แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]
ท่านพุทธทาสภิกขุ ได้หยิบยกเรื่องราวเบ็ดเตล็ดและประสบการณ์ส่วนตัวมา "ล้อ" หรือพิจารณาอย่างมีอารมณ์ขัน พร้อมสอดแทรกข้อคิดเชิงธรรมะที่ลึกซึ้ง ท่านเริ่มต้นด้วยการชี้ให้เห็นถึงความเข้าใจผิดที่มักเกิดขึ้นจากความปรารถนาดีที่สวนทางกัน เช่น ความต้องการความสงบในวัด กับความต้องการใช้พื้นที่เพื่อความบันเทิงของคนบางกลุ่ม
ประเด็นสำคัญที่ท่านเน้นย้ำคือเรื่องเมตตาธรรมต่อสรรพสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ในวัด ท่านเล่าถึงประสบการณ์การผูกมิตรกับตะกวด และปัญหาที่เกิดจากฝูงอีกาจำนวนมาก เพื่อแสดงให้เห็นทั้งความเป็นไปได้และขีดจำกัดของมิตรภาพระหว่างมนุษย์กับสัตว์ ท่านได้เตือนถึงบาปพิเศษจากการทำร้ายสัตว์ในวัด ซึ่งเป็นเขตอภัยทาน และเรียกร้องให้สอนเยาวชนให้มีจิตใจเมตตา
นอกจากนี้ ท่านยังได้อธิบายถึงหลักการและเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจบางประการที่อาจถูกวิจารณ์ เช่น:
ท่านยังได้ชี้แจงข้อกล่าวหาต่างๆ เช่น การถูกมองว่ารังเกียจพระพุทธรูป ท่านอธิบายว่ามิได้รังเกียจ แต่เน้นการไม่ยึดติดพระพุทธรูปจนบดบังพระธรรมคำสอนที่แท้จริง และการถูกกล่าวหาว่า "แอนตี้ผู้หญิง" ท่านก็ชี้แจงว่าเกิดจากการรักษาวินัยสงฆ์มากกว่าความเกลียดชัง โดยรวมแล้ว คำบรรยายนี้สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของการอยู่ร่วมกัน การตีความที่แตกต่าง และความสำคัญของการใช้ปัญญาและเมตตาในการทำความเข้าใจผู้อื่นและสถานการณ์ต่างๆ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวันอย่างถูกต้อง
คำหลัก (Keywords):
ท่านสาธุชนผู้มีความสนใจในการทำบุญล้ออายุทั้งหลาย อาตมาจะได้บรรยายข้อความที่เป็นการล้ออายุสืบต่อไปจากที่ได้บรรยายแล้วในตอนเช้า
ที่จริงก็เป็นเรื่องเบ็ดเตล็ดแทบจะเรียกว่า ไม่มีสาระก็มีทำไมจะต้องเอามาพูด เอามาพูดสำหรับอาตมานั่นก็เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่น่าล้อ เป็นสิ่งที่น่าล้อ เพราะว่าตั้งใจจะทำให้ดีมันก็กลายเป็นเรื่องขัดใจของคนอื่น อย่างนี้มันก็มีอยู่มาก
เราอยากจะให้วัดมันเงียบสงัดแต่คนบางคนซึ่งก็มีไม่น้อยก็ชอบให้มันกึกก้องตามความพอใจของเขา กว่าจะพูดกันรู้เรื่องก็หลายปี เช่นพอมานั่งตรงนี้ เราว่าไอ้ความสงบสงัดอย่างนี้มันสบายดี สบายใจเย็นอกเย็นใจ มันเงียบดี แต่มีคนหลายคนเขาว่ามันเหมาะที่จะฟังเพลง อันนั้นเขาก็เปิดวิทยุขึ้น ก็เขาหิ้ววิทยุไปเที่ยวหาที่สงบเย็นจะฟังเพลงให้มันไพเราะสักที นี่ความประสงค์มันก็ขัดกัน เราต้องการจะทำให้มันดีแต่มันดีคนละอย่าง เราว่าสงบเงียบเย็นอย่างนี้มันดีสำหรับชิมความสงบ บางคนกลับเห็นเป็นว่าไอ้ที่เงียบสงบอย่างนี้เพลงมันไพเราะ จริงไม่จริงก็ไปคิดดู บรรยากาศที่สงบเย็น ไอ้เพลงนี้มันไพเราะกว่าบรรยากาศที่ไม่สงบเย็น นี่ก็แสดงถึงความรู้สึกของคนเราที่มันรู้สึกต่าง ๆ กัน คนเขาเห็นประโยชน์อย่างไรเขาก็ทำไปอย่างนั้น
เช่นสัตว์ในวัดในป่า เช่นนก เช่นสัตว์ ลิง ค่าง เราว่าเอาไว้ดูเล่นดีกว่า เขาว่าเอาไปฆ่าแกงกินจะดีกว่า
ถ้าพระไปขอร้องเขากลับด่าเอาว่าทำไมจึงทำตนเป็นเจ้าของไปเสียหมด แม้แต่นก แม้แต่นกบนต้นไม้ หรือว่าปลาในลำธาร ในสระน้ำ ความรู้สึกมันผิดกันไกลที่เราเห็นว่าเอาไว้ดู เขาก็ว่าจะเอาไว้กิน ก็เลยทำการฆ่าสัตว์แม้ในวัด ซึ่งกฎหมายยังลงโทษผู้ฆ่าสัตว์ในวัดอยู่ดูจะไม่ได้ยกเลิก เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรไม่ได้คิดที่จะใช้กฎหมายใช้อะไรกับคนเหล่านี้
ฉะนั้นขอให้นึกดูแล้วก็เห็นใจทุกฝ่าย เห็นใจสัตว์ เห็นใจพระที่เขาอยากจะมีนก กระรอก ที่พระเขาเอาข้าวให้กินจนมันคุ้มมันคุ้น นี่มันก็ยังมีคนมายิงมาฆ่ามาตีต่อหน้าพระก็ยังมี
ไอ้นกที่ร้องเพราะ ๆเขาก็บันทึกเสียงมันก็เอามาทำเป็นนกต่อ ก็หลอกให้มันเข้ามาด้วยเสียงเครื่องบันทึกเสียงแล้วก็ติดยางติดบ่วง อย่างนี้มันก็มี
เราบอกเขาว่ามันในวัดมันเป็นบาปพิเศษ คือไม่ใช่บาปอย่างธรรมดาสามัญเพราะว่ามันเป็นวัดซึ่งตามธรรมดาวัดก็เป็นของศาสนาเป็นของพระพุทธเจ้า การฆ่าสัตว์ในวัดน่ะมันบาปมันควรจะบาปมากกว่าฆ่าสัตว์นอกวัด บอกว่ามันซวยตลอดกาล
แล้วก็ชี้ให้ดูคนบางคนที่มันอุกอาจ ระราน ฆ่าสัตว์ในวัดนี่ มันซวยมาหลายสิบปีแล้วจะตลอดกาลหรือไม่ก็ยังไม่ทราบ แต่จะเห็นคนคนนั้นมันซวยมาเรื่อยๆ หลายสิบปีแล้ว จะทำมาหากินอะไรก็มีแต่ผิดพลาดมันมีความไม่สมประกอบแห่งจิตใจของเขาน่ะแหละเป็นต้นเหตุ เพราะจิตใจไม่สมประกอบจึงมารุกรานฆ่าสัตว์ในวัดต่อหน้าพระที่นั่งห้ามอยู่ จิตใจมันผิดปกติมากไปเสียแล้วมันก็แน่นอนที่จะต้องซวยตลอดชาติ เขาก็ทำอะไรด้วยจิตใจชนิดนั้นอยู่ตลอดเวลา
ที่จริงสัตว์ป่าสัตว์ทั่วๆไปนี่มันเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายแล้วมันก็ฝึกจนเป็นเพื่อนกันได้ ไม่ว่านกหรือกระรอกหรือสัตว์ใดๆ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าสัตว์เหล่านี้มีความรู้สึกธรรมดาสามัญไม่เป็นศัตรูกัน
เมื่ออาตมาอยู่ที่สวนโมกข์แห่งเก่าโน่นอาศัยอยู่ในเพิงที่ต่อออกไปจากโบสถ์ร้าง เสามันเป็นไม้เก่ามันกลวงมันเป็นโพรง ลูกตะกวดมันเข้าไปอยู่ในโพรงโตลูกตะกวดนี่โตเกือบเท่าข้อมือ ไม่ถึงเท่าข้อมือแต่มันก็โตมากมันอยู่ในโพรง มันโผล่ศีรษะออกมาจากรูเสา พออาตมาเดินเข้าไปในที่พักมันก็หลุบพลุบเลย ก็เดินเข้าออกทีไรมันก็หลุบพลุบแต่หลายหนเข้ามันก็ไม่ค่อยจะหลุบ จนกระทั่งว่าเดินผ่านเฉียดเข้าไป มันก็ไม่หลบ ต้องเอามือไปถูกจมูกมันมันจึงจะหลุบนี่ความเคยชินเป็นมิตรมันมากขึ้น
นี่ตอนหลังๆเดินมันไม่หลุบ เอามือไปถูกจมูกมันมันหลับตาเสีย นี่ลองคิดดูมันทำตนเป็นเพื่อนเหลือประมาณ ไม่ได้ให้อะไรกินนะ ก็ไม่รู้จะเอาอะไรให้ลูกตะกวดกิน ไม่มีความรู้ เพียงแต่เป็นเพื่อนกันแล้วก็อยู่ด้วยกัน อาตมาก็อยู่ในเพิงนั้น เขาก็อยู่ที่เสานั้นก็เป็นเพื่อนกันได้ขนาดนี้
ก็ควรจะถือเป็นหลักว่าไอ้สัตว์เหล่านี้เอาไว้ฝึกความเป็นเพื่อนกันจะดีกว่า อย่าไปฆ่าไปอะไรมันเลย เว้นไว้แต่มันจะเหลือทนจริงๆน่ะจึงค่อยไล่ค่อยตะเพิดไปเสีย
สัญชาตญาณของสัตว์มันไม่ต้องการจะเป็นศัตรู และมันไม่สันนิษฐานว่าใครจะเป็นศัตรู มันเพียงแต่ระวังระวังเชิง พอเห็นว่าไม่มีศัตไม่มีความเป็นศัตรู มันก็แสดงความเป็นมิตร
ไก่ป่ามันก็มามากขึ้นเพราะว่ามันได้กินอะไรบ้าง อย่างนี้มันไม่เหมือนกับไอ้ลูกตะกวดตัวนั้นซึ่งไม่ให้กินอะไรเลย นี่มีไก่ป่าหลายสิบตัวมาคอยกินอาหารเมื่อเราฉัน มันก็ไปอยู่ใต้ถุนร้านที่เรานั่งฉันซึ่งเป็นซี่ควากมันก็มีมาก จนไอ้นักเลงต่อไก่หรือนักเลงยิงไก่มาเห็นเข้าแล้วมันก็เป็นอย่างที่เขาเรียกว่าน้ำลายไหล ทั้งที่มันยังเป็นๆอยู่อย่างนั้น
ก็ไม่เป็นไรทีนี้มันก็มีสัตว์อีกามาพลอยกินด้วย อีกานี่ทีแรกก็มี ๒ ตัวไม่เท่าไรมันเรียกกันมาได้ตั้ง ๔๙ ตัว จนอาตมาไม่ค่อยมีอะไรจะฉันแล้วไปเลี้ยงอีกาตั้ง ๔๙ ตัว ดังนั้นก็เป็นเพื่อนกับอีกาขึ้นมาอีกรายหนึ่ง แต่ว่าเพื่อนรายนี้ทนไม่ไหวอาตมาสารภาพว่าทนไม่ไหว คือว่าพอมากเข้าแล้วมันก็มาอยู่ก่อนก่อนที่เราจะกลับมาจากบิณฑบาต มารออยู่แถวโบสถ์โบสถ์ร้างที่พัก มันมาขี้รดในโอ่งน้ำถังน้ำจนในนั้นเต็มไปด้วยอุจจาระของกา เพราะมันไม่มีฝาปิดจะกินน้ำที่ไหนกัน ไม้ขีดเอาไปหมดหาไม่พบ มันเที่ยวค้นกัดไม้ขีดเอาไปฉีกเล่นบนยอดต้นยางสูงร่วงลงมา เทียนไขมันก็คาบไปทั้งซองเลยมันเอาไปจิกกินอีก กินหรือไม่กินก็ไม่ทราบแต่มันจิก หล่นมาจากยอดยาง นี่เล่าอะไร ๆ ที่ว่ามันจะคาบไปได้มันก็คาบไปหมด นี่มิตรภาพมันสั่นสะเทือนเสียแล้ว
ทีนี้ต่อมามันตามไปรับไปคอยรับอยู่ที่ประตูวัดประตูนอกวัดประตูที่จะเข้าวัด แล้วก็บินตามเข้ามาเมื่อเราเดินกลับเดินเข้ามาในวัดมาสู่ที่พัก มาฉันอาหาร มันก็ไปคอยรับตั้งแต่ริมประตูนอกวัดแล้วบินตามขึ้นมาข้างบนตั้งหลายสิบตัว มันก็ขี้รดกว่าจะมาถึงที่พักนี่มันขี้รด ๒-๓ ตัว ขี้รดหัวรดบาตร รดอะไรที่เดินมานี้
ฉะนั้นเหลือที่จะทนได้ผลสุดท้ายก็ต้องประกาศสงครามกันกับอีกานี้สู้ไม่ไหว ให้คนเขาช่วยขว้าง ช่วยไล่ช่วยอะไรกันไปตามเรื่องแล้วก็ไม่ให้กินเลย อะไรนิดนึงก็ไม่ให้กินมันก็ค่อยๆ หายไป
ที่พูดนี่ก็เพื่อให้รู้ว่าไอ้สัตว์บางชนิดนั้นมันก็เหลือกำลังเหมือนกันที่จะไปผูกพันความเป็นมิตร แต่สัตว์บางชนิดนั้นสมควรอย่างยิ่งที่จะมีความเป็นมิตรเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตาย อย่างลูกตะกวดตัวนั้นมันก็อยู่ด้วยกันเรื่อยมา ไม่ทำอะไรให้เดือดร้อนแม้แต่นิดเดียว จนตัวมันโตเข้าไปในรูโพรงนั้นอีกไม่ได้ ก็หายๆไปไม่ทราบว่าไปไหน นี่พูดถึงเรื่องว่าเรามีสัตว์อยู่ในวัด นี่ก็เพื่อจะฝึกฝนความเป็นมิตรและก็มันก็ช่วยให้ความเป็นพระมากขึ้น แต่แล้วก็ประสบอุปสรรคกับคนบางคนที่ไม่เห็นใจ
จึงขอให้ท่านทั้งหลายช่วยชี้แจงแก่ลูกเล็กๆลูกเด็กๆนั้นว่าอย่าไปทำเลย ไปทำอันตรายสัตว์ในวัดนั้นมันบาปพิเศษคือบาปชนิดที่จะซวยเรื่อยๆไปจนตลอดชาติ คนแก่ๆสงสารลูกเด็ก ๆ ก็ช่วยอธิบายกันในข้อนี้ก็จะมีประโยชน์ด้วยกันทุกฝ่าย
นี่มาพูดถึงเรื่องส่วนตัวแล้วก็เป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ มีแง่ที่จะน่าหัว น่าล้อ หรือว่าน่าสงสารก็ไปคิดดูเอง เราพูดกันในเรื่องที่น่าล้อ ตั้งใจจะทำให้ดีมันก็ทำไม่ได้หรือทำไม่ค่อยจะได้หรือถูกเห็นเป็นว่าใช้ไม่ได้คือไม่ดี
อาตมาไม่รับบวชนาคนอกฤดูกาลพรรษาก็เพราะว่ามันได้ผลไม่ค่อยคุ้มค่าบวชน้อยเกินไป เขาก็ว่าไม่ดีไม่เห็นอกเห็นใจ แต่อาตมาเห็นว่าขืนทำไปวัดมันจะร้างหมด ไม่ยอมรับคนบวช ๗ วัน ๑๐ วัน ๑๕ วัน อะไรอย่างนี้ เพราะว่าถ้าเรายอมเปิดการบวชชนิดนี้ขึ้นมาก็จะทำให้คนหนุ่มๆนั้นบวชกันแต่เพียงชนิดนี้ ไม่บวชจริงไม่เข้าพรรษา วัดมันก็ร้างเพราะไม่มีใครคิดจะบวชอย่างเข้าพรรษา บวชอย่าง ๗ วัน ๑๐ วัน ๑๕ วัน แล้วก็สึกกันเสียหมด มันมีโทษถึงกับทำให้วัดร้าง
พ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายายอะไรก็ตาม ช่วยสอนลูกหลานอย่านิยมบวช ๕ วัน ๑๐ วัน ๑๕ วันเลย มันไม่ได้รับประโยชน์อะไรไม่คุ้มค่าผ้าเหลือง ไม่คุ้มค่าเวลาที่ลงทุนบวช ไม่คุ้มค่ายุ่งยากลำบาก และผลมันก็จะเกิดมีประเพณีชนิดที่ทำให้วัดร้าง คือไม่มีใครจะบวชเข้าพรรษาสมัครบวชนอกพรรษาเดือนหนึ่งบ้าง ครึ่งเดือนบ้าง ๑๐ วันบ้าง ๗ วันบ้าง นั่นแหละลัทธินี้จะทำให้วัดร้างได้
เขาก็โกรธว่าไม่อำนวยความสะดวกบ้าง ว่าเห็นแก่ตัวบ้าง อาตมาก็ไม่ได้เห็นแก่ตัวอะไรแต่เห็นวัดเห็นแก่อนาคตของวัด เห็นแก่พระศาสนานั่นแหละมากกว่า เห็นว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสงสารตัวเองอยากจะให้มันดีมีผลดีมันก็มีความเข้าใจผิดกันอย่างนี้
และเดี๋ยวนี้ก็งุ่มง่ามร่างกายไม่แข็งแรงไปไหนก็ไม่สะดวก ก็ขอโอกาสว่าอย่าต้องไปไหนเลยจะไปสวดมนต์ บังสกุล หรือไปเทศน์ไปอะไรนอกสถานที่นี้ จะไปหกล้มให้เขาดูเสียมากกว่า อาตมาเชื่ออย่างนั้นจึงไม่กล้าไปหรือไม่กล้ารับนิมนต์
หมอเขาว่าเส้นโลหิตฝอยซีกซ้ายของสมองมันตีบเกือบจะไม่ทำงานมันจะอุดตันได้ง่าย ถ้าไปหกล้มเข้าก็มีหวังไอโลหิตอุดตันหรือเส้นเลือดฝอยแตกจะเป็นอัมพาตหรือว่าจะต้องตายไปเลย นี่ความที่ไม่กล้าไปในที่ต่างๆที่ไม่จำเป็น มีคนว่าเอาแต่ความสะดวกส่วนตัวเห็นแก่ตัว ก็ไปคิดดูเถิดว่ามันเป็นเรื่องเห็นแก่ตัวหรือไม่เห็นแก่ตัว ผู้ใดมองเห็นแล้วก็คงจะเข้าใจว่าทำไมจึงไม่รับนิมนต์เหมือนกับที่เขารับกันอยู่ทั่วๆไป
อาตมาบอกว่า เมื่อตอนหนุ่มๆ นี่มันรับอย่างที่ไม่อยู่กับวัดไม่ได้อยู่ติดวัด เดี๋ยวนี้มันก็แก่ขนาดที่มันงุ่มง่ามแล้วขอยกเว้นทีเถอะ อย่างต้องไปรับนิมนต์ค่ำๆ คืนๆ ไปสวด ไปเทศน์ ไปอะไรเลย ไอ้สังขารมันอยู่ในสภาพที่ไม่อำนวยแล้ว
ข้อนี้ยังนับว่าเป็นโชคดีที่มีคนเห็นใจมากขึ้นไม่ค่อยรบกวน ไม่ค่อยนิมนต์ แม้แต่ทางราชการเขาก็อภัยให้ไม่นิมนต์ แม้ที่สุดแต่การไปรับพระราชทานพัดยศสมณศักดิ์นี้ อาตมาก็ได้รับการผ่อนผันคือบอกความจำเป็นว่าขืนไปก็จะไปหกล้มหรือไปคะมำลงไปในพิธี ก็จะเสียพิธีหมด นี่คือข้อที่ต้องขอยกเว้นเป็นกรณีพิเศษว่าไม่ต้องไปในที่นิมนต์ แม้ที่เป็นราชการ เป็นอันว่าความน่าทุเรศน่าสงสารแห่งสังขารของสังขารนี่มันก็มีอยู่แล้วมากขึ้น เป็นเรื่องโทษในอายุ โทษของชีวิต มีแง่ที่น่าจะล้อเล่น ทำอะไรไม่ได้ไม่สะดวกไม่เหมือนก่อนแล้ว
ที่นี่ท่านคงจะเห็นได้ว่าไม่ได้ตั้งหีบเรี่ยไรไม่ได้ตั้งตู้ให้หย่อนเรี่ยไรเงิน และก็ไม่ออกปากเรี่ยไรทั่วๆไปนอกวัดนอกวา ในวัดก็ไม่ตั้งหีบเรี่ยไร มีคนบอกว่ามันโง่มันทำไมไม่ตั้งหีบเรี่ยไร ก็ถ้าตั้งมันก็คงจะได้มากอยู่เหมือนกัน
เขาก็บอกว่าไอ้เรื่องเรี่ยไรโดยตรง หรือเรี่ยไรโดยอ้อม ตั้งหีบตั้งตู้ไว้นี่มันรบกวนคนอื่น มันไม่ใช่ที่ทำความสงบเย็น มันเป็นเรื่องรบกวนจิตใจของผู้อื่น เขาไม่อยากจะให้เขาก็ต้องให้เพราะมันตั้งอยู่ให้เห็น และถ้ามากันหลายคนไอ้คนหนึ่งให้ไอ้คนที่ไม่ให้มันก็ละอายก็ฝืนความรู้สึก มันเป็นเรื่องยุ่งไปหมด
เราก็ไม่เรี่ยไรทั้งนอกวัดไม่เรี่ยไรทั้งในวัด ฝรั่งคนหนึ่งเขามาออกปากว่า เขาเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรกในเมืองไทยที่วัดไม่ได้ตั้งหีบหย่อนสตางค์ เขาเรียก Donation Box เราไม่มี ไม่ได้ตั้งหีบหย่อนสตางค์ เขามาบอกอาตมาว่าเขามาเห็นที่นี่เป็นวัดแรกในประเทศไทย
บ้าหรือดีก็ไม่รู้ถ้าไม่ทำเหมือนคนอื่นเขาว่าบ้าทั้งนั้นแหละ คุณก็เคยว่าคนอื่นที่เขาไม่ทำเหมือนเราว่าเป็นคนวิปริต วัดนี้ก็ต้องวิปริตที่ไม่มีหีบตั้งไว้สำหรับเรี่ยไรก็เป็นเรื่องน่าล้อซึ่งอำนวยความประสงค์อันนี้ไม่ได้ คนที่หวังดีเขาก็ยังมาแนะนำว่าควรจะมี อาตมาว่าไม่ได้เพราะมันทำมาตั้งแต่แรกแล้ว
เรื่องไม่ตั้งหีบเรี่ยไรและก็ไม่ตั้งเซียมซี ที่จริงก็คิดจะตั้งอยากจะตั้งที่สุด แต่จะกลายเป็นไอ้เซียมซีบ้าหรือจะบอกในใบเซียมซีว่า คนที่จับได้ใบนี้น่ะมันเป็นคนไม่ประพฤติธรรมะข้อนั้นข้อนั้นข้อนั้น เป็นคนเลว ไม่มีธรรมะข้อนั้น ข้อนั้น คนนี้จะต้องไปปฏิบัติธรรมะเสียใหม่ ใบเซียมซีทุกใบจะบอกธรรมะสำหรับคนที่จับได้และจะต้องปฏิบัติให้เป็นคนดีกันเสียบ้าง ก็คิดอยู่เสมอว่าจะมีหีบเซียมซีอย่างนี้แต่ก็ยังไม่ได้ทำ กลัวว่ามันจะเกิดเรื่องกลายเป็นเซียมซีด่าคนไม่ได้ให้พรใคร ความคิดนี้ยังตายด้านอยู่ ดีหรือไม่ดี น่าล้อหรือว่าน่าชมก็ลองไปคิดดู
คนเขามาบอกว่าช่วยเป่าหัวทีเป่ากระหม่อมทีอย่างนี้มันมีทุกเดือน เดือนละหลายๆครั้ง แล้วบางรายก็เป็นผู้หญิงด้วยก้มหัวเข้ามาให้ช่วยเป่าหัวที เป่ากระหม่อมทีจะทำได้อย่างไร นี้เข้าใจว่าคงมีที่อื่นทำไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ทำกับเราที่นี่อย่างนี้
อาตมาบอกเขาว่าทำไม่เป็นไม่ได้ศึกษา มีผู้ชายคนหนึ่งเขาก็ ชิ เขามองตาอาตมาถลน เพราะอาตมาบอกทำไม่เป็นไม่ได้ศึกษาไอ้เรื่องเป่าหัวนี่ นี้ก็ยังคงมีอยู่ยังคงมีอยู่ แม้จนวันนี้ จนบัดนี้มันก็ยังมีคนเข้าไปก้มหัวเข้าไปเกือบจะถึงตัวให้เป่าหัวที บอกว่าทำไม่เป็นแสดงว่าเขาไม่เชื่อ
เรื่องรดน้ำมนต์ที นี้จะมากกว่าเป่าหัวซะอีก บอกว่าไม่ได้ทำ ยังไม่ได้ทำ น้ำมนต์ยังไม่ได้ทำ มันก็มีที่อื่นทั่ว ๆ ไปแล้ว มากแล้วก็ไม่ต้องทำ บางทีก็ขอพระเครื่องบอกไม่ได้ทำ มันมีมากทั่วไปทุกหนทุกแห่งแล้วคุณไปเอาแห่งละองค์ละองค์ เอามาแขวนเถอะคอหักตาย ที่นี่ไม่ต้องทำ มันก็มีสีหน้าไม่ชอบใจโกรธหรือขัดใจ เป็นเรื่องที่เป็นปัญหาอยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ อาตมาหมดปัญญาไม่รู้จะแก้ปัญหานี้อย่างไร ใครฉลาดก็ช่วยบอกหน่อยว่าจะแก้ปัญหานี้กันอย่างไร
ซื้อรถยนต์มาใหม่เอามาให้ช่วยเจิม นั่งอ้อนวอนอยู่นั่นแหละ บางทีก็เป็นเด็กใกล้ชิดสนิทสนมด้วยไม่รู้จะทำอย่างไร
อาตมาก็เอาแป้งมาเขียนที่กระจกเป็นรูปตัว อ. แล้วก็ตัว ป. และก็ตัว สุ
อ. คือ อประมาท แกอย่าอวดดีอย่ากินเหล้าขับรถอย่าง่วงนอนขับรถอย่าประมาท
และก็ ป. คือ ประหยัด คือ ถ้าเก็บค่าโดยสารได้แล้วให้ประหยัดไว้สำหรับใช้ซ่อมรถต่อไปข้างหน้า อย่าเอามากินเหล้าเสียหมดใช้จ่ายเสียหมด ป. ให้ประหยัด มันก็จะมีเงินซ่อมรถหรือว่ามีเงินใช้
แล้วก็ สุ ว่า สุภาพ ถ้าแกเป็นคนสุภาพก็จะไม่ถูกคนโดยสารหรืออันธพาลตีหัวแตกตาย
ถ้าถือ อ. อประมาท ไม่ประมาท ถือ ป. คือ ประหยัดอย่างยิ่ง ถือ สุ คือ สุภาพ นี่เจิมรถยนต์เขียนหนังสือให้ 3 ตัว มันก็ปรากฎว่ายังไม่มีเรื่อง ไอ้พวกที่ได้รับเจิมไปนั้นมันยังดีดีกันอยู่ ไอ้เจิมอย่างอื่นก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ไม่ได้เรียนจริง ๆ มันไม่เรียนว่าเจิมแจมนี่ทำกันอย่างไร ก็ได้แต่ทำอย่างนี้ นี่ถ้ามันผิดเขาบ้างก็เป็นเรื่องที่น่าหัวน่าล้อเหมือนกัน
ทีนี้ก็มีเรื่องถูกกล่าวหาว่ารังเกียจพระพุทธรูป นี้มันเป็นโคลนที่สาดโดยไม่ตั้งใจโดยเข้าใจผิด
อาตมาไม่ได้รังเกียจพระพุทธรูปไม่เชื่อลองเอามาให้สิก็จะรับไว้ทั้งหมด ไม่ได้รังเกียจพระพุทธรูปอะไรแต่บางทีก็ไม่สะดวกที่จะตั้งอย่างตรงนี้วันนี้ก็ไม่ได้ตั้ง เห็นไหมเพราะมันไม่ได้ตั้งไม่ใช่รังเกียจอะไร ไม่ได้มีเจตนาจะรังเกียจพระพุทธรูปแต่ความเคยชินมันมีไปในทางมีพระพุทธเจ้าหรือพระพุทธรูปข้างใน ในจิตในใจเสียมากกว่า
ช่วยบอกเขาทีว่าอาตมาไม่ได้รังเกียจพระพุทธรูป ก็มีอยู่หลายองค์เหมือนกันว่าที่จริงแต่ไม่ค่อยได้เอามาตั้ง ใครว่ารังเกียจพระพุทธรูปก็ข่วยเอามาก็จะรับไว้ให้ดู
ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปรังเกียจพระพุทธรูป มันจะน่ารังเกียจก็ต่อเมื่อไปยึดถือในพระพุทธรูปมากเกินไป อย่างที่คนโบราณแต่กาลก่อนเขาบอกว่าพระพุทธรูปบังพระพุทธเจ้า นั่นน่ะมันน่ารังเกียจมันยึดมั่นในพระพุทธรูปมากเกินไปจนไม่รู้จักพระพุทธเจ้าพระองค์จริงที่เป็นนามธรรม อย่างที่พระองค์ตรัสว่าผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา ผู้ใดเห็นเราผู้นั้นเห็นธรรม การเห็นเนื้อเห็นตัวจับชายจีวรไว้นี้ไม่ชื่อว่าเห็นเรา
ถ้าไปยึดมั่นถือมั่นในพระพุทธรูปมากเกินไปก็บังพระพุทธเจ้าพระองค์จริง บังพระธรรม บังอะไรไปหมดเลย ดังนั้นขอให้ระวังที่ตรงนั้นอย่าไปตั้งข้อรังเกียจที่พระพุทธรูป กับมีความระมัดระวังที่ว่าอย่าให้พระพุทธรูปนี้เกิดบังพระพุทธเจ้าหรือเกิดบังพระธรรมขึ้นมา
ถ้าท่านทั้งหลายมีพระพุทธรูปอยู่ในห้องบูชาบนหิ้งที่ไหนก็ตามใช้พระพุทธรูปเป็นจุดสำหรับเพ่งให้ทะลุเข้าไปถึงพระพุทธเจ้าพระองค์จริงซึ่งมีพระพุทธรูปนี้เป็นตัวแทนหรือเป็นสัญลักษณ์ เราอาศัยสัญลักษณ์และก็สอดส่องทะลุสัญลักษณ์ให้ไปถึงตัวความจริงมันก็ได้ประโยชน์ ดังนั้นถ้ามีพระพุทธรูปก็มีไว้สำหรับเป็นถ้ำมองสำหรับมองให้ทะลุเข้าไปถึงพระพุทธเจ้าพระองค์จริง มีประโยชน์อย่างยิ่งดีกว่าไม่มี
นี้จึงว่าไม่ได้รังเกียจพระพุทธรูปแต่จะรังเกียจในการที่จะยึดมั่นถือมั่นติดแน่นผ่าทะลุไปไม่ได้นั่นแหละมากกว่า จะเอามาแขวนคอก็ได้ไม่ต้องรังเกียจอะไรแต่ถ้ายึดมั่นถือมั่นจนไม่มีจิตใจถึงพระพุทธเจ้าจริงแล้วมันก็คงจะไม่คุ้มค่าที่มันรุงรังอยู่ที่คอ
นี่อาตมาพูดเพื่อให้เข้าใจกันถ้าจะล้อใครจะด่าจะว่า ก็ไม่โกรธ มันมีเรื่องอยู่อย่างนี้มีคนเอามาจากไหนพูด ไปเที่ยวเขียนในหน้ากระดาษนั่นนี่ว่า อาตมานี้แอนตี้ผู้หญิง ฟังดูก็ไม่รู้ว่าอะไรหมายความว่าอะไร แต่มันมีตัวหนังสือเขียนว่าอาตมาแอนตี้ผู้หญิง
คนเขียนมันคงจะบ้าเองไม่มีความรู้สึกอะไรที่จะต้องไปแอนตี้ผู้หญิง ผู้หญิงเป็นมารดาของโลก ก็ต้องการให้ผู้หญิงเป็นผู้หญิงคือเป็นมารดา อย่ามาทำหน้าที่มาแย่งหน้าที่บิดา นั่นจึงจะน่ารังเกียจ ถ้าผู้หญิงคนไหนไปแย่งหน้าที่บิดาแล้วมันก็น่ารังเกียจ ถ้าเป็นมารดากล่อมเกลาวิญญาณของลูกเด็กๆให้เป็นไปอย่างถูกต้องก็เป็นผู้ที่เคารพ น่าเคารพบูชา ตามความหมายของคำว่ามารดา
แต่ที่รู้สึกอยู่อย่างหนึ่งผู้หญิงมักถามจู้จี้กว่าผู้ชายอย่างนี้ บางทีก็ถามปัญหาที่ไม่ต้องถามก็มี มาถามถึงอายุอานาม ถามถึงนั่นนี่เป็นรายละเอียดมากเกินไป อย่างนี้อาตมารำคาญเหมือนกัน ถามเหมือนอยากจะมาขอแต่งงานด้วย หรือว่าถามเหมือนอยากจะมาซื้อที่ดินวัดนี้ อย่างนี้ทำไม่ได้ มันคุยด้วยไม่ได้
ถึงแม้พวกฝรั่งก็เหมือนกัน ผู้หญิงฝรั่งนี้อาตมาเคยปฏิเสธไม่ยอมพบไม่ยอมคุยด้วยจนเขาโกรธก็มี เพราะว่ามันเป็นผู้หญิงและก็คุยกันแต่ผู้หญิงคนเดียว คนอื่นเขาฟังไม่รู้เรื่อง มันก็เหมือนกับนั่งในที่ลับหูกับผู้หญิง มันเป็นอาบัติอย่างนี้เป็นต้น อย่างนี้ก็ควรอภัยว่าไม่ใช่อาตมาจะแอนตี้หรือเกลียดชังผู้หญิง แต่มันต้องปฏิบัติตามระเบียบวินัยบาง อย่างก็ปฏิบัติได้เช่น จะไม่ยอมพูดกับผู้หญิงฝรั่งในลักษณะที่มันน่าเกลียดสำหรับทางวินัย แม้แต่จะเขียนจดหมายผนึกถึงผู้หญิง มันก็ยังรู้สึกว่ามันมีอาการเหมือนกับว่านั่งในที่ลับหูลับตากับผู้หญิงอย่างนี้เป็นต้น ไม่จำเป็นเหลือเกินก็ไม่ค่อยจะทำอันนี้เป็นมูลเหตุให้เขาหา กล่าวหาว่าแอนตี้ผู้หญิงซึ่งความจริงมันไม่มี ไม่รู้ว่าจะแอนตี้ไปทำไมกัน
นี่เป็นเรื่องเบ็ดเตล็ดเล็กๆน้อยๆ เรียกว่าจะไม่มีสาระอะไร ทำไมต้องเอามาพูดมันก็มาพูดเพื่อให้รู้กันไว้ ใครอยากจะล้อก็ได้ช่วยกันล้อ