PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
  • AI ไม่ใช่ของเล่นสำหรับเด็ก
AI ไม่ใช่ของเล่นสำหรับเด็ก รูปภาพ 1
  • Title
    AI ไม่ใช่ของเล่นสำหรับเด็ก
  • เสียง
  • 14796 AI ไม่ใช่ของเล่นสำหรับเด็ก /aj-visalo/ai-8.html
    Click to subscribe
  • {ampz:shareampz}

ผู้ให้ธรรม
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันพฤหัสบดี, 11 ธันวาคม 2568
ชุด
ธรรมะสั้นๆ ก่อนอาหารเช้า 2568
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล แสดงธรรมเช้าวันที่ 1 ธันวาคม 2568 วัดป่าสุคะโต
    เดี๋ยวนี้เราอยู่ในยุค AI แล้ว ใครที่ไม่รู้ก็ควรจะรู้เอาไว้ แต่ก่อนยังนึกว่าเราอยู่ในยุคข่าวสารข้อมูล หรือยุคโลกาภิวัตน์ นั่นเก่าไปแล้ว ตอนนี้เราอยู่ในยุค AI เพราะว่า AI หรือปัญญาประดิษฐ์เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตของเราอย่างใกล้ชิด โดยที่เราอาจจะไม่รู้ตัว และยิ่งลูกหลานของเราด้วยแล้ว เขาใกล้ชิดกับ AI มาก จะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม
    เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แค่โทรศัพท์มือถือที่มี AI ที่เป็นของเล่นสำหรับเด็กๆ ก็เริ่มจะมีแล้ว สามารถจะพูดคุยโต้ตอบกับลูกของเราได้ ตุ๊กตาพูดได้ตอนนี้เป็นเรื่องที่จะธรรมดาไปแล้ว และเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก
    เมื่อเร็วๆ นี้เขามีการเตือนว่า อย่าให้ของเล่นที่เป็น AI หรือที่เรียกว่า AI Toys ให้ลูกของเรา ให้เด็กของเรา ให้หลานของเรา เพราะแม้ว่าจะราคาไม่แพง จะพูดคุยโต้ตอบกับลูกของเราได้ แต่ก็อันตราย
    อย่างที่เขาพบว่าตุ๊กตาหมีที่พูดได้โดยอาศัย AI ในการขับเคลื่อนการสนทนากับลูกของเรา หลานของเรา คุยไปคุยมาชวนคุยเรื่องเพศ ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่ว่าการคุยเหมือนกับผู้ใหญ่ ซึ่งยังไม่เหมาะสมกับเด็กเล็ก บางทีก็แนะนำเด็กให้ไปค้นหาสิ่งที่เป็นอันตรายหรือยาพิษ เพราะ AI รู้เยอะ ดังนั้นถ้าลูกหลานเราเล่นตุ๊กตาหมีที่ขับเคลื่อนด้วย AI อาจจะเกิดความเสียหายขึ้นได้
    แล้วยิ่งกว่านั้น ถึงแม้ว่าตุ๊กตา AI จะไม่พูดสัปดน หรือไม่ได้พูดกับลูกหลานแบบผู้ใหญ่ แต่ก็อาจจะเกิดผลเสียในแง่ที่ว่า ทำให้เด็กเกิดความผูกพันทางอารมณ์กับตุ๊กตามากเกินไป เกิดความติดใจ ไม่เหมาะสมกับวัย
    เพราะว่าวัยเด็กควรจะรู้จักการมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ เพราะการมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ หรือเพื่อน ทำให้เขารู้จักความผิดหวัง ได้รูจักกับสิ่งที่ไม่ถูกใจ เพราะว่าบางทีพ่อแม่ก็พูดไม่ถูกใจลูก เพื่อนก็พูดขัดหู นี่เป็นธรรมดาของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ ซึ่งเด็กควรจะเรียนรู้ รวมทั้งรู้จักรอคอยด้วย
    แต่ตุ๊กตา AI จะพูดทุกอย่างที่ถูกใจเด็ก เรียกว่าตามใจเด็กก็ได้ ไม่มีการพูดขัดหูขัดใจ ตอบสนองทุกอย่าง ต่างจากคนที่ถามแล้วไม่ตอบก็มี หรืออยากได้อะไรก็ต้องรอกว่าจะได้ แต่ตุ๊กตา AI ตอบสนองทุกอย่างโดยที่ลูกของเราไม่ต้องคอย ซึ่งผิดธรรมชาติ ผิดความเป็นจริง
    และคนเราต้องเรียนรู้ที่จะเจอความผิดหวัง เจอความไม่ถูกใจ เพราะความจริงมันเป็นอย่างนั้น โลกที่แท้จริงเป็นอย่างนั้น จะให้ใครพูดถูกใจเรา หรือจะเจอแต่สิ่งที่ถูกใจทุกอย่างเป็นไปไม่ได้ เพราะแม้กระทั่งจราจร ดินฟ้าอากาศ หรือแม้แต่อินเทอร์เน็ต บางทีมันก็ไม่ทำงาน บางทีรถติด ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาลสารพัด
    เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าให้เด็กหรือลูกหลานของเราไปขลุกอยู่กับตุ๊กตา AI ซึ่งเป็นไปได้อยู่แล้ว เพราะว่าติดใจ ขนาดผู้ใหญ่ยังติดใจ AI เลย ฉะนั้นถ้าให้ลูกหลานของเราไปขลุกอยู่กับ AI จนติดใจ ต่อไปจะเกิดพัฒนาการทางอารมณ์ที่ไม่สมบูรณ์ สิ่งที่เรียกว่า EQ ก็คือภูมิปัญญาทางด้านอารมณ์ จะถดถอยลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องมี ไม่ใช่แค่ IQ อย่างเดียว
    แล้วที่เขากลัวอีกอย่างหนึ่งคือ AI จะเก็บข้อมูลต่างๆ จากลูกหลานของเรา มันรู้ว่าเด็กชอบอะไร สนใจเรื่องอะไร ถ้าเกิดว่าลูกของเราขลุกอยู่กับตุ๊กตา AI บ่อยๆ ก็จะได้ข้อมูลเกี่ยวกับลูกของเรา เกี่ยวกับหลานของเรา
    ถึงแม้มันจะถูกเก็บไว้บนคลาวด์ที่มีการป้องกันแน่นหนา แต่ก็อาจมีมิจฉาชีพหรือแฮกเกอร์เข้าไปเจาะเอาข้อมูลมาใช้ในทางเสียหายกับลูกหลานของเรา เอาข้อมูลส่วนตัวไปเปิดเผย ไปขาย วันนี้อาจจะไม่เกิดผลเสีย แต่พอผ่านไปหลายปีอาจจะเกิดผลเสียได้
    ดังนั้นเขาเลยมีการเรียกร้องว่า 1. ผู้ปกครองอย่าซื้อตุ๊กตา AI ให้กับลูก กับหลาน และ 2. รัฐบาลควรระงับการขายตุ๊กตา AI อย่างน้อย 1-2 ปี จนกว่าจะมีการศึกษาหาข้อดีข้อเสียอย่างชัดเจน เพราะมันยังเป็นเรื่องใหม่อยู่
    ที่จริงอย่าว่าแต่ตุ๊กตา AI เลยที่สามารถจะก่อผลเสียให้กับเด็กได้ แม้กระทั่งแชตบอตที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือ ก็อาจจะมีผลเสียกับผู้ใหญ่ได้
    อย่างที่เคยพูดไปแล้วว่า ในเมืองไทยมีการวิจัยพบว่า 1 ใน 5 ของคนไทยคิดว่า AI เข้าใจตัวเองดีกว่าคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ลูก หรือเพื่อน คุยกับ AI ง่ายกว่าคุยกับคนในครอบครัว เพราะว่ามันไม่เถียง ไม่สอน ไม่แย้ง มีแต่พูดสิ่งที่ถูกใจ
    ลูกก็เลยคิดว่าเข้าใจเรามากกว่าพ่อแม่ ก็เลยไปขลุกอยู่กับ AI แทนที่จะมีความสัมพันธ์กัน พ่อแม่กับลูก ซึ่งที่จริงก็น่าเป็นห่วงอยู่แล้ว เพราะความสัมพันธ์ที่เหินห่างมากขึ้น ทำให้คนไปขลุกอยู่กับ AI มากขึ้น แล้วพอติดใจ AI เลยทำให้ความสัมพันธ์ยิ่งเหินห่างไปใหญ่
    นี่เป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ว่ายุค AI มาถึงเราแล้ว และจะมีผลกระทบอย่างไรบ้าง ไม่ใช่แค่ใช้ให้เป็นอย่างเดียว ต้องใช้ให้ถูกด้วย เพราะถ้าใช้ไม่ถูก จะเกิดผลเสียทั้งกับเราและลูกหลานของเราที่เติบโตมาในยุค AI จนกระทั่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาไปแล้ว และถ้าเขาไม่รู้จักแยกแยะ ก็จะเกิดผลเสียมาก.

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service