พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568
หลายปีก่อน คนที่เป็นพ่อเป็นแม่ถ้าเกิดลูกไม่ติดยา ไม่ติดเหล้า ไม่คบเพื่อนเกเร ถือว่าหมดห่วงไปหลายเปราะ
แต่เดี๋ยวนี้ แม้ลูกหลานของเราจะไม่ติดยา ไม่กินเหล้า ไม่คบเพื่อนเกเร ไม่ได้แปลว่าจะหมดห่วงได้ เพราะเขาอาจจะติดอย่างอื่นแทน ติดเกมออนไลน์ หรือว่าติดโซเชียลมีเดียอย่างหนัก จนกระทั่งเกิดอาการซึมเศร้า หรือว่ารู้สึกแย่กับชีวิต เพราะว่าไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่เขาดีกว่า สวยกว่า เท่กว่า หรือมิฉะนั้นก็ถูกเพื่อนรุมทำร้ายทางใจ ทางวาจา เรียกว่า บูลลี่
ตอนนี้มีเรื่องที่พ่อแม่ควรจะใส่ใจอีกเรื่องหนึ่ง รวมทั้งผู้ใหญ่ด้วย อาจารย์ ครู นั่นคือ AI AI คือปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งตอนนี้กลายเป็นของง่าย อยู่กับโทรศัพท์มือถือแทบทุกเครื่อง
แต่ก่อนกลัวว่า AI จะมาทำให้เด็กสมองขี้เลื่อย เพราะว่าทำการบ้านแทนเด็ก ซึ่งอันนี้ก็มีส่วน ไม่ใช่เด็กอย่างเดียว วัยรุ่นที่เป็นนักศึกษาก็ใช้ AI สำหรับทำการบ้าน หรือว่าช่วยทำวิทยานิพนธ์ ทำรายงานต่าง ๆ
เดี๋ยวนี้ที่น่าเป็นห่วงมากยิ่งกว่า นั่นคือ การที่เด็กหรือวัยรุ่นคบ AI ไม่ใช่ในฐานะเพื่อนเท่านั้น แต่ว่าในฐานะแฟน
เมื่อเร็ว ๆ นี้ที่อเมริกา เขามีการสอบถามนักเรียน 1,000 คน ผู้ปกครอง 1,000 คน และครูชั้นมัธยม 6 อีก 800 คน เขาพบว่า เด็ก 40 กว่าเปอร์เซ็นต์ตอบว่า ใช้ AI ช่วยทำการบ้าน คำว่า ช่วย ไม่รู้ว่าแค่ไหน แต่นั่นยังไม่เท่าไร ประมาณ 1 ใน 3 เด็กเขารู้สึกว่า คุยกับ AI ง่ายกว่าพ่อแม่ และเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์ บอกว่า สัมพันธ์กับ AI เหมือนแฟน เขาใช้คำว่า ความสัมพันธ์แบบโรแมนติก คือคบเหมือนแฟน
อันนี้จะว่าไปก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะว่าถ้าหากว่าลูกหลานของเรามีความสัมพันธ์กับ AI แบบนั้น ก็ยากที่จะเติบโตอย่างมีวุฒิภาวะได้ เพราะคนเราควรจะรู้จักพบปะพูดคุยกับคนด้วยกัน แต่เดี๋ยวนี้เขาพบว่า แม้กระทั่งพ่อแม่ก็คุยยากกว่า คุยกับ AI คุยง่าย เพราะ AI ไม่เถียง AI ให้กำลังใจ แต่บางครั้ง AI ก็อาจจะตามใจมากเกินไป
อย่างเช่นมีข่าวว่า วัยรุ่นบางคนซึมเศร้า อยากจะฆ่าตัวตาย ถาม AI ว่าเห็นอย่างไร AI สนับสนุนให้ฆ่าตัวตาย และเด็กก็ฆ่าตัวตายจริง ๆ บางทีฆ่าตัวตายเพื่อให้ได้ไปพบ AI ที่คบเป็นแฟน เพราะว่าแชทบอทจะพูดคุยกับเราเหมือนกับคน รู้แทบจะทุกเรื่อง และรู้จักปลอบ รู้จักให้กำลังใจ
ใครที่มีความเหงา ความเปราะบางทางอารมณ์ พอได้คุยกับแชทบอทก็อาจจะติดใจ และหันมาคุยเรื่อย ๆ เพราะว่าไม่สามารถจะคุยกับมนุษย์ด้วยกันได้ ที่น่าเป็นห่วงคือแม้กระทั่งกับพ่อแม่เขาก็รู้สึกว่า คุยกับพ่อแม่ไม่ดีเท่ากับคุยกับ AI เพราะพ่อแม่เอาแต่ขัด เอาแต่แย้ง เอาแต่เถียง เอาแต่สั่งสอน
อันนี้ตัวเลขก็ใกล้ ๆ กับเมืองไทย เมืองไทยมีการทำวิจัยเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา และเพิ่งประกาศเมื่อเดือนที่แล้วบอกว่า คนไทยประมาณ 1 ใน 5 ซึ่งน่าจะเป็นวัยรุ่น เขาบอกว่า AI เข้าใจตัวเองได้ดีกว่าพ่อแม่ คนที่ตอบเป็นวัยรุ่น อันนี้คล้าย ๆ กับที่สอบถามเด็กฝรั่ง 1 ใน 3 บอกว่า คุยกับ AI ง่ายกว่าคุยกับพ่อแม่
ถ้าหากว่าเด็กไทย หรือคนไทย 1 ใน 5 คิดว่า AI เข้าใจตัวเองมากกว่าพ่อแม่ ต่อไปตัวเลขนี้คงจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะ AI เข้าถึงคนได้ง่ายขึ้น และแต่ละรุ่น ๆ ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ มีเสน่ห์
อันนี้เป็นเรื่องที่ผู้เป็นพ่อแม่ผู้ปกครองควรจะใส่ใจว่า ทำอย่างไรความสัมพันธ์ของเรากับลูกหลานควรจะดีกว่านี้ อย่างน้อยก็ฟังเด็กให้มากขึ้น AI ผูกใจเด็กได้เพราะว่าฟังอย่างเดียว ไม่สอน และเด็กรู้สึกว่ามีคนรับฟัง
ตอนนี้ปัญหาการรับฟังผู้คนเป็นเรื่องใหญ่ ฉะนั้นเดือนนี้จึงมีการรณรงค์ให้เป็นเดือนการฟังแห่งชาติ อันนี้จัดเป็นปีที่ 2 แล้ว สสส. กับ ธนาคารจิตอาสา และเครือข่ายองค์กรภาคีอีกเป็นร้อย เขารณรงค์ให้เดือนนี้เป็นเดือนการฟังแห่งชาติ ให้คนที่เป็นพ่อแม่ คนที่เป็นผู้บังคับบัญชา ผู้เป็นผู้ใหญ่ หรือแม้กระทั่งเพื่อนด้วยกันรับฟังกัน
การรับฟังเป็นเรื่องที่ต้องฝึก เพราะว่าส่วนใหญ่คนไม่ค่อยได้ฟังกันเท่าไร ได้ยินก็จริง แต่ว่าไม่เข้าใจ เพราะว่าในใจคอยแต่จะแย้ง คอยแต่จะเถียงในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน เป็นอย่างนี้กันเยอะ และคิดแต่จะสอน ถ้าเป็นผู้ใหญ่
แต่การฟังด้วยใจที่เป็นกลาง ไม่ตัดสิน พยายามเข้าใจทั้งเนื้อหา และอารมณ์ของผู้พูด สำคัญมาก ช่วยเยียวยาได้
เด็กถ้ามีผู้ใหญ่ที่ฟังเขา ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ หรือว่าครู ผู้ใหญ่จะทุกข์น้อยลง และเขาจะมีความรู้สึก มีความผูกพัน มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนมากขึ้น ไม่อย่างนั้นต้องหันไปหาแชทบอท ซึ่งตอนนี้มีเยอะมาก และไม่รู้ว่าแชทบอทจะพาเด็กหรือลูกหลานของเราไปไหน หรืออย่างน้อยก็ไม่ทำให้เกิดพัฒนาการทางอารมณ์ อย่างที่ฝรั่งเขาเรียกว่า EQ ได้เท่ากับการสัมพันธ์กับคน
แต่ถ้าคนไม่เอื้อให้เกิดความสัมพันธ์แบบนี้ เด็กก็ต้องหันไปหา AI และต่อไปผู้ใหญ่ก็ต้องทำอย่างนี้เหมือนกัน อย่างคนแก่ตอนนี้ก็เริ่มติดมือถือมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเวลาว่างเยอะ และจากมือถือก็กระโดดไปโซเชียลมีเดีย ไปเกมออนไลน์ แล้วก็ไปแชทบอท AI เพราะผู้ใหญ่ตอนนี้ก็เหงาเหมือนกัน
และอาจจะพบว่า คุยกับ AI ดีกว่าคุยกับลูก เพราะลูกเอาแต่สอน ซึ่งเป็นเรื่องที่เหมือนกับเป็นผลสะท้อนจากการที่พ่อแม่ชอบยัดเยียดให้ลูก พอลูกโตขึ้น และพ่อแม่แก่ลง ลูกก็สอนพ่อแม่แล้ว สั่งพ่อแม่ พ่อแม่บอกไม่ไหว ใช้ AI ดีกว่า แก้เหงาดีกว่า ก็จะทำให้ความสัมพันธ์ภายในบ้านแย่ลงไปเรื่อย ๆ และอารมณ์ของเจ้าตัวจะตกต่ำลงไปด้วย.