร แล้วมีการโพสต์เรื่องราวของหลิมทาง Facebook หรือ Instagram ปรากฏว่าเรื่องราวของหลิมเป็นที่รู้จักกันไปทั่ว หลังจากนั้นวันต่อมา ผู้จัดการของคอนเสิร์ตเทย์เลอร์ สวิฟ ก็ติดต่อหลิม บอกว่าซาบซึ้งในน้ำใจของหลิมมาก จะขอมอบตั๋วให้ 4 ใบฟรี ให้ไปดูเทย์เลอร์ สวิฟ สมใจ หลิมก็เลยยิ้ม ขอบคุณ
อันนี้เป็นเรื่องราวของเด็กวัยรุ่นอายุแค่ 15 แต่ว่าเขารู้จักคิดถึงผู้อื่น ตัวเองก็อยากมีความสุข แต่พอนึกถึงคนอื่นแล้ว เห็นว่าเขาทุกข์ รับรู้ถึงความทุกข์ของเขา ก็อยากจะช่วยให้เขามีความสุข
จะว่าไป หลิมก็เสียสละ แต่ว่าสิ่งที่เขาได้กลับมาคือความสุข แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตั๋ว 4 ใบฟรีจากผู้จัดการคอนเสิร์ต แต่เพียงแค่เขาได้เห็นว่าเด็กสองคนนั้นเขามีความสุขอย่างไรตลอด 3 ชั่วโมง แค่นี้หลิมก็มีความสุขแล้ว อาจจะเป็นความสุขที่ประเสริฐกว่าการที่ได้ไปดูไปชมเทย์เลอร์ สวิฟ ก็ได้ เพราะว่าความสุขจากการดูคอนเสิร์ตมันมาเร็วไปเร็ว แต่ความสุขที่เกิดจากความภาคภูมิใจที่ได้ช่วยให้ผู้มีความสุขนี้มันอยู่ยั่งยืนกว่า
ปีหนึ่งผ่านไปอาจจะลืมความสุขที่ได้ไปดูคอนเสิร์ต อาจจะจางหายไปแล้ว แต่ความสุขที่ได้ช่วยเหลือคนอื่นให้มีความสุข เห็นเขายิ้มแย้มแจ่มใสในสิ่งที่เกิดจากการที่เราได้ช่วยเหลือเขา อันนี้มันสุขกว่า เย็นกว่า แล้วสามารถจะทำให้เราซึ่งเป็นผู้มอบความสุขให้กับผู้อื่นมีความสุขได้อย่างยั่งยืน
อันนี้ก็เป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจมากของเด็ก ที่แม้จะอายุแค่ 15 แต่เขารู้จักคิดถึงผู้อื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในยุคปัจจุบัน.